07 | เพื่อน… สนิท

1449 คำ
ปรางทิพย์เดินยิ้มออกมาที่ห้องรับแขกอย่างอารมณ์ดี เมื่อเธอมองเห็นร่างสูงโปร่งของเตชินทร์เพื่อนสนิทที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ต่างประเทศที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารอยู่ในห้องรับแขก “มาได้ยังไงเนี่ย!!” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “ก็บอกแล้วไงจะรีบตามมาไม่ดีใจเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ “ดีใจสิ… แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยท่าทางดีใจ “เพื่อนๆ บ่นคิดถึงปรางกันใหญ่เลยนะ” เตชินทร์ที่ดูนิ่งก่อนหน้า ตอนนี้กลับพูดออกมาด้วยท่าทางมีความสุขก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของหญิงสาวเอาไว้ “จริงเหรอ ปรางก็คิดถึงเพื่อนๆ เหมือนกัน” ปรางทิพย์รีบดึงมือออกจากมือของเตชินทร์ทันที ไม่คิดเลยว่าเตชินทร์จะกล้าจับมือเธอแบบนั้น แล้วเธอก็ยังไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขาและเธอคงเป็นได้แค่เพียงเพื่อนเท่านั้น ถึงแม้ว่าเตชินจะไม่ยอมรับก็ตาม “แล้วนี่ปรางสบายดีหรือเปล่า” เตชินทร์เอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ปรางสบายดี” ปรางทิพย์ตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม “แล้วทำไมปรางดูผอมลงล่ะ” เตชินทร์มองดูปรางทิพย์ด้วยท่าทางเป็นห่วง “ไม่ผอมหรอก… ปรางก็เป็นแบบนี้แหละ” ปรางทิพย์ตอบไปตามความจริงเพราะรูปร่างเธอก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เตชินทร์เป็นลูกชายของนักธุรกิจ ฐานะทางครอบครัวก็ไม่ได้น้อยหน้าครอบครัวของปรางทิพย์สักเท่าไหร่ ซึ่งทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่เห็นเธอและเตชินทร์สนิทสนมกัน แต่สำหรับปรางทิพย์แล้วเธอกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลยแม้แต่น้อย… “เตเสียใจเรื่องพี่โปรดด้วยนะ” เตชินทร์พูดออกมาเสียงเบาเพราะเขาเองก็เคยพูดคุยและสนิทกับโปรดปรานอยู่บ้าง “ขอบใจนะ” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติก่อนที่จะยิ้มบางๆ ออกมา ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปพอที่จะเยียวยาให้ความแค้นที่อยู่ในใจเธอลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความแค้นที่มีมันจะหายไปได้หมด มันยังคงอยู่ในใจเธอตลอดและรอแค่เวลาที่เธอจะได้แก้แค้นเขาเท่านั้นเอง… ก่อนหน้านี้ปรางทิพย์เคยคิดว่าชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งและอ่อนโยนคนนี้น่าจะเป็นคนที่เหมาะสมกับเธอที่สุด แต่ติดเพียงในใจของเธอยังไม่ได้รักหรือรู้สึกกับเขาในฐานะคนรัก เธอเชื่อเสมอว่าวันเวลาต่อไปในวันข้างหน้าจะทำให้เธอเปลี่ยนใจมารักผู้ชายที่ดีและเพียบพร้อมทุกอย่างแบบเตชินทร์ได้ จนกระทั่งเธอได้มาเจอกับไตรภพก็ทำให้ผู้ชายที่ดีแบบเตชินทร์หมดความหมายไปในทันที “แล้ววันนี้เตไม่ได้ไปทำงานเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นเวลาทำงาน “ตอนเย็นมีประชุม แต่เตโทรเลื่อนเป็นพรุ่งนี้แล้ว” เตชินทร์ตอบออกมาเสียงเรียบ “อ้าว… ทำไมล่ะ” ปรางทิพย์ได้ยินที่เขาพูดถึงกับต้องรีบถามออกมาด้วยท่าทางสงสัย “ก็จะได้มีเวลาอยู่คุยกับปรางนานๆ ไง” เตชินทร์พูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง ในสายตาที่เตชินทร์มองปรางทิพย์ ช่างเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการได้พูดคุย ได้เห็นหน้าและได้คอยช่วยเหลือให้เธอมีความสุข แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่เตชินทร์พอใจมากแล้ว… “เตไม่ได้ไปทำงานเหรอวันนี้ทำไมถึงได้มาคุยกับปรางจนถึงเย็นเลย” คุณหญิงประไพพรรณเอ่ยถามลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียวเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนคุยกันนานตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นที่เขาพึ่งจะขอตัวกลับ “ปรางไล่เขากลับตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมไป” ปรางทิพย์พูดออกมาด้วยท่าทางน่าเบื่อ “ถึงกับต้องไล่กลับเลยเหรอ” คุณหญิงประไพพรรณหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพอใจก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบปอยผมที่นุ่มสวยเป็นเงาเบาๆ ด้วยความรัก “ค่ะ” ปรางทิพย์รีบพยักหน้าตอบ “เตเขาไม่ค่อยอยากไปทำงานหรอกค่ะ จ้องแต่จะมาหาปรางท่าเดียวเลย ปรางเลยบ่นให้ไม่รู้จักทำการทำงานซะเลย” หญิงสาวบ่นให้คุณแม่ฟัง “ก็เตเขารักหนูมากน่ะสิ” คุณหญิงประไพพรรณแกล้งพูดแซวลูกสาวขึ้นมา เพื่อที่จะได้สังเกตสีหน้าของลูกสาวว่าปรางทิพย์จะรู้สึกยังไงกับเตชินทร์ แต่เธอก็นิ่งเฉยไม่ได้มีท่าทางเขินอายอะไรเมื่อพูดถึงเตชินทร์เลยแม้แต่น้อย “แต่ปรางไม่ได้รักเตแบบแฟนหนิคะ ปรางเห็นเตเป็นแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งมากกว่า” ร่างเล็กพูดออกมาเสียงเรียบ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงๆ “แต่เขาก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ นิสัยดีไม่เจ้าชู้ทั้งที่เขาน่าจะทำได้ไม่ยาก” คุณหญิงประไพพรรณบอกลูกสาวด้วยท่าทางอ่อนโยน “ค่ะ… แต่ปรางก็ไม่รักเขาหนิคะ แล้วปรางเองก็พูดกับเขาให้เข้าใจกันตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อที่จะไม่ได้มาผิดใจกันทีหลังและถึงยังไงเรื่องระหว่างปรางกับเตก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานะกันเป็นอย่างอื่นได้นอกจากคำว่าเพื่อนเท่านั้นค่ะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเรียบ แต่ทุกอย่างที่เธอพูดออกมาเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “พูดออกมาขนาดนี้ไม่ใช่ว่าปรางมีใครที่อยู่ในใจแล้วหรือเปล่านะ” คุณหญิงประไพพรรณแกล้งแซวถามลูกสาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าปรางทิพย์ยังคงยืนยันที่จะมีสถานะกับเตชินทร์เพียงแค่เพื่อนเท่านั้น “คุณแม่กำลังหลอกถามปรางอยู่เหรอคะ” ร่างบางถามออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ “แม่ไม่ได้หลอกถาม แต่แม่แค่อยากรู้ว่าปรางมีใครอยู่ในใจแล้วหรือเปล่า ทำไมถึงได้ปฏิเสธเตชินทร์ขนาดนี้” คุณหญิงประไพพรรณยิ้มให้กับลูกสาว “ปรางยังไม่มีใครหรอกค่ะ ปรางยังไม่พร้อมที่จะรักใคร” ปรางทิพย์ตอบด้วยท่าทางเรียบเฉย “ดีแล้วจ้ะค่อยๆ ดูกันไปเรื่อยๆ จะได้รู้นิสัยใจคอกันด้วย ยังไงก็หาคนที่ดีๆ เหมือนคุณพ่อนะ” ทั้งสองคนพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข “ไปๆ มาๆ ยกยอคนข้างตัวเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาทันทีเพราะอดที่จะแซวคุณแม่ไม่ได้เลยจริงๆ “ก็ต้องแบบนั้นสิ คนทำดีก็ต้องชมสิจริงไหม” คุณหญิงประไพพรรณหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข “ค่ะ” ปรางทิพย์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของผู้เป็นแม่ เพราะตั้งแต่ที่ครอบครัวสูญเสียโปรดปรานไปคุณแม่ก็ไม่ยิ้มเลยสักครั้ง “ดูอย่างอากิ่งแก้วสิรายนั้นน่ะเขาชมสามีเขาแทบทุกวัน” คุณหญิงพูดออกมาเสียงเรียบเมื่อนึกถึงกิ่งแก้วน้องสาวของสามี คุณอากิ่งแก้วนั้นรักสามีมากแค่ไหนใครๆ ก็รู้กันทั่ว เมื่อก่อนคุณอาประวิทย์นั้นเป็นเพียงแค่พนักงานรับส่งเอกสารในบริษัทเท่านั้น แต่ด้วยเขามีหน้าตาที่ดีเป็นทุนจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาทำงานด้านธุรการ จนกระทั่งได้มาพบกับคุณอากิ่งแก้วที่เป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทและด้วยท่าทางกริยามารยาทเรียบร้อยและสายตาชื่นชมที่เขามีให้คุณอากิ่งแก้ว ซึ่งทำให้คุณอากิ่งแก้วตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นกันในบริษัท และทุกวันนี้ความรักที่คุณอากิ่งแก้วมอบให้คุณอาประวิทย์ก็ไม่เคยที่จะลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตามเวลาขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะถูกไปทุกเรื่องอยู่เสมอ “แม่หวังว่าลูกสาวของแม่จะได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ เหมือนกับที่แม่ได้แต่งงานกับพ่อของลูกนะ” คุณหญิงประไพพรรณเอ่ยบอกลูกสาวด้วยความรัก ปรางทิพย์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เธอรับรู้ได้ถึงความรักและความหวังดีของคุณแม่เสมอ .. คอมเมนท์ = กำลังใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม