บทที่ 07 น้ำแตก [NC25+] 🔥 🔥

1979 คำ
“มีอะไรหรือ หรือเจ้าอยากขย่มบนตัวข้าอีก” เขาเอ่ยถามด้วยปริศนากำกวม ทำให้นางเผยรอยยิ้มกว้าง และมีท่าทีเขินอายจนเขาอดไม่ได้ที่ขยำก้นเปลือยเปล่าของนาง “ท่านมาจากเมืองไหน แคว้นไหน ทำไมข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อน” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่และเอ่ยบอกนาง “ข้าเดินทางร่อนเร่มาค้าขายในเผ่าต่างๆ ในบริเวณนี้ เป็นครั้งแรก แต่กลับค้าขายไม่ค่อยดี และไม่คิดว่าจะมีศึกสงครามที่กินเพลานานขนาดนี้” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ “ถ้าศึกจบลงเร็วก็ดีไม่น้อย เพราะข้าเป็นห่วงชาวบ้านที่เข้ามาลี้ภัยในเมืองหลวงมากขึ้น ข้าวก็มีจำกัดยิ่งนัก อีกไม่นานฤดูน้ำหลากก็จะมาแล้ว กองทัพแคว้นไป๋จะได้กลับไปเสียที นี่มันก็หลายเดือนแล้วตั้งแต่แม่ทัพสามคนแคว้นไป๋ที่ตายในสนามรบ ยังจะส่งทัพของแม่ทัพหลี่เจิ้น ครั้งนี้อาจเป็นคราวตายของเขาก็ได้” นางเอ่ยบอก ทำให้เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปากทันที “ทำไมท่านถึงคิดว่าหลี่เจิ้นจะแพ้เล่า เขาเป็นยอดขุนศึกของกองทัพไป๋ และมีฉายาว่าแม่ทัพไร้พ่ายเชียวนะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง นางนั่งลงทันที ชักสีหน้าไม่พอใจเขา “ท่านไปยกยอหลี่เจิ้นศัตรูเผ่าของพวกเราได้อย่างไร หรือท่านจะเป็นไส้ศึก” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ใช้มือคว้ากริชขึ้นมาจากใต้หมอนปลดปลอกกริชคมสองด้านออกมาอย่างรวดเร็ว และจ่อที่ลำคอของเขา เขากับมีท่าทีสงบนิ่ง และเอ่ยบอกกับนาง “แล้วถ้าข้าเป็นแม่ทัพหลี่เจิ้นที่แฝงตัวมาเล่า ท่านจะฆ่าข้าหรือไหม” เขาเอ่ยถามและคุกเข่าเข้าไปหานาง นางกลับไม่ถอยหลังหนีทำให้ปลายกริชที่คมกริบอยู่ตรงอกแกร่งด้านซ้าย นางหวาดหวั่นและรู้สึกกลัวในใจขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็น ถ้าเขาเป็นศัตรูของเผ่านางก็ไม่อาจละไว้ได้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นหลี่เจิ้น อีกทั้งสัญญาลักษณ์แห่งแม่ทัพ หรือกระทั่งป้ายหยกก็ไม่มีเช่นกัน แล้วนางจะฆ่าเขาได้อย่างไร “ท่านกลัวเหรอ ถ้าศัตรูมาอยู่ตรงหน้าท่าน” เขาเอ่ยถามนาง เพราะดูท่าทีของนางรู้สึกสับสนภายในใจอย่างมาก “ถ้าท่านเป็นหลี่เจิ้น ข้าก็จะแทงเขาให้ตาย และนำศพผูกแขนสองข้างผูกขาสองข้าง และผูกหัวของเขา และให้ทหารตีก้นม้าให้มันวิ่งไปคนละทิศทาง น่าสะใจไม่น้อย” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เป็นการตายที่น่าอนาถมาก” เขาหัวเราะออกมาทันที “หัวเราะอะไร มีสิ่งใดน่าขันนักหรือ” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าขอโทษ ให้อภัยข้านะ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ท่านไม่ใช่หลี่เจิ้น แล้วข้าจะฆ่าท่านได้อย่างไร” นางเอ่ยบอกและลดกริชลงทันที และนำกริชใส่ปลอกไว้ “ส่วนมากแล้วหญิงคณิกานั้นจะไม่พกอาวุธเข้ามาในห้องหอไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใช่ แต่ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นเจี่ยเจียของหัวหน้าเผ่าตวนมู่ อาจมีคนลอบทำร้ายข้าได้เช่นกัน” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วทำไมท่านจึงเป็นแม่เล้าในหอคณิกา ทั้งที่ท่านเป็นถึงเจี่ยเจียของหัวหน้าเผ่าตวนมู่ ทำไมท่านถึงไม่หาฟูจวินสักคนเพื่อครองเรือน” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย จู่ๆ นางก็ลุกขึ้นจากเตียงนำผ้ามาห่มเรือนร่าง แล้วเดินไปนั่งที่ตั่ง รินเหล้าดอกท้อใส่จอกและยกขึ้นดื่ม โดยไม่พูดสิ่งใด “ถ้าท่านไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และเดินมานั่งข้างๆ นางบนตั่ง “ขอบคุณ ดื่มไหม” นางเอ่ยบอกและยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณ” เขาเอ่ยบอก นางจึงรินเหล้าดอกท้อใส่แก้ว และยกให้เขาดื่ม เขาก็ดื่มทันทีทำให้เขาล่วงรู้ว่าเหล่าที่นี่รสชาติดีแค่ไหน “ท่านทำให้ข้ามีความสุขมากเลย” นางเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็เช่นกัน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม นางจึงขึ้นมานั่งบนหว่างขาของเขา นางยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม น้ำเหล่านั้นไหลลงมาจากริมฝีปากบาง เขาอดไม่ได้ที่จะจูบริมฝีปากบาง นางใช้มือเรียวโอบคอของเขา เขางับริมฝีปากนางเพียงเล็กน้อย นางก็เผยริมฝีปากออกทันที เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากบางนางสอดลิ้นเข้าหาริมฝีปากเขาเช่นกันอย่างดูดดื่มและอ่อนหวานในเพลาเดียวกัน นางเป็นหญิงที่จูบเก่งยิ่งนัก เขาไม่แปลกใจเลยที่รองรับอารมณ์หวงเสน่หาของเขาได้ เขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ราวกับเสียดาย เขาไล่ริมฝีปากจูบที่ซอกคอระหงหนักๆ จนปรากฏรอยแดงขึ้น ค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงมายังเนินอกอวบอิ่มที่ชูชันท้าท้าทายสายตาของเขา เขาใช้ลิ้นหนาโลมเลียปลายยอดที่แข็งเป็นไต นางเองเอ่นอกอย่างเอาใจเขา เขาบรรเลงลิ้นจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง และใช้มือหนาขยำอกอวบอิ่มที่ว่าง ใช้นิ้วเขี่ยเบาๆ ขณะที่เสียงกระเส่าดังออกมาเป็นระยะ “อืม...อื้ม...” เขาเงยหน้ามองนางที่หลับตาด้วยความลุ่มหลงสติหลุดลอย เขามองใบหน้านางด้วยความสุขยิ่งนัก เขารู้สึกหลงใหลนางยิ่งนัก ไม่เคยหลงใหลนางคนใดในระยะเวลาสั้นเช่นนี้มาก่อน นางลืมตาทอดมองใบหน้าที่กรุ่นคิดอย่างหนัก นางไม่อยากให้เขาคิดสิ่งใดนอกจากสิ่งที่กำลังจะทำอยู่ตรงหน้า นางจึงจับดุ้นสอดเข้ามาในกลีบร่อง ทำให้เขาและนางร้องครางกระเส่าพร้อมกัน “ท่านอย่าพึ่งคิดสิ่งใดเลย ตอนนี้คิดถึงเพียงเรือนร่างของข้าที่อยู่ตรงหน้าก็เพียงพอแล้ว” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า ขยับลงบนดุ้นช้าๆ แต่มันทำให้นางเสียวกระสันอย่างน่าเหลือเชื่อ นางไม่เคยเจอใครที่มีดุ้นใหญ่และยาวเช่นมาก่อน นางเองก็รู้สึกชอบมันอย่างมากทีเดียว “ข้าจะมองแต่ท่านคนเดียว” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า ใช้มือหนาลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าราบกลับปลุกปลอบ “พรุ่งนี้ท่านก็ลืมข้าแล้ว...อา...” นางเอ่ยบอก เขาขยับดุ้นรับนางที่กระแทกลงมาใส่เขา แต่ตอนนี้เขาเองก็คนที่กระแทกใส่นางเสียเอง มันทำให้นางสุขสมยิ่งนัก ยิ่งเขากระแทกใส่นางเท่าไหร่น้ำก็ยิ่งปริ่มออกมาเท่านั้น “ข้าไม่มีทางลืมท่านเด็ดขาด...โอ้ว...อา...น่าหลัง...โอ้ว...โอ้ว...” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่าเร่าร้อน นางเองก็ส่ายสะโพกบดขยี้ดุ้นของเขาราวกับว่าจะให้มันแหลกลาญเสียให้ได้ “ข้าอยากแตกแล้ว...อร๊าย...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ...” นางร้องด้วยน้ำเสียงกระเส่าแทบกรีดร้องออกมา เขาเอนกายนางนอนลงบนตั่ง จับเรียวขาทั้งสองข้างพาดบนไหล่ของเขากระแทกลงอย่างหนักหน่วงราวกับว่าเขาไม่ได้ปล่อยกำหนัดมาเนิ่นนาน “โอ้...โอ้ว...โอ้ว...อร๊าย...อา...” “อีกนิดเดียว...อา...” เขาและนางปลดปล่อยน้ำออกมาพร้อมกันทันที เขาสอดสายตามองนางที่นอนหอบกระเส่า ใบหน้าและเรือนร่างเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดขึ้นมา เขาก้มลงจูบริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่มเนิ่นนานราวกับกลัวนางจะหายไปในพริบตา “ข้าไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลย” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม “ข้าดีใจที่ท่านมีความสุข” นางเองก็เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ยามอิ๋เค่อสุดท้ายเหล่าแม่ทัพและนายกองมารอหลี่เจิ้นผู้บัญชาการทัพสูงสุดในแคว้นไป๋ อีกทั้งเขายังมีตำแหน่งเป็นต้าซื่อหม่า ผู้คุมตราพยัคฆ์ควบคุมทหารสามแสนนายทั้งในเมืองหลวง และนอกเมืองหลวง ตามคำสั่งของต้าหวาง ผู้ปกครองแคว้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งนักที่ไม่เห็นเขาอยู่ในกระโจมหลังใหญ่แห่งนี้ “เจ้าเห็นหลี่เจิ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” จู่ม่งเอ่ยถามทหารที่เข้ามาในกระโจมเพื่อไม่ให้เหล่าทหารที่รออยู่ด้านนอกรู้ว่าแม่ทัพใหญ่นั้นหายไป “ครั้งสุดท้ายที่พวกข้าเห็นคือหลังจากท่านแม่ทัพไปเดินเล่นกับท่านก่อนที่พวกท่านสองคนจะแยกกันเข้านอน” ทหารเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสั่นเครือด้วยความกลัว เพราะแม่ทัพใหญ่หายไปนี่คือเรื่องใหญ่มากทีเดียว เพราะเขาหายตัวไปนั้นศัตรูอาจจับเขาไปก็ได้ “ตามหาหลี่เจิ้นให้เจอโดยด่วน ห้ามให้ใครรู้ว่าเขาหายไป” จู่ม่งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดัน “ขอรับ” ทหารสามคนรับคำสั่ง แล้วจึงก้าวออกไปจากกระโจม แต่ทว่ามีชายสองคนเดินสวนเข้ามา นั้นคือหลี่เจิ้นและ เหลียงเยว่ทหารคนสนิทของเขา ทำให้จู่ม่งดีใจยิ่งนักที่หลี่เจิ้นปลอดภัย แต่ต้องเก็บอาการไว้ก่อน “พวกเจ้าหาอะไรกันหรือ” หลี่เจิ้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เพราะจู่ม่งมาอยู่ในกระโจมของเขา “ท่านหายไปไหนมา” จู่ม่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อคืนข้าไปบุกเผ่าตวนมู่มา” หลี่เจิ้นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ขณะที่เหลียงเยว่เรียกขันทีมาถอดเสื้อผ้าเขา เพื่อสวมเสื้อเกราะลงสนามรบในเช้าวันนี้ “ท่านไปกับเหลียงเยว่แค่สองคนเองเหรอ ทำไมท่านไม่บอกข้าก่อน” จู่ม่งเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านแม่ทัพก็พูดให้แม่ทัพจู่สับสนแล้ว” เหลียงเยว่เอ่ยบอก “อย่าบอกนะท่านเข้าไปในหอคณิกา” จู่ม่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเขารู้อุปนิสัยสหายเขาดีว่าเป็นเช่นไร “ใช่” “นี่ท่านไม่ห่วงความปลอดภัยเลยหรืออย่างไร” “เห็นไหมข้าก็ไม่ได้เป็นอะไร วันนี้เจ้าทำให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราจะยึดเผ่าตวนมู่ให้จบสิ้น” หลี่เจิ้นเอ่ยบอกเช่นนี้ ทำให้จู่ม่งสงสัย “ท่านมีวิธีแล้วหรือ” จู่ม่งเอ่ยถาม “ข้าไปเจอหุบเขาคนตาย” หลี่เจิ้นเอ่ยบอก “แล้วมันอย่างไง” “หุบเขาคนตายเป็นที่ผ่านศพออกจากเผ่าไปทำพิธีที่สุสานเยว่ฉิง ข้าให้เหลียงเยว่สืบมาว่า ตรงนั้นไร้ผู้คนเข้าและออกมากนัก นอกจากคนที่พาศพออกเท่านั้น เวรยามหละหลวมมีเพียงสองถึงสามคน และข้าเองก็ไปดูมาแล้วว่าที่นั่นเหมาะกับการโจมตีอย่างยิ่ง” หลี่เจิ้นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า เราไม่ต้องเสียไพร่พลให้มากเกินความจำเป็น อีกทั้งพวกเขาจะได้กลับบ้านไวขึ้น เดี๋ยวข้าไปเรียกเหล่าแม่ทัพนายกองมาปรับแผนโจมตี” จู่ม่งเอ่ยบอกและก้าวเดินออกไปทันที หลี่เจิ้นทอดสายตามองไปยังทิศตะวันออก มองไปยังเผ่าตวนมู่ที่อยู่บนหุบเขาสูงทำให้ยากแก่การโจมตี ทำให้แคว้นไป๋ล่าช้าในการทำสงครามมาสามวัน แต่ทว่าเขากลับนึกถึงหญิงสาวนามว่าตวนมู่น่าหลัง เจี่ยเจียของผู้เป็นหัวหน้าเผ่า “ตวนมู่น่าหลัง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม