ตอนที่ 8 ห่วงใย

1772 คำ
มหาวิทยาลัย “ขอบคุณค่ะ” เจ้าของรอยยิ้มไหว้ยกมือขึ้นมาไหว้ ผู้ใหญ่ใจดีที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งจนถึงหน้าอาคารเรียนรวมที่มีไว้สำหรับเด็กปีหนึ่ง “ตอนเย็น กลับเองได้ใช่ไหม” “ค่ะ หนูจำทางกลับบ้านได้แล้ว” เพราะรู้ว่าเขาคงไม่มีเวลาเทียวรับเทียวส่งเด็กนักศึกษาได้ตลอดต่อเนื่องทุกวัน แทนคุณจึงพาเด็กสาวฝึกนั่งรถไฟฟ้า จากคอนโดมิเนียมมาจนถึงมหาวิทยาลัย ซ้อมทั้งขาไป ขากลับอย่างนี้ติดๆ กันมาหลายวันแล้ว อีกทั้งในโทรศัพท์ เขายังโหลดแอปพลิเคชันสำหรับเรียกรถบริการพร้อมสอนวิธีใช้งานให้เพื่อความสบายใจว่าหากเขาติดธุระฉุกเฉิน เด็กในปกครองจะสามารถเอาตัวรอดได้แน่ๆ ตลอดทั้งวันเขาทำงานแทบไม่มีสมาธิเลย เพราะห่วงพะวงถึงนักศึกษาใหม่ อดรนทนไม่ไหวถึงขนาดขับรถวกกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง ทั้งที่มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะต้องกังวลมากขนาดนี้ มิวไม่ใช่เด็กอนุบาลเล็กๆ ที่ผู้ปกครองต้องไปคอยส่องรั้วโรงเรียนคอยแอบดูว่าลูกตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง กระทั่งเข็มนาฬิกาหมุนวนมาจนถึงเวลาเลิกเรียน นักศึกษากลุ่มใหญ่ทยอยเดินออกมาจากอาคาร และหนึ่งในนั้นคือสาวน้อยหน้าหวานที่กำลังเดินมาท่ามกลางวงล้อมของนักศึกษาชายสามสี่คน แทนคุณไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตัวเองเปิดประตูแล้วเดินลิ่วๆ ลงจากรถ ข้ามถนนมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “คุณแทนคุณ” รอยยิ้มอันสดใสขยายกว้างเหมือนหลอดไฟสว่างส่องผ่านอยู่เบื้องหน้า อารมณ์กรุ่นๆ กับอากาศที่เหมือนร้อนอบอ้าวเมื่อครู่ ดูเหมือนจะคลายลงไปในทันที มือเล็กยกขึ้นมาโบกลาเพื่อนนักศึกษาต่างเพศ แล้วรีบวิ่งตรงมาทางเขาอย่างไม่มีชักช้าอาลัยอาวรณ์กลุ่มเพื่อน “ไหนว่าวันนี้คุณมีงานยุ่งมากไงคะ แล้วทำไมมายืนอยู่นี่” “ใช่ ฉันมีงานยุ่งมากเลย แต่ว่า...อยากแวะมาดูว่าเธอตั้งใจเรียนหรือเปล่า” ตาขวางมองตามนักศึกษาชายกลุ่มเมื่อครู่แล้วยังรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ มือเย็นยกขึ้นไปแตะสันกรามที่ถูกขบ ถูกบดเข้าหากันจนเสียงกรอดๆ ดังลอดออกมาให้ได้ยิน “คุณแทนคุณปวดฟันเหรอคะ” ฝ่ามือนิ่มจับใบหน้านั้นพลิกไปมา แววตาห่วงหาห่วงใย จนเขาจำต้องคลายความขึงเครียดลง “เปล่า อากาศมันร้อนน่ะ ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวฉันต้องกลับไปทำงานต่อ” เจ้าของสนามแข่งรถที่ทิ้งงานทิ้งการ มาตามเฝ้านักศึกษาคว้ามือบางนั้นมาจับไว้ ก่อนจะพาเดินจูงข้ามทางม้าลาย กลับมายังรถที่จอดอยู่อีกฟากของถนน ภายในสนามแข่งรถอันทันสมัย ห่างจากใจกลางเมืองมาไม่มากนัก วันนี้ที่สนามจัดให้มีการแข่งซ้อมรอบคัดเลือกและหนึ่งในนักแข่งรถที่ต้องลงไปซ้อมคือคนที่กำลังเดินจูงมือนักศึกษา เดินแหวกฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามายังพื้นที่รับรอง “นั่งรอฉันอยู่ตรงนี้นะ” ใบหน้าเอียงโน้มลงมาพูดใกล้หู เนื่องจากต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงรถที่กำลังขับวนอยู่รอบสนาม เป็นจังหวะเดียวกับทีมงานคนหนึ่งนำชุดสำหรับลงสนามแข่งมาส่งให้ “คุณแทนคุณ จะลงไปขับรถเหรอคะ” ตาโตมองชุดนักแข่งนั้นก่อนจะหันมาถามด้วยความประหลาดใจ “ใช่ ฉันจะลงไปซ้อมเพื่อเก็บคะแนน” “แต่ว่า...” หน้าซีดหันกลับมองลงไปยังสนามแข่งด้านล่าง เห็นรถแข่งหลากยี่ห้อขับวิ่งวนไปวนมาด้วยความเร็วแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี แทนคุณอ่านสีหน้ากังวลนั้นแล้วจึงยิ้มให้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ห่วงกังวลเรื่องของเขาไปเสียทุกอย่าง “ไม่เป็นไร มันไม่ได้อันตรายขนาดนั้น” “แต่หนูเป็นห่วงคุณนี่คะ” มือยื่นไปแตะชุดนักแข่งแล้วลูบไปมาเบาๆ เธอรู้ว่าแทนคุณเก่ง และมั่นใจว่าสนามแข่งรถแห่งนี้มีทีมเซฟตี้ที่เก่งและเชี่ยวชาญชำนาญในอาชีพ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ห่วงฉันขนาดนั้นเชียว” “ค่ะ หนูห่วงคุณมากเลย” “ฉันสัญญาว่าจะตั้งใจขับด้วยความระมัดระวังที่สุด โอเคไหม” นิ้วก้อยชูขึ้นมาเป็นการให้คำมั่นสัญญา “โอเคค่ะ” นิ้วก้อยเล็กยกขึ้นมาเกี่ยวกันก่อนจะส่งยิ้มหวานเป็นกำลังใจ ภาพของสนามแข่งเคลื่อนผ่านสายตาไปเร็วจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากถนนเบื้องหน้า ประสาทสัมผัสทุกส่วนล้วนต้องสัมพันธ์เพราะหากผิดพลาดเผลอพลั้งไปเพียงเสี้ยววินาทีอาจหมายถึงชีวิต หรืออวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของเขาอาจเสียไปตลอดกาล วันนี้แทนคุณทำเวลาได้ดีเป็นที่น่าพอใจ ทันทีเมื่อเท้าสัมผัสพื้นเสียงปรบมือยินดีของทีมงานพุ่งตรงมาแสดงความยินดี พร้อมกล่าวคำชมเชย หากแต่คนแรกที่เขามองหาและต้องการพบหน้า กลับไม่รวมอยู่ในฝูงชนคนมากมาย “คุณแทนคุณมองหาน้องมิวเหรอครับ” ลูกน้องคนหนึ่งชะเง้อคอมองตามสายตาเจ้านาย “อืม หายไปไหนแล้ว” “เห็นเดินไปทางโน้นครับ” แทนคุณมองตามมือผู้ช่วยไปยังทิศทางนั้นแล้วต้องแปลกใจเพราะทางนั้นไม่ใช่จุดบริการอาหารและน้ำดื่ม แล้วนี่แม่สาวน้อยของเขาหายไปไหนกัน เจ้าของสนามที่วันนี้แปลงร่างมาเป็นนักแข่งรถเดินดุ่มๆ ไปตามทางในหัวจินตนาการล่วงหน้าว่า หากเจอตัวเด็กดื้อขัดขืนไม่เชื่อฟังคำสั่งที่เขาบอกให้นั่งรออยู่กับที่ แล้วจะดุหนักๆ เป็นประโยคไหนบ้าง หากแต่ไอ้ปากที่เตรียมจะอ้าบ่นกลับหุบฉับ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างในทันที “คุณแทนคุณดูนี่สิคะ น่ารักไหม” นักศึกษาสาวกระโดดเข้ามาหา พร้อมยกตุ๊กตาซึ่งทำจำลองเป็นรูปหน้าของเขาสวมชุดแข่งรถยกขึ้นมากอด “เอ่อ ฉันบอกให้เธอรออยู่ที่เก้าอี้รับรอง แล้วเดินมาทำอะไรตรงนี้” จากที่ตั้งใจจะเดินมาดุ กลับกลายเป็นน้ำเสียงถามไถ่ห่วงใยหวานหูไปเสียฉิบ “ก็หนูนั่งดูคุณขับรถแล้วรู้สึกว่าคุณเท่มากเลยค่ะ แล้วคนนั้นเขาก็เดินถือตุ๊กตาอันนี้ผ่านไป หนูเลยอยากได้บ้าง” “เธอจะเอาตุ๊กตาพวกนี้ไปทำไม ฉันตัวเป็นๆ ก็ยืนอยู่นี่” “คุณยืนอยู่นี่มันก็ใช่ค่ะ แต่ว่าหนูกอดคุณไม่ได้นี่คะ หอมแก้มก็ไม่ได้” “อะ อะ อะไรนะ” ขับรถแข่งวนรอบสนามตั้งห้าสิบรอบ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด แต่พอมาได้ยินประโยคสั้นๆ เมื่อครู่ กลับรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียเฉยๆ แก้มสองข้างเหมือนกำลังถูกแดดเผาเพราะมันร้อนวูบวาบ จนเขาต้องยกมือขึ้นมาถูฝ่ามือลงไปแรงๆ “แต่ว่า ทำไมตุ๊กตาตัวนิดเดียว มันถึงแพงจังเลยคะ ตัวแค่นี้เป็นพันเลย” คนที่ยังไม่รู้วตัวว่าเป็นสาเหตุของอาการหน้าแดงนั้น เดินมากระตุกแขนเสื้อเขาพร้อมทำท่ากระซิบถาม “ตุ๊กตาคนหล่อ มันก็ต้องแพงเป็นธรรมดา เอาไปคืนร้านไป ถ้าอยากได้เดี๋ยวฉันหาตัวใหม่ให้” “อื้อ ไม่เอาค่ะหนูชอบตัวนี้” จมูกรั้นขยี้ลงไปบนแก้มตุ๊กตาผ้าเค้าหน้าคล้ายคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้วยความภูมิใจ “อืม แล้วเอาแค่ตุ๊กตาตัวเดียวเองเหรอ ของที่ระลึกรูปฉันมีตั้งหลายอย่าง” แทนคุณชี้กลับไปยังเชลล์สำหรับตั้งโชว์ที่มีทั้งแก้วน้ำ ตุ๊กตาโมเดล พวงกุญแจ เสื้อยืด เสื้อแจ็กเก็ต “พอแล้วค่ะ นี่มันค่าขนมหนูทั้งอาทิตย์เลยนะคะ ตัวเดียวก็พอแล้ว” มือบางคว้าท่อนแขนนักแข่งรถให้หันหลังกลับ แล้วพาเดินห่างออกไปจากส่วนของจุดขายของที่ระลึก “คุณแทนคุณจะกลับเลยใช่มั้ยครับ” ผู้ช่วยคนหนึ่งวิ่งมาถาม ขณะที่เขาเข้ามาเปลี่ยนถอดชุดนักแข่งคืนให้ “อืม เดี๋ยวจะดึกเกินไป พรุ่งนี้มิวมีเรียนแต่เช้าด้วย” ความเคยชินทำให้คำตอบที่หลุดออกไป ทำให้ใครหลายคนในที่นั้นยักคิ้วให้กันจนแทนคุณต้องถลึงตาใส่ “อะไร ฉันแค่เป็นห่วงว่าจะไปส่งมิวที่คอนโดฯ ดึกเกินไปเท่านั้น” “พวกผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ” “ชักจะรู้มากเกินไปแล้วนะพวกนายนี่ เอาล่ะดูแลจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้ามาดู” แทนคุณหันไปสั่งงานลูกน้องอีกเพียงสองสามประโยค จากนั้นเดินกลับออกมาหาแม่สาวน้อยนักศึกษาที่เวลานี้ยังไม่ยอมวางตุ๊กตาของเขาให้ห่างตัว “คุณแทนคุณคะนี่สองทุ่มกว่าแล้ว คุณหิวข้าวหรือยัง วันนี้ทานข้าวครบทุกมื้อหรือเปล่าคะ” คนนั่งด้านข้างหันมาถามด้วยความห่วงใย เพราะรู้นิสัยคนที่ไม่ชอบกินข้าว ยิ่งเมื่อช่วงบ่ายนั้นเขามารอรับเธอที่มหาวิทยาลัยแล้วตรงไปสนามแข่ง นั่นจึงมีความเป็นไปได้ว่าบางทีตลอดทั้งวันนี้นอกจากกาแฟดำมื้อเช้า เขาอาจยังไม่ได้ทานข้าวเลยสักมื้อ “เอาไว้กลับไปกินที่คอนโดฯ ของเธอก็ได้” อันที่จริงเขารู้สึกปวดท้องนิดๆ ตั้งแต่ตอนอยู่ในสนามแข่ง ความเคยชินทำให้รู้ได้ในทันทีว่าอาการโรคกระเพาะกำเริบกำลังกลับมา นั่นยิ่งทำให้เขาไม่อยากกลืนอะไรลงไปเลยเพราะมันจะยิ่งปวดมากกว่าเดิม “ปวดท้องเหรอคะ” ทั้งสีหน้าอาการผิดแผกไปไม่อาจพ้นสายตาของคนที่เฝ้ามองเขาอยู่ตลอดเวลา “ฉันไม่เป็นอะไร อยากกินข้าวไข่เจียวฝีมือเธอ วันนี้ช่วยทำให้กินหน่อยได้ไหม” มือว่างยกขึ้นมาวางลงบนศีรษะจากนั้นขยับดึงมาวางซบลงบนไหล่ตัวเอง “ค่ะ เดี๋ยวถึงห้องแล้วหนูเจียวไข่ให้นะคะ” สาวน้อยพยักหน้ารัวเอียงหัวทิ้งน้ำหนักลงไปพักไว้กับไหล่สูง สายตาไม่กล้าหันไปมองสิ่งอื่นนอกจากท้องถนน เพราะห่วงกลัวว่าหากขยับไปแม้เพียงนิดฝ่ามือที่วางไว้ด้านบนจะถูกเจ้าของริบคืนกลับไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม