ตอนที่ 6 ไถ่โทษ
พลอยขวัญนั่งมองถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าและ คีย์การ์ดคอนโดของเมฆที่วางอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับด้วยความสับสน เพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“โอ๊ย จะบ้าตาย แล้วแกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!” พลอยขวัญต่อว่าตัวเองที่ขับรถยนต์คันหรูมาจอดอยู่ที่หน้าคอนโดของเมฆได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่กล้าตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี “โทรให้เฮียเมฆลงมาเอาดีไหมนะ” พลอยขวัญครุ่นคิด พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเบอร์เมฆที่ฐานทัพให้ไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนจะเก็บมันลงไปที่เดิม เมื่อคิดว่านี่คงจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ “ให้ต่อหน้ายังไม่เอา คิดว่าโทรเรียก แล้วเฮียเมฆจะลงมาเหรอยัยบ้า” พลอยขวัญนั่งถกเถียงตัวเองอยู่ภายในรถราวกับคนเสียสติ
“เอาไงดีเนี่ย!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น เสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น ทำให้พลอยขวัญหลุดออกจากภวังค์ไปสนใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดที่มาเคาะกระจกรถเธอแทน
“มีอะไรรึเปล่าคะ” พลอยขวัญเปิดกระจกรถถามด้วยความสงสัย หรือเป็นเพราะเธอจอดนานเกินไป
“ผมเห็นคุณจอดรถอยู่นานแล้วมีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
“อืม ฝากของไปให้ห้อง…หน่อยได้ไหมคะ” พลอยขวัญลองถามดูเผื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะสามารถช่วยเธอได้
“ผมขึ้นไปชั้นบนไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตครับ คุณผู้หญิงโทรให้เจ้าของห้องลงมาเอาเองดีกว่าครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสนอแนะ
“งั้นเดี๋ยวหนูลองโทรดูนะคะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ถ้าจอดนานเลี้ยวเข้ามาจอดหลบๆ ในคอนโดก่อนก็ได้นะครับ ตอนนี้ตอนเย็นจอดนานเดี๋ยวตำรวจมาล็อกล้อเอา”
“อ๋อ ขอบคุณมากนะคะ” ใบหน้าหวานหันไปมองซ้ายขวา เพื่อมองหาตำรวจด้วยสายตาเลิ่กลั่ก ก่อนจะตัดสินใจขับรถเข้าไปจอดใต้คอนโด เพราะเกรงว่าตำรวจจะมาล็อกล้อเธอจริงๆ
พลอยขวัญตัดสินใจโทรออกไปหาเมฆ เพื่อแจ้งให้เขารับรู้ว่าเธอมารอเขาอยู่ที่คอนโดของเขาเพื่อคืนของ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาระหว่างรอสายจากคนปลายสาย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีคนรับ พลอยขวัญนั่งรวบรวมความกล้าอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจใช้คีย์การ์ดของเมฆขึ้นไปที่ห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ เธอตัดสินใจที่จะเอาคีย์การ์ด และถุงเสื้อผ้าของเมฆไปวางคืนไว้หน้าห้องของเขา แล้วยืนรอคนลงลิฟต์เพื่ออาศัยลงมาชั้นล่างแทน
หน้าห้องของเมฆ
พลอยขวัญยืนมองเลขหน้าห้องที่ระบุเบอร์เดียวกันกับคีย์การ์ดที่เธอถืออยู่ในมือด้วยความตื่นเต้น และประหม่าในเวลาเดียวกัน ก่อนจะตัดสินใจกดกริ่งหน้าห้องของเขา รอไม่นานประตูก็เปิดออกจากด้านใน
“มาทำอะไร” เมฆถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ดวงตาแสดงถึงความไม่พอใจที่เธอรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างชัดเจน “ ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีก”
“…” ใบหน้าหวานก้มหน้าลงมองต่ำที่พื้น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าตามความต้องการของเขา “หนูขอโทษค่ะที่ทำให้เฮียเมฆรู้สึกไม่สบายใจ แล้วก็ที่ทำตัวไม่ดีวันนั้นด้วย หนูรู้สึกผิดจริงๆ นะคะ” พลอยขวัญก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ถ้าจะมาพูดจาเพ้อเจ้อก็กลับไปได้แล้ว ฉันรำคาญ”
“ หนูรู้ว่าจะทำให้เฮียเมฆรำคาญ แต่เฮียเมฆช่วยรับของพวกนี้คืนไปเถอะนะคะ มันมีคีย์การ์ดห้องเฮียเมฆด้วย” พลอยขวัญยังคงก้มหน้าพูด มือเรียวเอื้อมไปจับมือหนาของเมฆให้มารับถุงกระดาษในมือเธอไปถือเอาไว้
“ฉันไม่ว่างลงไปส่งเธอหรอกนะ เอาคีย์การ์ดลงไปแล้วหักทิ้งซะ แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีกฉันไม่ต้อนรับเธอ”
“ถ้าหักทิ้งหนูก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำลายข้าวของของเฮียเมฆสิคะ เฮียเมฆรับคืนไปเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูรอลงพร้อมคนที่จะลงไปข้างล่างพอดีก็ได้ค่ะ”
“แบบนั้นก็ตามใจเธอแล้วกัน” เมฆรับถุงกระดาษมาพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าคนตัวเล็กในทันที ทำให้พลอยขวัญที่ยืนเกร็งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันหลังเดินไปยืนรอคนลงด้านล่างที่ประตูลิฟต์
พลอยขวัญมองนาฬิกาบนข้อมือที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้วที่เธอยืนรออยู่หน้าลิฟต์ แต่ก็ยังไม่มีใครเดินผ่านมาแถวนี้เลยแม้แต่คนเดียว แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนรอต่อไป
“อ้าว เราใช่ผู้หญิงที่ผับวันนั้นไหม” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำให้พลอยขวัญที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“พะ…พี่แบงค์”
“ใช่จริงๆ ด้วยสินะ โลกตั้งกว้าง แต่บังเอิญจังเลยนะที่เราสองคนเจอกันตั้งหลายรอบ”
“คะ…คือว่า”
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ รอลิฟต์เหรอ” แบงค์ชิงเปลี่ยนคำถามเสียก่อน เพราะเขาไม่ได้สนใจอะไรในประโยคแรกมากนักอยู่แล้ว
“ค่ะ พี่แบงค์พักอยู่คอนโดนี่เหรอคะ”
“อืม เราก็พักที่นี่เหรอ”
“อ๋อ หนูเอาของมาคืนพี่ที่รู้จักเฉยๆ ค่ะ กำลังจะกลับ”
“งั้นลงไปข้างล่างพร้อมกันแล้วกัน” แบงค์บอกด้วยน้ำเสียงใจดี ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินไปกดปุ่มลิฟต์แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
“ขอบคุณนะคะ” พลอยขวัญบอกด้วยน้ำเสียงเขินอาย เมื่อแบงค์ยื่นแขนไปกันประตูลิฟต์เอาไว้ให้เธอเข้าก่อน
“ไปชั้นไหนเหรอ”
“ชั้น…เฮียเมฆ!” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามอะไร ดวงตาสีนิลก็จำต้องเบิกโพลงอีกครั้ง เมื่อเมฆเดินแทรกตัวเข้ามาภายในลิฟต์จังหวะที่ประตูกำลังจะปิดลงพอดี
เมฆสบตากับแบงค์ด้วยสายตาว่างเปล่า ทว่าแฝงไปด้วยความดุดัน และแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งๆ ที่ในลิฟต์ไม่มีอะไรที่เป็นของเขาเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะปรายตามองคนตัวเล็กที่มองมาที่เขาด้วยสีหน้าตกใจเพียงนิด และหันกลับไปยื่นมือกดหมายเลขชั้นที่จะลง
“ตกลงเราไปชั้นอะไรเหรอ” แบงค์เอ่ยถามเพื่อข่มอารมณ์หมั่นไส้เมฆเอาไว้
“ชั้นเดียวกับเฮียเมฆค่ะ กดไปแล้ว” พลอยขวัญบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“อ๋อ” แบงค์แสร้งพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะกดหมายเลขชั้นตัวเองที่อยู่คนละชั้นกับทั้งสองคน บรรยากาศภายในลิฟต์ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ และอึดอัดตลอดจนลงมาถึงชั้นล่าง