บทที่ 9 จุกอยู่ในอก

1662 คำ
เวลาผ่านไปไม่นาน จอมใจกับจารวีก็มาถึงอพาร์ตเมนต์อย่างรวดเร็ว จอมใจพามารดาของตัวเองมายังห้องพักของเธอสไตล์มินิมอลของตัวเอง จารวีเข้ามาภายในห้องของจอมใจด้วยความคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดีเพราะเธอค่อนข้างจะมาอาศัยกับลูกสาวบ่อยๆ ทุกครั้งที่สามีของเธอเมาจนขาดสติและจะทำร้ายเธอ เธอก็จะโทรหาจอมใจทุกครั้งเหมือนดั่งเช่นครั้งนี้ “แม่เจ็บตรงไหนไหม” จอมใจปิดประตูห้องพักลงพร้อมกับเอ่ยถามมารดา “แม่ไม่เจ็บตรงเลยลูก” จารวียกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาพลางตอบกลับลูกสาว “แม่กินข้าวมาหรือยัง หนูทำอะไรให้กินไหม” “แม่ขอโทษนะจอมใจ” จารวีมองหน้าลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอก “ไม่เป็นไรเลยจ้ะแม่” จอมใจตอบกลับมารดาไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หนูไปอาบน้ำเถอะลูกทำงานมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้กินนะ” “งั้นก็ได้จ้ะ” สิ้นเสียงของจอมใจ หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวและชุดนอนแขนยาวขายาวในตู้เสื้อผ้ามาถือไว้ จากนั้นเธอก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที จารวีเดินไปเปิดดูตู้เย็นดูวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็นก่อนที่เธอจะเดินออกมาตรงระเบียงห้องเพื่อล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างมือและทำอาหารให้ตัวเองกับลูกสาวได้รับประทานด้วยกัน เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จารวีทำอาหารจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินถือถ้วยจานเข้ามาตั้งโต๊ะอาหารรอลูกสาวของเธออาบน้ำเสร็จ จอมใจสวมชุดนอนแขนยาวขายาวสีน้ำตาลเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อรองรับหยดน้ำที่จะหยดลงมาเปียกเสื้อผ้าของเธอ “ไปเป่าผมให้แห้งก่อนนะลูก จะได้มากินข้าวด้วยกัน” จารวีหันมาเอ่ยกับจอมใจในขณะที่มือของเธอกำลังจัดโต๊ะอาการขนาดเล็กอยู่ จอมใจพยักหน้าให้มารดาหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องสำอาง มือบางเอื้อมไปดึงรั้งผ้าขนหนูผืนเล็กออกจากเรือนผมของตัวเอง จากนั้นจอมใจก็หยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าผมของตัวเอง เวลาผ่านไปไม่นานเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของจอมใจก็แห้งสนิท หญิงสาววางไดร์เป่าผมลงไว้ตรงหน้าของเธอและลุกขึ้นยืนเดินมาตรงโต๊ะทานข้าวขนาดเล็กกะทัดรัด จารวีจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยเธอก็เดินไปล้างมือตรงระเบียงก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับย่อตัวนั่งลงพร้อมลูกสาว จารวีทำเมนูง่ายๆ มาสามอย่างมีพัดผักรวมมิตร ไข่เจียวและต้มข่าไก่ จอมใจนั่งมองหน้ามารดาอยู่ตรงข้ามกัน เธอรู้สึกสงสารคนเป็นแม่จับใจแต่เธอก็ทำได้เพียงเท่านี้ เธออยากจะให้แม่มาอยู่กับเธอแต่จอมใจก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ “กินเยอะๆ นะลูก” จารวีตักข้าวใส่จานยื่นให้ลูกสาวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “แม่ด้วยนะ” จอมใจส่งยิ้มบางๆ ไปให้มารดา หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ใช้เวลาทานอาหารด้วยกันโดยที่ไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักคำเพราะจอมใจไม่อยากให้มารดาคิดมากไปมากกว่านี้ พวกเธอใช้เวลามื้อค่ำด้วยกันไปอย่างช้าๆ จอมใจพยายามส่งยิ้มให้มารดาตลอดเวลาถึงแม้เธอจะมีเรื่องหนักใจมากมายแค่ไหนแต่เธอก็ต้องพยายามเก็บซ่อนมันไว้ในใจ จนกระทั่งมื้อค่ำของสองแม่ลูกผ่านพ้นไป เมื่อทานอาหารเสร็จจอมใจก็ช่วยมารดาเก็บโต๊ะและถ้วยจานไปไว้ที่อ่างล้างจานตรงระเบียง จารวีตั้งท่าจะล้างจานแต่ก็โดนจอมใจเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “แม่ไปอาบน้ำเลยจ้า เดี๋ยวหนูล้างเองนะ” “งั้นก็ได้จ้ะ” จารวีตอบกลับลูกสาวก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปในห้อง จอมใจจัดการล้างถ้วยจานและแก้วอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ร่างอรชรจัดการห้องครัวตรงระเบียงของเธอจนเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินกลับเข้ามาในห้องพักของตัวเอง ร่างแบบบางของจอมใจก้าวเดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้มินิมอลข้างๆ เตียงนอนพร้อมกับเปิดแล็ปท็อปของตัวเองขึ้นมา มือบางเริ่มกดแป้นพิมพ์เพื่อที่จะทำงานที่ค้างคาต่อไว้ให้เสร็จสิ้น หญิงสาวนั่งทำงานได้สักพักจารวีก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา จอมใจหันไปยิ้มให้มารดาหนึ่งครั้งพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เดี๋ยวหนูนั่งทำงานสักพักก่อนนะ แม่นอนก่อนได้เลย” “จ้ะ” จารวีตอบกลับสั้นๆ ทำให้จอมใจหันมาตรงหน้าจอแล็ปท็อปเพื่อที่จะทำงานต่อ จารวีมองไปที่ลูกสาวด้วยความรู้สึกที่หน่วงในใจ เธอไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้เลย แค่ที่เธอไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ ให้ลูกเธอก็ละอายใจมากพออยู่แล้ว มิหนำซ้ำทุกวันนี้จอมใจยังต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างเพียงคนเดียวอีก เธอควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีนะ เช้าวันใหม่ บริษัทศิริโชติจำกัด ร่างอรชรของจอมใจสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกระโปรงทรงเอสั้นสีกรมเข้มกำลังนั่งจัดการกับเอกสารกองโต๊ะบนโต๊ะอยู่หน้าห้องทำงานของท่านประธาน ผมยาวสลวยถูกมัดรวบตึงไว้ตรงกลางศีรษะทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเฉียบคมน่าค้นหายิ่งนัก หญิงสาวนั่งรถมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ส่วนจารวีก็แยกกับจอมใจไปคนละทาง จารวีไปอีกทางหนึ่งเพราะเธอทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละทางกับบริษัทของลูกสาว นักรบเดินออกมาจากลิฟต์หรูด้วยท่าทางน่าเกรงขามกับใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเรียบไร้อารมณ์ตามสไตล์ของชายหนุ่ม ชายหนุ่มปรายตามองจอมใจที่กำลังก้มหน้าก้มตากับแฟ้มเอกสารอยู่เล็กน้อย เสียงทักทายดังขึ้นตลอดทางพร้อมกับพนักงานยืนขึ้นทำความเคารพประธานบริษัทแบบนี้เป็นประจำแต่นักรบก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป จอมใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงหน้าก็พบว่านักรบกำลังเดินมา หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยทักทายเจ้านายด้วยน้ำเสียงสดใส “สวัสดีค่ะท่านประธาน” “อือ” เสียงทุ้มขานรับในลำคอและเปิดประตูเดินเข้าห้องไปทันที จอมใจนั่งลงทำงานของตัวเองตามเดิมเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทีเย็นชาของเจ้านายที่เป็นปกติแบบนี้มาตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นจอมใจก็เดินไปที่ห้องทานอาหารของชั้นนี้เพื่อชงกาแฟให้กับเจ้านาย หลังจากที่จอมใจชงกาแฟเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบยกถาดแก้วกาแฟดำเดินไปในห้องทำงานของนักรบทันที “ขออนุญาตค่ะท่านประธาน..กาแฟค่ะ” จอมใจเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยกถาดวางไว้บนโต๊ะทำงาน มือบางยกแก้วกาแฟออกจากถาดและวางไว้ให้ชายหนุ่มบนโต๊ะทำงานก่อนที่เธอจะหยิบถาดขึ้นมาถือเอาไว้ จอมใจหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มแต่ทว่าเสียงทุ้มทรงพลังก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยวก่อน” “ค่ะท่านประธาน” จอมใจหันหลังกลับมาหาชายหนุ่ม “วันนั้น…ฉันไม่ได้ป้องกัน” นักรบเอ่ยออกไปพร้อมกับมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตด้วยแววตานิ่งเรียบจึงทำให้จอมใจชะงักไปเล็กน้อยแต่หญิงสาวก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไร “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านประธานไม่ต้องกังวลใจไปเลยนะคะ จะไม่มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนค่ะ” “…” นักรบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขายังคงจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของจอมใจ “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะท่านประธาน” จอมใจก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้ง จากนั้นหญิงสาวก็รีบหันหลังกลับและย่างกรายเดินออกมาจากห้องทำงานของนักรบอย่างช้าๆ ด้วยใจดวงน้อยที่เต้นดังโครมครามขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาแต่พอโดนชายหนุ่มพูดขึ้นมาแบบนี้มันก็ทำให้เธอหน้าชาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะเลยเหมือนกัน นักรบมองตามแผ่นหลังแบบบางที่กำลังเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาคิดว่าผู้หญิงที่เสียครั้งแรกให้กับผู้ชายควรจะเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมจอมใจถึงเลือกที่จะทำตัวและพูดแบบนี้กลับมากันแน่นะ ชายหนุ่มนั่งจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่สักพักใหญ่ๆ ในขณะนั่นเองเสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของนักรบก็ดังสั่นขึ้นมา ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ จากนั้นมือหนาก็เคลื่อนไปล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาดู ชายหนุ่มมองจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์ ภูผา เมื่อเขารู้ว่าปลายสายที่ติดต่อมาคือมือขวาของตัวเอง นักรบก็กดรับสายพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาทันที “ว่าไง” ‘นายครับที่คฤหาสน์เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยครับ’ ปลายสายตอบกลับมา “เดี๋ยวกูรีบไป”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม