“นี่…ยัยเมย์เหรอเนี่ย!?! อาจำแทบไม่ได้เลย โตเป็นสาวแล้ว…สวยมาก”
ภูระพัทเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายเธอก่อน ขณะที่เด็กสาวก็กำลังมองเขาอยู่แบบเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้ว
“สวัสดีค่ะอาภู”
เธอยกมือไหว้อย่างอ่อนหวาน
“ขอบคุณที่ชมนะคะ หนูจำได้ว่า...เราเจอกันครั้งล่าสุด ก็…งานศพคุณแม่ใช่มั้ยคะ ตอนนั้นหนูยัง
เด็ก ๆ อยู่เลย แต่หนูจำคุณอาได้ค่ะ เพราะคุณอาหล่อที่สุดในแก๊งค์คุณพ่อเลย”
“อื้ม! ใช่ ๆ ตอนนั้นเมย์ยังแค่เจ็ดขวบเอง”
เขาพูดต่อ พร้อมกับจ้องเด็กสาวตาเชื่อม
“ใช่ค่ะอาภู! อืม...พูดไปก็คิดถึงแม่นะคะพ่อ”
เธอพูดเสียงหวาน แล้วส่งยิ้มให้ สบตาภูระพัทนิ่ง แล้วจึงหันไปถามความเห็นจากชวา ที่กำลังยืนทำหน้าอึ้ง ๆ อยู่
เมทิดาตั้งใจจะกระแนะกระแหนใส่ผู้เป็นพ่อที่กำลังคลอเคลียกับเมียใหม่ในคราบเลขาอยู่นั่นเอง
“บอสขา! เราไปหาอะไรเย็น ๆ ดื่มกันดีกว่าค่ะ”
อยู่ ๆ แม่เลขาสาวสวยก็พูดชักชวนชวาให้พาไปดื่มซะดื้อ ๆ เพราะเธอไม่อยากจะอยู่ร่วมวงสนทนากับเมทิดาซักเท่าไหร่นัก
“เอ้อ…งั้นเดี๋ยวกูพาเชอรี่ไปหาอะไรดื่มกันก่อนนะ ฝากมึงดูแลยัยเมย์ด้วยก็แล้วกัน”
“เออ ๆ ไปเถอะ…ตามสบายนะมึง”
ภูระพัทบอกกับเพื่อนซี้ แล้วยิ้มบาง ๆ ให้
“เดี๋ยวพ่อมานะ ยัยเมย์”
ชวาหันมาบอกกับลูกสาว ก่อนจะพาเลขาสาวเดินโอบกอดกันเข้าไปในปาร์ตี้อย่างไม่สนใจใยดีเมทิดาสักนิด
แต่ก็ใช่ว่า เมทิดาจะสนใจเขาเช่นกัน เพราะเธอเองก็เอือมขี้หน้ายัยเชอรี่นั่นเต็มทน
“หึ! ร้ายเหมือนกันนะเนี่ยยัยเมย์ ดูสิ คุณเลขาเขาหน้าบูดเลย”
เขาเอ่ยแซวอย่างเอ็นดู
“ก็หนูหมั่นไส้นี่คะอาภู น่าเบื่อชะมัด!”
เด็กสาวบ่นพลางทำหน้าเซ็ง
“ถ้างั้นคืนนี้...เดี๋ยวอาทำให้เมย์ไม่เบื่อดีกว่านะโอเคมั้ย?”
หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าเอ่ยขึ้น แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มให้สาวน้อย แววตาเป็นประกายฉ่ำหวาน เกิดอาการร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาในกายแกร่งกำยำ
“ไอ้บ้า นี่หลานนะ!”
เขาแอบคิดตำหนิตัวเองในใจ ที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความสวยสะพรั่งของลูกสาวของเพื่อน
“ได้สิคะ! ดูซิ ว่าอาภูจะทำให้หนูหายเซ็งยังไง...”
เด็กสาวพูดจบ ก็เดินมาหาพร้อม ๆ กับจับแขนใหญ่ของภูระพัทขึ้นไปควงอย่างสนิทสนม ดูไม่เคอะเขินใด ๆ เลย
“ว่าแต่…คืนนี้ อาภูไม่ต้องอยู่ดูแลแขกสาว ๆ คนไหนบ้างเหรอคะเนี่ย?”
เธอถามอย่างอยากรู้
“หึ ๆ ไม่มีหรอก อามีลูกน้องตั้งเยอะตั้งแยะ ไว้คอยช่วยดูแลแขกแล้ว…เอาเป็นว่าคืนนี้ อาเป็นของเมย์คนเดียวเลย ดีมั้ยหละ?
เขาบอกกับเธอด้วยหัวใจที่กระชุ่มกระชวยชอบกล