บทที่ 6 : คนที่น่าสนใจ

1750 คำ
มัดหมี่ “โอ๊ย...อีจูนถามจริงนะแต่งตัวแบบนี้นี่ประกาศออกเสียงตามสายเลยมั้ยว่าเป็นเด็กเสี่ย” เนย ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะเอ่ยปากแซวเพื่อนอย่าง จูน เมื่อเห็นร่างบางอ้อนแอ้นกระโปรงทรงเอสั้นกุดผ่าหน้าเดินลงจากรถยุโรปหรูหรายี่ห้อดังราคาไม่ต้องพูดถึง แถมตั้งแต่หัวจรดเท้านี่แทบจะเป็นแบรนด์เนมทั้งตัว ปึก ! “แกอย่ามาพูดถึงไอ้เสี่ยบ้านั่นนะ !” กระแทกร่างตัวเองนั่งเก้าอี้ระหว่างเพื่อนทั้งสองจูนก็แหวเสียงติดหงุดหงิดไปให้เนยที่แซวไม่รู้จักเวล่ำเวลาถึงไอ้คนเฮงซวยที่แค่คิดถึงก็รู้สึกโมโหจนเลือดขึ้นหน้า “เอ๊าวีนไรเจ๊” “ไม่ให้วีนยังไงไหววะ เมื่อคืนฉันจับได้ว่าไอ้เสี่ยปอนด์มันแอบไปเลี้ยงเด็กเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว ! เห็นทีว่ามันกำลังจะเขี่ยฉันทิ้งเร็ว ๆ นี้แน่” “โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร แกก็ได้เยอะแล้วป่ะแบ่ง ๆ ให้คนอื่นบ้างสิ รีบ ๆ ไถเงินแล้วชิ่งไปหาเสี่ยหนุ่ม ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ” “ก็เสี่ยหนุ่มมันเงินน้อยนี่หว่า...” จูนหน้ามุ่ยพลางถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เมื่อปรายตาไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยแต่เงียบผิดปกติ แถมตาลอยไปไกลก็ย่นคิ้วงงแล้วตะโกนเรียก “อีหมี่ !” “เอ้ย !” มัดหมี่ที่กำลังคิดอะไรบางอย่างในหัวตกใจสะดุ้งสุดตัวจนหลุดคำอุทาน พอเห็นร่างเพื่อนที่กำลังจ้องหน้าอยู่ก็เอ่ยปากถาม “อ้าว...แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” “มาตั้งนานแล้วย่ะ ต้องถามแกมากกว่าว่าใจลอยไปไหน คนสวยมานั่งข้าง ๆ ขนาดนี้แกยังไม่รู้ตัวอีก” “ก็คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ แล้วมีอะไรหน้าเหมือนคนท้องผูกเลย” “เขาพูดจบไปนานแล้วว่าอีจูนมันกำลังจะโดนผัวแก่ทิ้ง” เนยตอบคำถามแทนคนที่กำลังเจ็บใจ “หา ?” มัดหมี่ได้ฟังถึงกับร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ...ไม่อยากจะเชื่อว่าจะยังไม่โดนเขาทิ้งจนถึงป่านนี้ “หาใหม่” “อีนี่พูดง่ายอีกคน เดี๋ยวนี้เด็กเสี่ยมันผุดออกมาเยอะยิ่งกว่าดอกเห็ดอีกนะ การแข่งขันสูงสุดๆ” จูนหน้านิ่วคิ้วขมวดเล่าให้ฟังอย่างออกรสออกชาติ “เจ็บใจตรงที่เห็นหน้าอ่อน ๆ นึกว่าลูกที่ไหนได้...แม่ง พูดแล้วขึ้นว่ะ” “ไหนวะ ?” “…” สิ่งที่เพื่อนเล่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของมัดหมี่ไป เรื่องแบบนี้เธอก็เข้าไม่ถึงเท่าไหร่จึงฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แม้เป็นเพื่อนกันก็จริงแต่มีพื้นที่ให้กันพอสมควรและทุกคนมีสิทธิ์เลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองถ้ามันไม่ได้เดือดร้อนใคร เพราะอย่างน้อยเสี่ยที่จูนไปอยู่ด้วยเขาก็ไม่ได้มีครอบครัว อีกอย่างในสมองของเธอตอนนี้ไม่ได้มีที่ว่างจะสนใจอะไรมากมาย มีเพียงภาพใครคนหนึ่งวิ่งวนอยู่ข้างในนั้น แต่เขาคนนั้นดันเป็นผู้ชายที่เธอเข้าใจผิดแถมต้อนรับเขาอย่าน่าประทับใจและคาดว่าอีกฝ่ายคงจำได้ไม่รู้ลืม กล่าวหาเขาว่าเป็นโจรไม่พอแถมยังถีบเขาเสียเต็มแรง ทั้งที่ขอโทษเขาไปแล้ว และดูเหมือนว่าเขาเองก็คงไม่ได้ติดใจอะไรเธอ ก็ไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่คิดถึงหน้าเขาไม่ยอมหยุด ต่อให้คิดเองจนหัวแทบจะระเบิดก็ไม่ได้คำตอบ ทางที่ดีหาตัวช่วยคงจะดีกว่า… “นี่…เนย จูน” “ฮะ ?” “อะไร ?” เพื่อนทั้งสองที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับจอโทรศัพท์ในมือของจูนเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก มัดหมี่ทำหน้ากระอักกระอ่วนและชั่งใจเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เอ่ยปากถาม “ถ้าเรารู้สึกแปลก ๆ เวลาเจอหน้าใครซักคนมันแปลว่าอะไรเหรอ ?” “ไปเจอใครมาฮะ ?” จูนหรี่ตาเฉี่ยวของตัวเองลงจับผิด “แปลกที่ว่าแปลกยังไงล่ะ อึดอัด กลัว หรือรู้สึกสนใจ ?” “อืมมม” ดวงตากลมโตกลอกมองบนแล้วคิดตามที่เพื่อนถาม ก่อนที่จะสรุปความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้นจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากนัก แต่สายตาเธอก็จับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา “ตอนแรกกลัว แต่หลัง ๆ ดูเหมือนจะสนใจ” “ก็นั่นไงคำตอบ แกสนใจเขา” เนยยักไหล่แล้วตอบกลับง่าย ๆ “จะอะไรก็ไม่ว่าหรอก แต่แกมีใครแอบอุ๊บอิ๊บไว้ไม่บอกเพื่อนเหรอ ?” “ไม่ใช่อย่างงั้นสิ” “แล้วมันยังไงล่ะ” ดูเหมือนการที่มัดหมี่อมพะนำพูดครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะทำให้เพื่อนรู้สึกหงุดหงิด จนสุดท้ายเธอก็ถอนหายใจยอมบอก “เขาเป็นเพื่อนน้องชายฉัน แต่ก็บอกไม่ถูก…ทั้งที่น่าจะพึ่งเจอกัน แต่กลับรู้สึกว่าคุ้นเคยกันแปลก ๆ” “แล้วไปเจอกันได้ไงก่อน” “เมื่อคืนก่อนฉันไปเลี้ยงส่งพี่ทับทิมมา เลยให้น้องมารับ สงสัยมันขอติดรถเขามารับมั้ง ฉันจำไม่ได้อ่ะโคตรเมา” “แน่ใจนะว่าไม่ได้เมาแล้วเผลอไปทำอะไรแปลก ๆ กับเขา แกก็น่าจะรู้ว่าเวลาแกเมาแล้วน่าสยองแค่ไหน” “…” ทำอะไรแปลก ๆ งั้นเหรอ ? คำถามของเพื่อนเล่นเอามัดหมี่ถึงกับนิ่งงันแล้วรู้สึกเอะใจกับเคล้าลางสังหรณ์บางอย่าง เพราะเวลาเมาทีไรไม่เคยจะมีเรื่องดีเลยไงล่ะ เห็นมัดหมี่นิ่งเงียบไปนานก็เป็นเนยที่ชูนิ้วชี้มาตรงหน้า ก่อนจะถามน้ำเสียงจริงจัง “มีคำถาม” “อะไร” “หล่อไหม ?” “…” กะพริบตาสองสามที ไม่เสียเวลาคิดนานใบหน้าสวยก็ขยับขึ้นลงรัว ๆ “หล่อโคตร” “จบ ! แกชอบเขา คิดอะไรเยอะแยะ” เนยดีดนิ้ว ป็อก ! ฟันธงด้วยความมั่นใจ “บ้าเหรอ” “อย่ามาแอ๊บอีหมี่ ! ถ้าไม่ชอบแกคงไม่สติเตลิดไปหาเขาขนาดนี้ ฉันล่ะอยากเอากระจกมาให้แกส่องหน้าตัวเองตอนที่ตาลอยไปไกลจริง ๆ” เนยส่ายหน้าขำเพื่อนสาวที่มองค้อนกลับมาหา ทั้ง ๆ ที่เธอนั้นไม่ได้พูดเกินจริงซักนิด มีแต่มัดหมี่เองนั่นแหละที่ยอมรับความจริงไม่ได้ว่าโคตรจะเป็นหนักกับผู้ชายปริศนาที่กำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ มัดหมี่ไม่แน่ใจ รู้เพียงแค่ว่าทั้งส่วนสูง รูปร่าง และหน้าตาของอีกฝ่ายที่ปรากฏอยู่เบื่องหน้าทำเอาพูดไม่ออก หากมีการจัดลำดับ สเปคที่เธอนั้นชื่นชอบพูดได้อย่างไม่อายปากว่าไม่เคยเจอใครที่ดูดี และลงตัวเทียบเท่ากับภาพในอุดมคติของเธอขนาดนี้มาก่อน ขนาดที่สถานการณ์เมื่อคืนก่อนจะแทบทำให้เธอเสียสติ ขวัญหนีดีฝ่อแค่ไหนเธอก็ยังจดจำเขาได้แม้กระทั่งกลิ่นที่ติดอยู่ที่ปลายจมูก ชัดเกินไปจนน่าประหลาดใจ... ดูเธอสิ เป็นบ้าเป็นหลังถึงขนาดนั้น “ฉันก็นึกว่าคิดเรื่องอะไรอยู่ ที่ไหนได้…คิดถึงผู้ชาย เลิศไม่ไหว” เจ้าของเรื่องถึงกับถอนหายใจ เธอไม่รู้หรอกว่าที่เพื่อนพูดน่ะมันถูกหรือผิด แต่สิ่งที่เป็นประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เพราะมันมีบางสิ่งที่ทำให้เธอเซ็งแสนเซ็ง “แต่เขาเป็นเพื่อนไอ้มาร์‍ชนะ” “แล้วเพื่อนของน้องมันมีปัญหาอะไรไม่ทราบ” “เพื่อนไอ้มาร์‍ชก็ต้องเป็นเกียร์ 74 น่ะสิ แกก็รู้ว่าฉันเข็ดขยาดกับคณะนี้แค่ไหน นี่ฉันยังขนลุกไม่หายเลยตอนที่มันยกพวกไปกระทืบจนเขาต้องหนีลาออก” “เอ๊าถูกแล้ว ! ก็นั่นมันวางยาแก ไม่เอาเข้าไปนอนคุกก็ดีแค่ไหนแล้ว” ที่ผ่านมาไม่คิดเลยว่าน้องชายที่หาสาระไม่เจอ ทำตัวเหลวไหลไปวัน ๆ เวลาเลือดขึ้นหน้าตอนเห็นคนอื่นมาทำร้ายพี่สาวให้ต้องเจ็บปวดจะกลายเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้น กระทั่งปีที่แล้วที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ดังนั้นที่ผ่านมาก็เลยไม่อยากจะยุ่งกับเด็กคณะนี้อีกเพราะใกล้ตัวน้องชายเกินไป กลัวว่ามาร์‍ชจะกร่างสร้างศัตรูไปทั่วจนเป็นตัวเองที่อยู่ไม่ได้ “มันก็ใช่แหละ แต่ก็แบบ…เฮ้อ จะว่ายังไงดี” มัดหมี่ทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ปกติถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเลี่ยงไปเลย” “อยากเลี่ยงก็เลี่ยงสิ” “เหรอ” ว่าแล้วมัดหมี่ก็ถอนหายใจอีกครั้งเฮือกใหญ่ ที่ผ่านมาเวลาติดอะไรตรงไหนเธอแทบจะเลิกสนใจได้ง่าย ๆ แต่นี่ ไม่ว่ารูปร่างหรือหน้าตา ดันติ๊กถูกทุกข้อเลย แบบนี้ให้ทำไงล่ะ...มันเป็นความผิดของเขานี่นา การที่เธอจะรู้สึกสนใจในสิ่งที่น่าสนใจมองยังไงก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยซักนิดไม่ใช่เหรอ ? “จากที่ฟังก็คือชอบเขาแหละเอาง่าย ๆ แต่ดันติดที่ว่าเขาเป็นเด็กคณะที่แกมีปมฝังใจด้วยก็เลยว้าวุ่น” “แหม…พูดเหมือนเอคซ์เพิร์ทเรื่องความรักเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีผัวแท้ ๆ” “ตบปากแตก !” เนยง้างมือเตรียมทำอย่างที่ว่า จนจูนที่กรุ้มกริ่มพูดแหย่เล่นเมื่อครู่โยกหัวหลบแล้วหัวเราะคิกคัก “ล้อเล่นน่า” “ก็นั่นแหละหมี่ ไม่รู้ว่าแกจะรู้สึกตัวมั้ย แต่ฉันว่าบางทีแกอาจจะมีชะตาต้องกับเด็กรุ่นนี้ก็ได้นะ ถึงแกจะแอนตี้ก็เถอะ” “อันนี้ฉันก็เห็นด้วยนะ ไม่ว่ากี่คนผู้ชายที่วนเวียนอยู่ในชีวิตแกจะเป็นเด็กเกียร์นี้ทุกคนเลยป่ะ ไม่เรียกว่าพรหมลิขิตก็เรียกว่าเวรกรรมแล้วล่ะวะ” ไม่ว่าสิ่งที่เนยหรือจูนพูดก็ล้วนเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยซักอย่าง... นั่นสินะ…เวรกรรมอะไรกันเนี่ย แผลทั้งตัวและหัวใจเกิดขึ้นเพราะรุ่นนี้ทั้งหมดเลย ขนาดคนที่ทำให้เธอกลับมารู้สึกสนใจขนาดนี้ได้อีกครั้งก็ยังไม่พ้นอีก มีอาถรรพ์รึไงกันนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม