Ep.6
Planil talk.
09.00 น.
@Tf.Ent
"พวกมึงว่าวันนี้เราจะได้งานกันปะวะ" เมย์ถามขึ้นมาหลังจากที่เราทั้งสามคนเข้าไปสัมภาษณ์งานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทนี้เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้พวกเราทั้งสามคนก็ลงมานั่งรอผลการสัมภาษณ์อยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างตึกนี่แหละ ถ้าเขารับก็จะได้เซ็นต์สัญญากันเลย
"โอ๊ย! มึงจะตื่นเต้นอะไรหนักหนาคะอีชะนีน้อย...มึงเข้าใจคำว่าใช้เส้นปะ เส้นน่ะ! มันก็ต้องได้อยู่แล้วดิ" แอรี่หันไปตอบเมย์และพยายามพูดคำว่าใช้เส้นให้เบาที่สุด เพราะเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด
แล้วก็ที่บอกว่าพวกเราทั้งสามคนใช้เส้นกันในการสมัครเข้าทำงานที่นี่น่ะ มันคือเรื่องจริงค่ะ ก็พวกฉันขี้เกียจหางานนี่นา ทำที่ไหนมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละและบริษัทนี้ก็โคตรใหญ่ โคตรดัง สวัสดิการก็ดี อีกอย่างตำแหน่งงานที่ฉันสมัครเข้ามาทำมันก็เป็นอะไรที่ฉันเรียนมาพอดิบพอดี เลยเข้าทางคนขี้เกียจอย่างอีนิลเลย
และถ้าถามว่าใช้เส้นใคร อะไรยังไง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะแอรี่มันเป็นคนจัดการ จริงๆ มันแนะนำบริษัทนี้มาตั้งแต่ตอนที่พวกเราเรียนยังไม่จบแล้วแหละ มันบอกรู้จักกับเจ้าของที่นี่ เพราะฉะนั้นเส้นที่มันหมายถึงก็คงจะเป็นเส้นของเจ้าของที่นี่นั่นแหละค่ะ
"ก็กูไม่รู้ กูไม่เคยสมัครงานที่ไหนนี่นา"
"เออ...แล้วเส้นที่มึงหมายถึงนี่ใช่เส้นของเจ้าของบริษัทที่มึงบอกว่ารู้จักปะ ?" ฉันยื่นหน้าเข้าไปกลางวง แล้วกระซิบคุยกับพวกมันและให้ได้ยินกันแค่สามคน
"ใช่ๆ ที่กูเคยบอกนั่นพวกมึงนั่นแหละ"
"ใครวะ ทำไมมึงรู้จัก" พอแอรี่ได้ยินคำถามนี้ของฉัน มันก็มีสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ มันมองฉันด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ ก่อนจะพูดขึ้นมา...
"อะ...เอ่อ คืออีนิล...กู...มีไรจะบอกมึง"
"บอกว่า ?"
"ถ้ากูบอกมึง...มึงห้ามโกรธกูนะ"
"เรื่องอะไรวะ ทำไมต้องกลัวกูโกรธด้วย" ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
"เออนั่นดิ เรื่องไรวะ" เมย์ก็พูดเสริมขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
"มึงสัญญามาก่อนดิ ว่าจะไม่โกรธกูแล้วกูจะบอกมึง"
"..." ฉันมองมันด้วยสายตานิ่งๆ อย่างพิจารณาทันที แอรี่มันรู้ดีว่าปกติแล้วฉันจะไม่โกรธใครโดยไม่มีเหตุผล และถ้าเรื่องนั้นมันไม่ร้ายแรงจนเกินไป แต่วันนี้มันกลับกลัวฉันจะโกรธ ก็แสดงว่าเรื่องที่มันจะบอกฉันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอน
"มึง..."
"บอกกูมา จะโกรธหรือไม่โกรธกูตัดสินใจเอง" ฉันพูดออกไปเสียงนิ่งขึ้นและเข้มขึ้น เพราะตราบใดที่ฉันยังไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร ฉันก็บอกไม่ได้หรอกว่าจะโกรธหรือไม่โกรธ
"คือ...ตอนแรกที่กูไม่บอกมึงว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทนี้อะ เพราะกูคิดว่ามึงคงไม่รู้จัก..."
"กูขอเนื้อๆ ไม่เอาน้ำ" ฉันพูดแทรกมันทันทีที่มันกำลังจะสาธยายไล่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
"..." แอรี่มีสีหน้าหนักใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อฉันจ้องและจี้เอาคำตอบกับมันแบบไม่วางตาแบบนี้
"?"
"เจ้าของบริษัทนี้ คือ...พี่...!!!"
"!!?"
Rrrrrrrrr~ Rrrrrrrr~
ยังไม่ทันที่แอรี่จะได้บอกว่าเจ้าของบริษัทนี้คือใคร เสียงโทรศัพท์ของมันที่วางอยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน ทำให้แอรี่สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรเข้ามา
"พี่ฝ่ายบุคคลโทรมาว่ะ"
"จริงปะ รับเลยมึง รับเลย!" ทันทีที่รู้ว่าใครโทรมาเมย์ก็มีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทันที แล้วรีบบอกให้แอรี่รับโทรศัพท์เร็วๆ ส่วนฉันก็ตื่นเต้นไม่ต่างอะไรกับเมย์หรอก แต่ก็ตื่นเต้นไม่สุดเพราะมันมีอะไรคาใจอยู่น่ะสิ
แอรี่เหลือบมองหน้าฉันเล็กน้อย ก่อนที่มันจะกดรับโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงที่จริตจะก้านของมันลงไปในสาย
"ฮัลโหลสวัสดีค่า"
[...]
"ค่า ใช่ค่า พวกหนูทั้งสามคนยังอยู่ที่บริษัทค่า"
[...]
"โอเคค่า เดี๋ยวพวกหนูจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลยค่า...ขอบคุณมากๆ เลยนะคะพี่"
"เขาว่าไงมึง" ทันทีที่แอรี่กดวางสาย เมย์ก็ถามขึ้นทันทีอย่างตื่นเต้น
"พี่เขาบอกว่าเขารับพวกเราทั้งสามคน แล้วก็ให้ขึ้นไปเซ็นสัญญา ต้นเดือนหน้ามาเริ่มงานได้เลย"
"จริงอะ! เย่! ได้งานแล้วโว้ย!!!" จากนั้นเราทั้งสามคนก็เรียกพนักงานมาเช็กบิล แล้วรีบขึ้นไปเซ็นสัญญากันทันที ส่วนเรื่องที่ฉันยังสงสัยและคาใจ ฉันไม่ปล่อยผ่านแน่ แต่ตอนนี้งานมันสำคัญกว่า ฉันจะยอมไม่เซ้าซี้อะไรกับมันตอนนี้ก็ได้ แต่ถ้าเซ็นสัญญาเสร็จเมื่อไหร่นะ! ฉันจะต้องรู้ให้ได้
"เย็นนี้ไปฉลองกันปะ ไหนๆ ก็ได้งานกันทุกคนแล้ว" หลังจากที่เซ็นสัญญาทำข้อตกลงอะไรกับทางบริษัทเรียบร้อยแล้ว แอรี่ก็เอ่ยชวนเพื่อนไปปาร์ตี้ด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด
"ไปๆๆ ฉลองให้กับงานใหม่" เมย์ตอบตกลงไปอย่างว่าง่าย ถ้าเมย์ไปแล้วฉันเลือกอะไรได้เหรอ นอกจากตกลงไปกับพวกมัน
"เออๆ ไปๆ" ฉันพยักหน้าตอบ แล้วหันไปจ้องหน้าอีแอรี่ด้วยสายตาเรียบนิ่งทันที และทันทีที่มันรู้ว่าฉันจ้อง มันก็มีสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
"…"
"มึงจะบอกกูได้ยัง ?" ฉันถามมันออกไปเสียงนิ่งๆ พลางจ้องหน้ามันไปอย่างจริงจัง
"มันอาจจะสายไปแล้วนะ แต่คืองี้มึง..." แอรี่เริ่มพูดเกริ่นขึ้นมา... ซึ่งฉันก็พยายามทำใจเย็นและรอฟังมันพูด
"?" มันมองหน้าฉันอย่างชั่งใจนิดหน่อยก่อนจะหลับตาลงแล้วกลั้นใจพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
"พี่ทราฟฟิคเป็นเจ้าของบริษัทนี้!"
"ห้ะ!!!"
"มึงว่าไงนะ!?" และทันทีที่แอรี่พูดจบ เมย์กับฉันก็อุทานขึ้นมาพร้อมกันเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน แอรี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันที่ยังมองมันเพื่อรอให้มันพูดย้ำอีกที ว่าสิ่งที่ฉันได้ยินเมื่อกี้คือฉันได้ยินไม่ผิด
"แฟนเก่ามึง...เป็นเจ้าของบริษัทนี้" มันมองหน้าฉันแล้วพูดขึ้นมาและสิ่งที่มันพูดก็สามารถบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่มันหมายถึง...คือใคร!
"กูจะไปหางานที่อื่น!" ฉันพูดพร้อมกับเตรียมหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้นเลยทันที
"แต่มึงเซ็นสัญญาไปแล้วนะ" คำพูดของแอรี่ทำให้ฉันชะงักเท้าที่กำลังจะเดินออกมาทันที
ใช่! ฉันเซ็นสัญญาไปแล้ว! เซ็นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้นี่เอง!!
"ใช่ๆ อีนิลมึงอย่าลืมนะว่านี่คืองานแรกของมึง และถ้ามึงฉีกสัญญาตอนนี้คือประวัติการทำงานมึงมันจะเหี้ยมาก!" เมย์พูดเสริมขึ้นมา มันก็จริงอย่างที่มันพูดนั่นแหละ พอฉันไปสมัครที่อื่นเขาก็ไม่อยากจะรับฉันแล้ว เพราะประวัติไม่ดียังไงล่ะ แล้วอีกอย่างในสัญญาที่ฉันเพิ่งจะเซ็นไปนั้นก็มีค่าปรับด้วย ถ้าทำงานไม่ถึงที่เขากำหนด
โธ่เว้ย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!?
"ทำไมมึงไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้วะ" ฉันหันกลับไปมองหน้าแอรี่อย่างเอาเรื่อง ถ้ามันบอกฉันเร็วกว่านี้เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก
"กูขอโทษ ตอนแรกกูก็ไม่คิดว่ามึงจะรู้จัก...แต่พอรู้แล้วกูก็ไม่ทันได้บอก"
"!!?"
"แล้วอีกอย่างกูก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไร เพราะตำแหน่งที่เราทำก็ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับซีอีโอเลย" แอรี่อธิบายให้ฉันฟังด้วยสีหน้าเจื่อนๆ อย่างคนรู้สึกผิด
"ถึงไม่ได้ไปวุ่นวายกับส่วนนั้นกูก็ไม่อยากทำที่นี่ และกูก็ไม่สน เพราะไม่ว่ายังไงกูก็จะไม่ทำงานที่นี่!!" พูดจบฉันก็หมุนตัวเดินออกมาทันทีอย่างหงุดหงิด และด้วยความที่ฉันยังไม่ทันได้ระวัง ทำให้ฉันเดินชนใครไม่รู้เข้าเต็มๆ จนตัวเองต้องล้มลงไปกองกับพื้น
พลั่ก!!!
"โอ๊ย!"
"เป็นอะไรมั้ยครับ ?" คนที่ฉันเดินชนรีบเข้ามาพยุงทันทีที่เห็นฉันล้มลงกับพื้น คือเป็นคนเดินชนเขาเองแต่ตัวเองกลับล้มลงไปเอง
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษดะ...ปล่อย!!!" ฉันพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขา แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจบฉันก็ต้องหยุดพูดทันที ก่อนจะรีบสะบัดมือเขาออกอย่างแรง! เพราะคนที่ฉันเดินชนเมื่อกี้คือ...พี่ทราฟฟิค! แฟนเก่าเฮงซวยของฉันนั่นเอง!
มันจะโชคร้ายซ้ำซ้อนอะไรขนาดนี้วะ และดูเขาก็เหมือนจะตกใจนิดๆเหมือนกันที่เห็นฉันที่นี่ แต่จะตกใจหรือไม่ตกใจก็เรื่องของเขา เพราะตอนนี้ฉันต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวเท้าออกไป เขาก็รีบคว้ามือฉันไว้ซะก่อน
"ปลานิล! เดี๋ยว!"
หมับ!
"ปล่อย!!" แต่ฉันก็รีบสะบัดมือเขาออกทันที แล้วหมุนตัวเดินหนีเขาออกมา
"เดี๋ยวสิครับ คุยกันก่อน" แต่เขาก็รีบวิ่งเข้ามายืนขวางหน้าฉันไว้
"ถอยไป!!" ฉันสั่งเขาออกไปเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างดุดัน บอกเลยว่าฉันไม่เคยเกลียดผู้ชายคนไหนเท่าเขามาก่อนเลย ฉันน่ะเกลียดเขาที่สุดในโลกเลยละ! จากตอนแรกที่หงุดหงิดให้แอรี่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันต้องมาหงุดหงิดใส่อีตานี่แทนซะงั้น
"นิล...เราจะคุยกับพี่ดีๆ ไม่ได้เลยเหรอ" เขาพูดพร้อมกับมองหน้าฉันราวกับว่าเขากำลังอ้อนวอนฉันอยู่
"..." ส่วนฉันพอเห็นสายตาแบบนั้นของเขา ก็ทำให้ฉันต้องรีบเบือนหน้าหนีเขาไปอีกทาง
"พี่...คิดถึงเราจริงๆ นะ"
"!!!"