Ep.7

1942 คำ
Ep.7 Planil talk. "นิล...เราจะคุยกับพี่ดีๆ ไม่ได้เลยเหรอ" "..." "พี่...คิดถึงเราจริงๆ นะ" "!!!" คำว่าคิดถึงที่ดังออกมาจากปากของเขา ทำให้ฉันยืนตัวแข็งทื่อพร้อมกับใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาก็ยังมีอิทธิพลกับใจฉันอยู่เสมอ... ตึกตัก! ตึกตัก! ...มันเป็นอะไรที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ว่าฉันยังใจเต้นแรงกับคำพูดของเขาอยู่ "นิล..." เขาเรียกชื่อฉันขึ้นมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบา พร้อมกับยื่นมือเข้ามาจับมือฉันไว้ เมื่อเห็นว่าฉันมีท่าทีที่นิ่งไป "..." ฉันยืนมองหน้าเขาด้วยแววตาวูบไหวอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ไม่ได้ขัดขืนที่เขาเข้ามาจับมือฉันอย่างถือวิสาสะ สำหรับฉันตอนนี้คือ...ทุกอย่างมันอยู่เหนือการควบคุม เหมือนฉันหวั่นไหวไปกับคำว่าคิดถึงที่เขาพูดมันออกมาเพียงคำเดียว! "พี่คิดถึงเรา...คิดถึงจริงๆ นะ" เขาพูดพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างอ้อนวอน เหมือนต้องการจะสื่อให้ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาเขาคิดถึงฉันจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเชื่อคำพูดเขาได้มากน้อยแค่ไหน...แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้คือใจฉันมันกำลังสั่นไหว และฉันรู้ตัวเองเลยว่าถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อีกต่อไป ฉันได้กลับไปเป็นอีโง่เหมือนเมื่อก่อนแน่ ซึ่งฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นแล้ว "อีนิล!!! เอ่อ...พี่ทราฟฟิค??" แอรี่ที่วิ่งตามฉันออกมาหยุดชะงักและมองหน้าฉันอย่างต้องการคำตอบ เมื่อเห็นฉันยืนอยู่กับผู้ชายที่ฉันบอกมันว่าฉันเกลียดนักเกลียดหนา แถมยังปล่อยให้เขาจับมืออีกต่างหาก! "ปล่อย!" และทันทีที่ฉันได้สติ ฉันก็สะบัดมือเขาที่จับมือฉันออกทันที พร้อมกับรีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวบรวมสติ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เกือบใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว หลายๆ คนอาจจะมองว่าฉันน่ารำคาญ ฉันไม่เถียงหรอกค่ะ เพราะฉันก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน ผ่านมาห้าปีแล้วฉันยังลืมเขาไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่ควรจะลืมแล้วมีใหม่ได้ตั้งนานแล้ว แต่ฉันกลับยังจมปลัก ไม่ไปไหนสักที เหมือนฉันกำลังรอและยังหวังอะไรจากเขาอยู่ ฉันได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองมาโดยตลอดเลยนะคะว่า ต่อให้ฉันจะยังรักเขามากแค่ไหน หรือต่อให้ฉันมีใครใหม่ไม่ได้เลยก็ตาม ฉันก็จะไม่มีทางกลับไปอยู่ในจุดจุดเดิม จุดที่เคยอยู่อีกเป็นอันขาด แต่ฉันก็แค่คิดเผื่อเอาไว้เฉยๆ เพราะความเป็นจริงเขาอาจจะไม่ได้แคร์ฉันขนาดมาง้อให้ฉันกลับไปหาเขาก็ได้ และฉันก็รู้ด้วยว่าเขาเองก็ไม่ได้ต้องการฉันมากขนาดนั้น นี่แหละ...ถ้าคนอื่นจะรำคาญฉันมันก็ไม่แปลก ก็ในเมื่อฉันยังรำคาญตัวเองเลย รำคาญมากๆ ด้วย ที่จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้สักที "พี่ทราฟฟิคสวัสดีค่ะ" แอรี่เดินเข้ามาพร้อมกับพูดทักทายเขา "สวัสดีครับแอรี่" ส่วนเขาก็ทักทายมันกลับด้วยเสียงที่ดูเป็นปกติ "เอ่อ...สวัสดีค่ะ" ก่อนจะตามด้วยเสียงเมย์ ซึ่งฟังดูเหมือนไม่อยากทักทายเท่าไหร่ แต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ต้องพูด "สวัสดีครับน้อง...เมย์ ?" "ค่ะเมย์เอง" ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้ทุกคนทำหน้ายังไงกันอยู่ เพราะไม่ได้หันไปมอง แต่สำหรับเมย์กับเขาเมื่อก่อนสนิทกัน แต่พอฉันกับเขาเลิกกันเมย์ซึ่งเป็นเพื่อนฉันมันก็ย่อมรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็เลยพาลให้เมย์เปลี่ยนเป็นไม่ชอบเขาไปโดยปริยาย พอเจอกันอีกทีมันก็เลยทำตัวไม่ถูกไง "เอ่อ...ว่าแต่พี่ทราฟเพิ่งมาเหรอคะ ?" แอรี่ถาม "ครับ พี่เพิ่งถึงบริษัทเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็บังเอิญเจอน้องปลานิลเข้าก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย" "คุยกัน !?" แอรี่ทวนคำพูดของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วอีกอย่างนะ เมื่อกี้นี้นี่มันเรียกว่าคุยกันได้ด้วยเหรอ ฉันรู้สึกว่ามีแต่เขามากกว่าที่พูดอยู่คนเดียว "ครับ...ว่าแต่พวกเราสมัครงานเป็นไงบ้าง เรียบร้อยดีใช่มั้ย?" เขาตอบแอรี่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที "เรียบร้อยดีค่ะ แล้วก็กำลังจะกลับแล้วด้วย" "เอ้า!? จะรีบไปไหนล่ะครับ ไปกินข้าวกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเลี้ยงต้อนรับน้องๆ ละกัน" "เอ่อ..." "กูกลับก่อนนะ" ในขณะที่แอรี่กำลังมีท่าทางอึกอักและลำบากใจที่จะตอบรับคำชวนของเขา ฉันก็รีบหันไปหามันก่อนจะพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเตรียมจะเดินออกมาจากตรงนั้น หมับ! แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวเท้าเดินออกมา ผู้ชายคนนั้นก็รีบยืนมือมาจับมือฉันเอาไว้ทำให้ฉันต้องหันหน้ากลับมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้น... "เดี๋ยวสิครับ จะรีบไปไหนไม่ไปด้วยกันก่อนเหรอ ?" "..." ฉันยืนเงียบไม่ได้ตอบคำถามของเขา จนสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง "ไปด้วยกันสิ เราจะทิ้งเพื่อนเหรอ หืม ?" เขาพูดพร้อมกับมองไปที่เพื่อนๆ ของฉัน "..." ซึ่งฉันก็มองตาม สีหน้าของเพื่อนฉันตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าพวกมันไม่ได้อยากไปขนาดนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ลองคิดดูสิว่าระดับซีอีโอชวนไปทานข้าวเพื่อเลี้ยงต้อนรับ จะให้ปฏิเสธยังไงได้ พอเห็นว่าฉันเริ่มลังเล เขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันอีกนิดนึง จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน... "หรือว่าที่เราไม่อยากไปเพราะเรา...กลัวพี่ ?" "!!!" Ft.Restaurant สุดท้ายฉันก็ต้องยอมมากินข้าวกับอีตานั่นจนได้ ที่ยอมมาก็เพราะว่าฉันอยากให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้กลัวอะไรเขาเลย ไม่เคยกลัวเลยสักนิด เพราะสิ่งที่ฉันกลัวไม่ใช่เขา...แต่มันคือใจของฉันเอง พอมาถึงร้านอาหารฉันก็เดินเลี่ยงออกมาเข้าห้องน้ำ เพื่อมาตั้งสติของตัวเองใหม่อีกครั้ง ฉันรู้สึกว่าการเจอเขาครั้งนี้มันทำให้ฉันรวนเป็นอย่างมาก ไม่ได้นะปลานิล แกต้องหนักแน่นมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคนที่จะแย่ก็คือแกเอง ฟู่ว!~ ฉันพ่นลมหายใจออกเพื่อระบายความหงุดหงิด ฉันหวังว่าถ้าผ่านวันนี้ไปฉันคงจะไม่ได้เจอเขาอีก เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ทำงานที่บริษัทของเขา ถึงแม้มันจะมีค่าปรับในการฉีกสัญญาก็เถอะ และแน่นอนว่าฉันไม่มีเงินจ่ายแน่ๆ แต่ฉันก็จะลองโทรไปขอที่บ้านดู เอาวะ! โทรตอนนี้เลยละกัน... [ฮัลโหล ฝนจะตกมั้ยเนี่ยวันนี้ ลูกสาวโทรมาหา ฮ่าๆๆ] รอไม่นานปลายสายก็กดรับ พร้อมกับกรอกเสียงกลับมาอย่างอารมณ์ดีทันที "พูดอย่างว่าปกตินิลไม่โทรหาเลยนะเสี่ย" ฉันพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงอนๆ แล้วเสี่ยที่ฉันหมายถึงน่ะไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก...พ่อฉันเอง ฉันติดเรียกพ่อตัวเองว่าเสี่ยมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว นี่ถ้าใครไม่รู้นี่คงจะคิดว่าฉันเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยงไปแล้ว [ฮ่าๆๆ ปกติก็โทร แต่โทรมาเฉพาะตอนเงินหมดน่ะสิ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าหมดอีกแล้ว] พูดอีกก็ถูกอีกค่ะ เงินไม่หมดก็ไม่โทร แย่จริงๆ เลยฉัน "ยังไม่หมดอะ เพราะรอบนี้เสี่ยจ่ายให้นิลเยอะกว่าทุกรอบเลยนี่ ก็เลยใช้ได้นานหน่อย" [แล้วที่โทรมาหาพ่อนี่มีอะไร อย่าบอกนะว่าโทรมาเพราะคิดถึงเฉยๆ เพราะพ่อไม่เชื่อเอ็งเด็ดขาด!] "รู้ทันตลอด" ฉันยู่ปากใส่โทรศัพท์เล็กน้อยเมื่อโดนรู้ทัน [นี่พ่อเอ็งนะโว้ย ทำไมจะไม่รู้...ว่าแต่ถ้าไม่ใช่เรื่องเงินแล้วโทรมาทำไมล่ะ ?] "คือ...ก็ไม่เชิงว่าไม่ใช่เรื่องเงินหรอกเสี่ย" [แน่ะ!] "แฮะๆ คือแบบว่า...เสี่ยจ๋า..." [อะไร ?] พ่อถามขึ้นมาเสียงแข็งนิดๆ ที่ฉันไม่พูดเข้าประเด็นสักที "นิลอยากเรียนต่อโทอะ นิลขอเรียนต่อได้มั้ย ?" นี่แหละเรื่องที่ฉันจะโทรไปขอ คือฉันยังไม่อยากทำงาน แล้วส่วนเงินที่ฉันต้องชดใช้ค่าฉีกสัญญาน่ะฉันจะใช้เงินเก็บของฉันจ่าย แต่ก็ใช่ว่ามันจะพอจ่ายนะ ฉันก็คงจะต้องยืมเงินแอรี่เล็กน้อยๆ เพื่อมาจ่ายให้มันครบ แล้วค่อยทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงินคืนมันทีหลังเอา แต่ตอนนี้ถ้าฉันขอพ่อเรียนต่อได้ ฉันก็ยังจะได้เงินที่บ้านอยู่ นั่นก็แปลว่าฉันจะยังมีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงาน แถมยังได้เรียนต่อด้วยน่ะสิ คือเข้าใจมะว่าขอเงินค่าขนมจากที่บ้าน แล้วก็ทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเงินคืนแอรี่ [...] "...เสี่ยจ๋า ?" ฉันเรียกพ่อขึ้นมาเมื่ออยู่ท่านก็เงียบไปหลังจากที่ฉันขอท่านเรียนต่อ [นิล พ่อมีอะไรจะบอก] พ่อพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และมันก็ทำให้ฉันรู้สึกหวิวขึ้นมายังไงไม่รู้ "คะ ?" [พ่อคงส่งนิลเรียนต่อไม่ได้แล้วละ...] "ทะ...ทำไมล่ะเสี่ย" บอกเลยว่าตอนนี้ใจฉันเสียมากๆ เหมือนมันถูกกระชากออกไปยังไงไม่รู้ [พ่อเพิ่งเอาเงินก้อนสุดท้ายไปลงทุนทำธุรกิจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง] หมดแล้วความหวังสุดท้ายของฉัน... พอฉันรู้ว่าท่านไม่สามารถส่งฉันเรียนต่อได้ ฉันก็ไม่ได้ตื้ออะไรต่อ เพราะฉันเข้าใจเหตุผลของท่านดี เพราะยังไงการลงทุนทำธุรกิจมันก็สำคัญกว่าเป็นไหนๆ ฉันเข้าใจ... "เฮ้อออ!~" ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า และกำลังจะเดินเข้าไปในร้านที่มีเพื่อนกับผู้ชายคนนั้นอยู่ "..." ".!?" แต่ยังเดินได้ไม่ถึงก้าว ฉันก็ต้องหยุดชะงัก เพราะมีสายตาคู่หนึ่งยืนจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่ฉันก็อ่านไม่ออกเหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สักพักเขาก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับมองฉันด้วยสายตา...ดูถูก ? "หึ มีเสี่ยเลี้ยงสินะ" ห้ะ!? นี่อย่าบอกนะว่าเขาได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ ให้ตายสิ! "..." ฉันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา จะเข้าใจยังไงก็เรื่องของเขา เพราะฉันไม่จำเป็นที่จะต้องมาอธิบายอะไรให้เขาฟัง เขาไม่ได้สำคัญกับฉันขนาดนั้น "สนใจมาเป็นเด็กของฉันมั้ย รับรองว่าฉันเลี้ยงเธอดีมากกว่า 'เสี่ย' ของเธอหลายเท่า" เพี้ยะ!!! 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม