ตอนที่ 2

2781 คำ
ทอส ธีรภพ (ปัจจุบัน) สายลมเอื่อยพัดแผ่วเบาต้องผิวกายของผมเป็นระยะ ทำให้ผมรู้สึกหนาวเหน็บกับสายลมที่พัดโชย ยอดหญ้าในทุ่งกว้างต่างลู่โอนเอนไสวตามแรงลมอยู่ตลอดเวลา นับเป็นภาพที่มีความสวยงามและรู้สึกผ่อนคลายที่สุด กลิ่นอายแห่งท้องทุ่งทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวจนผมอดที่จะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนแผ่หราบนต้นหญ้าหนานุ่มเสียไม่ได้ ผมนอนสูดเอากลิ่นหอมๆ ของบรรยากาศท้องทุ่งหญ้าเขียวขจีเข้าเต็มปอด ส่งผลให้ผมรู้สึกปลอดโปล่งเบาศีรษะอย่างบอกไม่ถูก ผมหลับตาพริ้มอย่างคนสุขใจไร้กังวลใดๆ ภาพใบหน้าของพี่ทัชได้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในมโนจิตของผม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาพใบหน้าของพี่ทัชยังคงชัดเจนและไม่เคยเลือนลางลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ดวงตาตี่ที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเข้าใจ คำพูดที่เราเคยคุยกันในทุกๆ คำก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงใบหน้าของพี่ทัช ใบหน้านั้นที่ทำให้ผมมีพลังมีกำลังใจที่จะทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อสักวันหนึ่งเราสองคนจะได้กลับมาพบกันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในสถานะอะไรก็ตาม แต่สำหรับผมแล้วพี่ทัชยังคงอยู่ในสถานะคนรักของผมและไม่มีวันจะแปรเปลี่ยนเป็นสถานะอื่นได้ ผมนอนคิดถึงภาพเหตุการณ์ในวันวานที่อาจจะผ่านมาแล้วหลายปีด้วยความสุขจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้ได้ "ทอส.. ทอสตื่นลูก ทอส!" ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกของใครคนหนึ่ง "อ้าวน้าก้อย!" ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อลืมตาขึ้นมาพบกับใบหน้าของน้าก้อยที่นั่งเรียกผมอยู่ข้างๆ "ก็น้าไง เอ็งคิดว่าใครล่ะ ลุกขึ้นเถอะมานอนเล่นอะไรตรงนี้เนี่ย โทรมาก็ไม่รับสาย เขาตามหากันให้วุ่น ดีนะที่น้าเดินมาทางนี้ ไม่งั้นเอ็งคงได้นอนที่นี่ถาวรแน่ทอสเอ๊ย 555+" น้าก้อยกล่าวพลางเดินกอดคอผมไปยังกลุ่มญาติที่ยืนคอยข้างรถตู้ พอเราสองคนเดินไปถึงรถตู้ก็โดนคนที่ยืนรอต่อว่ากันยกใหญ่แต่แฝงด้วยน้ำเสียงติดตลกจึงเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อย่างดี วันนี้ผมและครอบครัวได้เดินทางมาเที่ยวที่อำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 1 คืน 2 วัน เราเดินทางโดยเครื่องบินและมาเช่ารถตู้ที่นี่แทน เรามากันทั้งหมด 6 คน ผู้ใหญ่ 4 คนและวัยรุ่นหล่อๆ อย่างผมกับพี่ชายลูกป้าอีก 1 คน ดังนั้นค่ำคืนนี้ผมเลยต้องได้นอนกับพี่แบงค์อย่างเลี่ยงไม่ได้ "เป็นอะไรรึเปล่าทอส ทำไมทำหน้าแบบนั้นไม่อยากนอนกับพี่เเหรอ" พี่แบงค์ถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "เปล่าพี่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นซะหน่อย ดีซะอีกได้นอนกับพี่อ่ะ ถ้านอนกับน้าๆ ป้าๆ ผมคงได้ปวดหัวแน่ 555" ผมตอบคำถามพี่แบงค์ด้วยเสียงหัวเราะ ทำให้เขาก็พลอยมีเสียงหัวเราะไปด้วย ก่อนที่เราจะเข้าที่พักเพื่ออาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมารับประทานอาหารกับญาติๆ จนอิ่มเสร็จเรียบร้อยแล้วแยกย้ายพากันเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อน หลังจากที่เหนื่อยกับการเที่ยวชมธรรมชาติกันมาทั้งวัน แล้วมันก็เกิดเรื่องให้ผมได้เจ็บตัวก่อนนอนจนได้ "มานี่เดี๋ยวพี่ทายาให้ บอกแล้วเวลาเดินให้ระวังๆ ไปสะดุดก้อนหินเข้า เป็นไงล่ะ" ผมหันไปมองตามเสียงของพี่แบงค์ ที่ขณะนี้ในมือของเขาถือสำลี ยาล้างแผลและยาใส่แผล เตรียมจะทำแผลที่ข้อเท้าให้ผม เมื่อผมเห็นแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกขนลุกด้วยความกลัวขึ้นมาทันที "ไม่เอาอ่ะพี่ผมกลัวแสบ แค่เห็นก็ขนลุกแล้วอ่า" ผมทำหน้ายี้ใส่ยาในมือพี่แบงค์ "ไม่ได้ ต้องใส่ยา เดี๋ยวจะเป็นบาทยักเอานะ" ผมถูกพี่แบงค์เอื้อมมือมาคว้าที่ข้อเท้าข้างที่เจ็บไว้ก่อนเมื่อเห็นว่าผมทำท่าเตรียมจะลุกหนีจากเตียง "ปล่อยขาผมนะพี่.. ผมไม่ใส่ยามันแสบ" ผมพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่บนเตียงอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงคนตัวใหญ่ได้ "จะให้พี่ทำแผลดีๆ หรือจะให้พี่ใช้ความรุนแรงหะไอ้น้อง!!" เมื่อสิ้นคำพูดของพี่แบงค์ เขาก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแล้วพยายามผลักผมให้นอนลงแล้วจับขาข้างที่เป็นแผลยกขึ้นมา ก่อนจะพูดขู่ผมอีกหลายรอบว่า ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ จะจิ้มแผลแรงๆ จะได้เจ็บไปอีกนานๆ เมื่อผมได้ฟังแบบนั้นผมก็ต้องหยุดดิ้นในทันทีเพราะกลัวเจ็บ เมื่อผมหยุดดิ้นพี่แบงค์ก็เริ่มใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ล้างแผล มาเช็ดแผลของผมด้วยความเบามือ “โอ๊ย!” ผมร้องเสียงดังเพราะความแสบและเย็นที่แผล เวลาที่ผมถูกเชือดก็มาถึง เมื่อพี่แบงค์หยิบสำลีมาบีบยาใส่แผลสดลงบนสำลีแล้วทาแผลที่ข้อเท้าของผม ทันทีที่ยาถูกแผล “โอ๊ยย!!” ผมร้องเสียงดังลั่น ส่งผลให้น้าๆ ป้าๆ ห้องข้างๆ ต้องรีบมาเคาะประตูห้องแล้วตะโกนถามด้วยความตกใจ... “เป็นอะไรกันลูก!?” “ไม่มีอะไรครับ ผมกำลังทำแผลให้เด็กซุ่มซ่ามครับ” แล้วเขาก็พากันส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ใบหน้าของพี่แบงค์เต็มไปด้วยความสุขเมื่อเห็นผมทำหน้าสีหน้าว่าโคตะระแสบที่แผล ผมจึงนั่งหันหลังให้เขาด้วยความไม่พอใจ ทำให้พี่แบงค์ต้องพูดง้อผมต่างๆ นานาเพื่อให้ผมคืนดีกับเขา ผมและพี่แบงค์ง้องอนกันอยู่นาน ทำให้ความรู้สึกแห่งห้วงความทรงจำของผมหวนคิดถึงพี่ทัชอีกครั้ง เพราะการกระทำกับลักษณะนิสัยของพี่แบงค์และพี่ทัชมีความคล้ายคลึงกันอยู่มากแทบจะไม่ต่างกันเลย ถ้าถามถึงความรู้สึกภายในใจผม ว่าผมรู้สึกกับพี่แบงค์เหมือนกับพี่ทัชหรือเปล่า ผมตอบได้คำเดียวเลยว่า ‘ไม่’ ถึงแม้จะมีอะไรหลายๆ อย่างของผู้ชายสองคนนี้จะคล้ายคลึงกันก็จริง แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนได้จากผมไม่เหมือนกันก็คือ ‘ผมให้พี่ทัชเป็นคนรัก’ สำหรับพี่แบงค์เขาเป็นญาติคนหนึ่งของผม ‘ผมให้เขาเป็นได้เพียงพี่ชายคนหนึ่ง’ ไม่มีทางเปลี่ยนสถานะเป็นอย่างอื่นได้ ตัวพี่แบงค์เองก็รักผมเหมือนน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นไม่มีทางที่เขาจะคิดเกินเลยกับผมเช่นกัน ถึงบางครั้งเราจะเล่นอะไรแบบกุ๊กกิ๊ก น่ารัก ทะลึ่งตึงตัง กันอยู่บ่อยๆ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน พี่แบงค์นี่แหละครับคือพี่ชายที่แสนดีของผมคนหนึ่ง ที่คอยให้กำลังใจ คอยปลอบโยนในทุกครั้งที่ผมรู้สึกท้อ รู้สึกคิดถึงพี่ทัชและรู้สึกไม่ไหวกับชีวิต ก็จะได้ผู้ชายคนนี้คอยช่วยดูแลผมอยู่ไม่ห่าง เวลาเราเดินห้างก็จะไปด้วยกันตลอด บางครั้งผมก็จะเดินควงแขนกับพี่แบงค์เป็นเหมือนคู่รัก คนที่พบเห็นต่างก็มีรอยยิ้มและกล่าวชื่นชมเราสองคนว่าให้รักกันนานๆ ทำให้ผมกับพี่แบงค์อดหัวเราะไม่ได้ กับความเข้าใจผิดของทุกคน แต่ก็ดีที่เขาเข้าใจกันอย่างนั้นเพราะจะทำให้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับพี่ชายผม ทอส ธีรภพ เมื่อทริปท่องเที่ยวชมธรรมชาติอันสวยงามและการได้สัมผัสอากาศหนาวของเมืองเชียงใหม่ได้ผ่านพ้นไปของวันหยุดสุดสัปดาห์ประจำเดือนกุมภาพันธ์และเป็นเดือนแห่งความรักอีกด้วย นับว่าเป็นความโชคดีของผมที่ช่วงเวลาที่พวกเราไปเที่ยวกันไม่ตรงกับวันที่ 14 กุมภาแต่ผมก็ต้องเจอภาพบาดตาบาดใจอยู่ดี ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมากันเป็นคู่ๆ ที่ดูแลเทคแคร์กันอย่างดีจนผมอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ก่อนจะเดินไปนอนแผ่หรากลางทุ่งหญ้าในวันนั้น ผมและพี่แบงค์ช่วยกันเก็บของลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพโดยเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง หลังจากช่วยกันเก็บของจนเสร็จเรียบร้อย ผมจึงเริ่มบทสนทนากับพี่แบงค์ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพัก "พี่แบงค์เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือนก็จะปิดเทอมแล้วอ่ะครับ" "ทำไมเเหรอหรือว่าทอสอยากไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์หรือไง?" รู้ได้ไงวะพี่ ผมไม่ทันได้บอกเลย ผมพูดกับตัวเองในใจเมื่อได้ยินคำถามของพี่แบงค์ที่โคตรตรงใจผมเลย "ใช่ครับ สมกับเป็นพี่ชายของผมจริงๆ เลยรู้ใจผมทุกอย่าง" ผมตอบพี่แบงค์ด้วยรอยยิ้ม "ซัมเมอร์นี้จะไปเที่ยวที่ประเทศอะไรล่ะ ปีที่แล้วก็ไปเกาหลี ปีก่อนก็ไปญี่ปุ่น ปีโน้นก็ไปอังกฤษ" พี่แบงค์ร่ายชื่อประเทศที่ผมเคยไปอย่างตั้งอกตั้งใจ "เอาตรงๆ นะพี่ ปีนี้ผมอยากไปออสเตรเลียพี่พาผมไปหน่อยได้ไหมครับ" เมื่อพี่แบงค์ได้ฟังสิ่งที่ผมต้องการจบ เขาก็มีสีหน้าเข้าใจในความต้องการของผมทุกอย่าง "ได้ซิพี่จะพาทอสไปเอง แต่ปีนี้พี่มีเวลาไม่มากนะได้แค่อาทิตย์กว่าๆ เพราะพี่ต้องรีบทำโปรเจคเพื่อจะเลื่อนตำแหน่งในบริษัทน่ะ โอเคมั๊ย?" ผมยิ้มให้พี่แบงค์เพื่อเป็นการขอบคุณก่อนจะเข้าไปโอบกอดพี่ชายที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่ง เสียงประตูห้องพักดังขึ้นในระหว่างที่เรากำลังกอดกันอย่างเข้าใจ "หนุ่มๆ เก็บของกันเสร็จยังลูกรถตู้มารับแล้วนะ" น้าก้อยคนสวยของผมร้องตะโกนถามเพราะยังไม่มีใครไปเปิดประตูให้เขา "เสร็จแล้วครับกำลังออกไปครับผม" พี่แบงค์กล่าวตอบคนด้านนอกก่อนจะถือกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลังและใช้มืออีกข้างถือกระเป๋าใบใหญ่ของผม แทนที่จะเป็นผมเองที่จะต้องหิ้วเอง สรุปงานนี้ผมสบายสุด มีพี่ดีก็งี้แหละครับ.. พวกเราทุกคนเดินทางโดยเครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัยหลังจากที่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ผมรีบคว้ากระเป๋าใบใหญ่มาถือเองจากมือพี่ชายที่ผมรักขณะที่เรากำลังจะเดินผ่านประตูขาออก "ขอบคุณนะครับพี่แบงค์" ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของพี่แบงค์อย่างแผ่วเบา "ขอบคุณเรื่องอะไร ขอบคุณที่พี่ถือกระเป๋าให้ทอสน่ะเเหรอ" พี่แบงค์ยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูผมเช่นกันในน้ำเสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกสยิวชอบกล "พี่แบงค์จั๊กจี้อ้ะ ที่ผมขอบคุณผมหมายถึงผมขอบคุณพี่ที่จะพาผมไปออสเตรเลียต่างหากล่ะครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดตลกกับพี่ชายตัวเองทำให้เขาอดที่จะยิ้มและมีเสียงหัวเราะไม่ได้ "ครับผม ก็มันเป็นความต้องการของเราไม่ใช่เเหรอ เราต้องการอะไรถ้าพี่ช่วยได้พี่ก็จะทำให้เรา ขอเพียงให้ทอสมีความสุขไม่หน้าอมทุกข์กับเหตุการณ์แสนเจ็บปวดที่ผ่านมาเพียงเท่านี้พี่ก็มีความสุขแล้ว" ผมได้ยินพี่ชายเขาพูดแบบนี้ ทำให้ผมอยากกระโดดกอดคอแล้วหอมแก้มสักสิบทีเลยครับ "ขอบคุณนะครับพี่แบงค์ ขอบคุณจริงๆ ก่อนกลับบ้านผมอยากจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง พี่ไปเป็นเพื่อนผมนะ เดี๋ยวผมจะไปบอกน้าก้อยว่าเราสองคนจะไปทำธุระก่อนแล้วค่อยกลับบ้านเขาคงไม่ว่าอะไรเหรอกตกลงตามนี้นะครับ" พี่แบงค์ยิ้มแล้วพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบที่ผมต้องการ จากนั้นผมจึงวิ่งไปหาน้าก้อยด้วยรอยยิ้มเพื่อขออนุญาตแล้วฝากกระเป๋าใบใหญ่กลับบ้านไปก่อน ผมก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ข้างสถานที่ๆ ผมคุ้นเคยโดยมีพี่แบงค์เป็นคนเปิดและปิดประตูรถแท็กซี่ให้ ผมค่อยๆ ก้าวขาเดินผ่านพุ่มไม้เล็กๆ หลายขนาด ที่มีพันธุ์ไม้ดอกหลากหลายชนิดชูช่อบานสะพรั่งรับแสงจากดวงอาทิตย์ในยามบ่าย กลิ่นหอมอ่อนๆ จากมวลดอกไม้ที่มีสายลมเป็นตัวนำพากลิ่นหอมๆ เข้ามายังโสตประสาทการรับกลิ่นของผม ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเลยอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความหลัง เมื่อครั้งหนึ่งที่ผมกับคนที่ผมรัก พี่ทัช ได้มาพบกันได้รู้จักและเรียนรู้กับคำว่ารักไปพร้อมๆ กัน ณ สถานที่แห่งนี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าสถานที่อื่นมากมายที่ผมเคยไป ผมไม่เคยได้พบกับคนที่ใช่หรือถูกใจเลย แต่สถานที่แห่งนี้กลับทำให้ผมได้พบกับความรักและคนที่ถูกใจ พี่ทัชคือคนที่ใช่ที่สุด ผมคิดว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาไปตลอดจนกว่าเราจะหมดรักกัน ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะต้องห่างไกลกัน สิ่งที่ผมหวังกลับไม่ได้เป็นไปตามที่ผมกับคนที่ผมรักตั้งใจไว้เพียงเพราะคำว่า ‘เพศเดียวกัน’ ที่ทำให้เราสองคนต้องจำใจพลัดพรากจากกันเป็นเวลาหลายปี ผมเฝ้ารอเพื่อวันหนึ่งเราสองคนจะได้กลับมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง ผมเฝ้ารอทุกวันว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับมา แต่ก็ไม่มีวี่แววหรือข่าวสารอะไรจากเขาเลย ไม่รู้ว่าพี่ทัชจะเป็นยังไงบ้าง ถือว่าผมมีความโชคดีมากที่ผมมีพี่ชายอย่างพี่แบงค์ที่รู้ใจผมทุกอย่าง พี่แบงค์เป็นผู้ชายที่คอยช่วยเหลือ คอยห่วงใย คอยดูแลเอาใจใส่ผมอยู่ตลอด ส่วนพี่ทัชล่ะจะมีใครคอยดูแลเหมือนผมไหม ยิ่งคิดยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากๆ ที่มีคนคอยดูแล สำหรับพี่ทัชผมไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นยังไง ผมก้าวเดินบนถนนเส้นที่คุ้นเคย บรรยากาศเดิมๆ ม้าหินอ่อนตัวเดิมที่เราสองคนเคยนั่งเล่นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยเสียงหัวเราะ ดอกเฟื่องฟ้าที่เราสองคนเคยถ่ายรูปคู่กันอยู่เป็นประจำตอนนี้มันกลับดูว่างเปล่า กลีบดอกร่วงโรยลงสู่พื้นดินจนไม่หลงเหลือความสวยงามเหมือนเมื่อหลายปีก่อน เสียงนกร้องจากต้นไม้ใหญ่ที่เคยส่งเสียงเจื้อยแจ้วกันเป็นคู่ๆ มาวันนี้แทบจะไร้เสียงนกเหล่านั้น มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่เหลือทน ผมเดินไปนั่งลงมาหินอ่อนตัวประจำโดยมีพี่แบงค์ที่เดินตามอย่างไม่ห่างได้นั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดียวกันกับผม ผมหันหน้าไปมองแววตาของพี่ชายที่ผมไว้ใจและรักคนหนึ่ง น้ำตาผมก็เอ่อไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำไมผมต้องอ่อนแอแบบนี้ พี่แบงค์ยกปลายนิ้วมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มผมอยู่หลายรอบก่อนจะโน้มตัวผมเข้าไปซบที่อกกว้างของเขา ยิ่งมือใหญ่ของพี่แบงค์ลูกศีรษะผมมากเท่าไหร่ น้ำตาและเสียงสะอื้นของผมก็มากขึ้นตามไปด้วย พี่แบงค์พยายามพูดปลอบโยนผมทุกอย่าง เพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้นก่อนจะเอ่ยคำๆ หนึ่งออกมาแล้วนั่นทำให้ผมยิ้มได้ "รอหน่อยนะทัช ฉันกำลังจะพาคนรักไปหานายแล้ว" พี่แบงค์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดใสแล้วค่อยๆ จับคางผมให้เชิดขึ้นแล้วจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนผมจะค่อยๆ หลับตาพริ้มกับสิ่งที่พี่ชายทำให้ผมได้ยิ้มได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม