“ถึงคุณจะรำคาญ จะไล่ขวัญยังไงขวัญก็ไม่ไปค่ะจนกว่าจะตรวจดูจนแน่ใจว่าคุณไม่เป็นอะไร หันหลังมาค่ะ”ของขวัญไม่พูดเปล่าจับเขาหันหลังมาหาตนทันที เธอไม่ทันระวังเผลอโดนบริเวณที่กรวิชเจ็บอยู่จนเขาร้องเสียงดัง
“โอ๊ย เบาๆสิ”
“ขอโทษค่ะ ไหนว่าไม่เป็นอะไรไงคะทำไมร้องเสียงดัง”ของขวัญได้ทีบ่นเขาคืนบ้าง คนตัวโตได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้เธอตรวจดูอาการเงียบๆ
เมื่อเปิดไหล่ของเขาดูก็พบรอยบวมแดงบริเวณหัวไหล่ใกล้กับรอยแผลเดิมของเขา
“รออยู่ตรงนี้นะคะอย่าไปไหน”
ของขวัญหายเข้าไปในอาคารสักพักก่อนออกมาพร้อมผ้าห่อน้ำแข็ง
“จะทำอะไร”
“ประคบไหล่ให้คุณไงคะ ไหล่คุณบวมแดงขนาดนี้ถ้าไม่ประคบตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้จะปวดจนทำงานไม่ได้นะคะ”
“ผมทำเองได้ ขอบใจมาก”กรวิชยื่นมือเพื่อรับผ้าจากของขวัญ แต่โดนเธอดึงมือออก
“หน้าที่คุณคืออยู่นิ่งๆค่ะ ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ขวัญ”
เมื่อรู้ว่าปฏิเสธเธอไม่ได้กรวิชจึงนั่งนิ่งปล่อยให้เธอปฐมพยาบาลให้
“เจ็บมั้ยคะ”
“นิดหน่อย”
“นี่ยังโชคดีนะคะที่ไม่เป็นอะไรมาก ระวังอย่าให้โดนแผลเก่านะคะ”
“เพราะใครกันล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้”กรวิชบ่นพึมพำเบาๆแต่ก็ดังพอที่จะทำให้ของขวัญได้ยิน
“ขอโทษค่ะ”
เมื่อได้ยินคำขอโทษจากเธอทำให้กรวิชรู้ตัวว่าไม่ควรพูดแบบนี้ ไม่ควรแสดงความรู้สึกอะไรต่อหน้าเธอเด็ดขาด หลังจากนั้นจึงนั่งเงียบไม่ยอมพูดกับเธออีก
“นี่ยาค่ะ ขวัญจัดไว้ให้แล้วทานจนครบนะคะ เริ่มคืนนี้เลย”หลังจากประคบให้เขาเสร็จของขวัญส่งยาที่เตรียมไว้ให้เขาทานเพื่อลดอาการปวดบวม กรวิชรับยามาทานและกล่าวขอบคุณเธอสั้นๆ
เมื่อหมดหน้าที่แล้วของขวัญจึงขอตัวไปพักผ่อนปล่อยให้กรวิชนั่งอยู่ตรงนั้นต่อเพียงลำพัง เมื่อของขวัญเดินออกไปแล้วกรวิชพ่นลมหายใจยาวเอามือลูบหน้าอกตัวเองให้คลายความตื่นเต้นลง ทำไมกันนะแค่เธออยู่ใกล้และสัมผัสโดนตัวแค่นิดหน่อยหัวใจเจ้ากรรมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้
ห้าโมงเย็นหลังเลิกงานพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างแรงโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
"คุณหมอครับ ลุงมีเรื่องรบกวนหน่อย"ลุงกำนันวิ่งหน้าตาตื่นฝ่าสายฝนที่กำลังตกกระหน่ำเข้ามาในโรงเรียนพลางร้องเรียกหาหมอ
"มีอะไรคะลุงกำนัน"ของขวัญรีบขานรับกำนัน
"คือมีคนไข้ขึ้นสูงที่หมู่บ้านถัดจากโรงเรียนประมาณสิบกิโลเมตร คุณหมอพอจะไปช่วยดูคนไข้ให้ลุงได้มั้ย"
"ได้ค่ะ ขอเวลาหนูเตรียมอุปกรณ์ครู่เดียวนะคะ"
ของขวัญหายเข้าไปเตรียมอุปกรณ์ครู่เดียวก็ออกมาพร้อมชุดกันฝนและกำลังจะเดินไปแจ้งกรวิช แต่เห็นเขากำลังยืนพูดคุยอยู่กับลุงกำนันพอดี
"ขวัญกำลังจะไปบอกคุณพอดีค่ะว่าขอตัวออกไปดูคนไข้กับลุงกำนัน"
"คุณตัวคนเดียวจะไปยังไง ไม่รู้หรอว่าเส้นทางมันลำบากแค่ไหนยิ่งตอนนี้ฝนตกหนักอีก"กรวิชบอกเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ลำบากแค่ไหนขวัญก็ต้องไปค่ะ ขวัญมาที่นี่เพื่อรักษาคนไข้ถึงคุณห้ามยังไงขวัญก็ต้องไป"
"ผมพูดหรอว่าไม่ให้คุณไป รออยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมมา"
กรวิชหายเข้าไปในห้องพักเพื่อบอกทีมงานคนอื่นและเดินออกมาหาของขวัญและกำนันที่ยืนรออยู่
"ผมพร้อมแล้วไปกันเลยครับ"
"คะ คุณจะไปด้วยหรอคะ"
"อย่าพูดเยอะขึ้นรถ คนเจ็บอยู่หมู่บ้านอะไรครับ"กรวิชบอกของขวัญขึ้นรถก่อนหันไปถามกำนัน
"บ้านน้ำเชี่ยว คนมาส่งข่าวรออยู่ที่บ้านลุง คุณจำเส้นทางได้ใช่มั้ย"
"ได้ครับ ลุงอยู่ที่นี่ดีกว่าครับเดี๋ยวผมไปกับหมอของขวัญและชาวบ้านที่มาส่งข่าวเองครับ"
"คุณบอกว่าทางมันลำบากไม่ใช่หรอแล้วคุณขับรถเองได้หรอ"
"จะไปมั้ยถ้าไปก็ขึ้นรถ"กรวิชบอกของขวัญและเดินไปขึ้นรถจี๊ปสตาร์ทรถรอเธอ ของขวัญจึงรีบเดินตามเขาขึ้นรถไป
ด้วยถนนหนทางที่ยากลำบากประกอบกับพายุฝนที่ตกหนักโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดทำให้การเดินทางค่อนข้างยากลำบากระยะทางเพียงแค่ไม่ถึงสิบกิโลแต่ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงกว่าจะมาถึงหมู่บ้าน
ทันทีที่มาถึงของขวัญรีบฝ่าสายฝนเข้าไปดูคนไข้โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกหรือไม่ ท่าทางจริงจังและเด็ดเดี่ยวของเธอทำให้กรวิชที่ช่วยขนอุปกรณ์เข้ามาเผลอมุมมปากออกมา เธอตอนโตเป็นแบบนี้เองหรอของขวัญ เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ขยันขันแข็ง ตอนจริงจังแบบนี้ยิ่งน่าหลงใหลมากเลยนะ
"กร กร"
"มีอะไร"เสียงเรียกของเธอทำให้กรวิชตื่นจากภวังค์
"วันนี้ช่วยงานขวัญหน่อยได้มั้ย"
"ได้สิ จะให้ทำอะไร"
"ช่วยหยิบอุปกรณ์ตามที่ขวัญบอกก็พอ"
"ได้"
"คุณหมอมาแล้วช่วยสามีฉันด้วยนะคะ"
"คุณน้าใจเย็นๆนะคะ ขอเวลาหมอตรวจอาการของคนไข้ก่อนนะคะ ทำใจให้สบายค่ะไม่ต้องกังวล"
ของขวัญและกรวิชรีบเข้าไปตรวจคนไข้ วันนี้กรวิชเป็นผู้ช่วยของขวัญได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเธอจะให้หยิบจับอะไรให้ก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วเรียกได้ว่าเข้าขากันตั้งแต่ครั้งแรกที่ร่วมงานกัน กรวิชพลางนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เขาช่วยของขวัญติวหนังสือ
ของขวัญตรวจอาการของคนไข้พบว่าคนไข้ตัวร้อนอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ลมหายใจร้อนผ่าว ปากซีด กระหายน้ำ ชีพจรเต้นแรง ความดันสูง หน้าแดง ผิวแดง ปวดกระบอกตา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะมากและกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา จึงสงสัยว่าน่าจะเป็นไข้มาลาเรียจึงรีบเอายาให้คนไข้ทานและเฝ้าดูอาการอยู่ไม่ห่าง
"คุณหมอคุณกรมากินข้าวก่อนจ๊ะยังไม่ได้กินอะไรกันไม่ใช่เหรอจ๊ะ น้าทำกับข้าวไว้ให้แล้ว"
"ขอบคุณครับคุณน้า"
ของขวัญมองกรวิชด้วยท่าทางแปลกใจเพราะการพูดจาของเขากับชาวบ้านดูสนิทสนมเหมือนคนรู้จักกัน ไม่เหมือนคนที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรก
"สงสัยอะไร"
"เปล่าค่ะขวัญแค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงดูสนิทสนมกับชาวบ้านจัง"
"ก็คุณกรกับเพื่อนๆเขามาช่วยเหลือชาวบ้านเป็นประจำค่ะ ทุกคนที่นี่คุ้นเคยกับคุณเค้าดี"เจ้าของบ้านบอกของขวัญให้คลายสงสัย
"ทำไมคุณไม่บอกว่าเคยมา"
"คุณไม่ได้ถาม จะกินมั้ยข้าวท้องร้องแล้วไม่ใช่หรอ"
"ได้ยินด้วยหรอ"
"หึ เสียงดังขนาดนั้นไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว"
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังทานอาหารค่ำกันอยู่ก็มีชาวบ้านเดินมาส่งข่าวกรวิชว่าถนนทางเข้าหมู่บ้านขาดต้องรอฝนหยุดตกถึงจะซ่อมได้อย่างเร็วก็พรุ่งนี้สายๆ คืนนี้ทั้งสองคนต้องนอนค้างในหมู่บ้านก่อน กรวิชจึงวิทยุสื่อสารกลับไปบอกทีมงานว่าตนและของขวัญต้องค้างที่หมู่บ้านคืนนี้
"คุณโอเคมั้ย"กรวิชหันมาถามของขวัญหลังจากแจ้งทีมเรียบร้อยแล้ว
"เราไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรอคะ อีกอย่างฝนก็ยังไม่หยุดตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้วถึงถนนไม่ขาดขวัญว่าเราก็ไม่ควรออกไปอยู่ดี"
"พวกเรารบกวนยืมชุดคุณน้าให้คุณหมอเปลี่ยนหน่อยนะครับ"
"ได้สิคะเดี๋ยวน้าไปเอามาให้ เรื่องที่นอนรอน้าแป๊บเดียวเดี๋ยวน้าเตรียมให้พวกคุณกินข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนนะคะ"
"ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้"
"ขอบคุณอะไรกันคะน้าสิคะต้องขอบคุณคุณหมอถึงจะถูกที่อุตส่าห์มารักษาสามีน้าถึงบ้าน"