หลังจากที่นั่งรถออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยมาได้สักพักใหญ่ๆ รถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบ พี่พระพายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยซึ่งกำลังขับรถด้วยท่าทีสบายๆ ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับฉัน สายตาของเขามองตรงไปที่ถนนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา
ในขณะที่ฉันเอาแต่เหลือบมองเขาเป็นระยะๆ เพราะไม่ชอบบรรยากาศบนรถตอนนี้สักเท่าไหร่ มันเงียบ มันรู้สึกอึดอัด แถมยังรู้สึกใจหวิวๆแบบแปลกๆอีกด้วย
จนกระทั่ง…
"หิวข้าวไหม" จู่ๆ พี่พระพายก็เป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบด้วยการตั้งคำถามกับฉันเป็นคนแรก ฉันถึงได้พรูลมหายใจออกไปเบาๆ
เออ สักทีเถอะ ก่อนหน้านี้ฉันนั่งตัวเกร็งแข็งทื่อจนอึดอัดไปหมดแล้วเพราะนั่งทำตัวไม่ถูกที่บรรยากาศบนรถมันเงียบสงบเกินไป อีกอย่างความรู้สึกของฉันตอนนี้มันก็ไม่ได้เหมือนนั่งรถไปซื้อของที่ห้างกับพี่พระพายวันนั้นหรือความรู้สึกตอนไปรับเขาที่ผับคืนนั้นด้วย
ความรู้สึกตอนนี้มันแปลกไปจากคราวที่แล้วมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่การที่ฉันถูกพี่รหัสตัวเองจ่อตัวเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ มันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก
แค่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนดอยนั่นก็ทำให้ฉันมึนงงจัดลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกแล้ว แล้วนี่จะยังมานั่งรถกลับด้วยกันแบบนี้อีก เอาจริงๆ ฉันเหมือนกำลังลุ่มหลงเข้าไปในวังวนอะไรสักอย่างของพี่พระพายไปเรื่อยๆ จนมึนงงกับเหตุการณ์ไปหมดว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่
ฉันเคยเกลียดพี่รหัสตัวเอง แต่จู่ๆ ทำไมความรู้สึกตอนนี้มันถึงได้เปลี่ยนไป ตอนนี้ฉันเหมือนไม่ได้เกลียดพี่รหัสตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว...
"เป็นอะไร พี่ถามว่าเธอหิวข้าวไหม เธอยังไม่ตอบเลยนะ" อ่า สภาพของฉันเหม่อลอยจนลืมตอบคำถามพี่พระพายเลยเหรอเนี่ย
"ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ" ฉันตอบกลับเสียงอ่อน
"เหรอ งั้นคอนโดเธออยู่ไหน"
??
ทันทีที่ได้ยินพี่พระพายถามว่าคอนโดของฉันอยู่ไหนฉันก็หันขวับทำหน้างงใส่พี่พระพายทันที ก็ไม่ใช่ว่าฉันต้องไปส่งเขาที่คอนโดเขาก่อนเหรอ แล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงได้ถามทางไปคอนโดฉันแทนล่ะ
"โซต้องไปส่งพี่ไม่ใช่เหรอ?"
"พี่ไปส่งเธอแล้วเอารถเธอกลับดีกว่า พี่ไม่อยากให้เธอขับรถไปมาอะ" พี่พระพายตอบฉันเสร็จเขาก็ยิ้มบางๆ ให้ฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองถนนตรงหน้าต่อเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไร
แต่ฉันนี่สิ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนเช้าเลยนะ ไม่มีรถแล้วจะไปเรียนยังไงล่ะ
"แต่พรุ่งนี้เช้าโซมีเรียนนะ"
"พี่ก็มีเรียน เดี๋ยวพี่ขับรถเธอมารับแล้วตอนเย็นพี่ติดรถไอ้ไทเกอร์กลับ" อ่า แบบนี้นี่เอง
"อ่อ งั้นก็ตามนั้นเลยค่ะ ส่วนคอนโดโซพี่เลี้ยวซอยข้างหน้าได้เลยค่ะ ชื่อบีคอนโด"
"โอเค" พอฉันบอกพี่พระพายเสร็จไม่ถึงหนึ่งนาทีรถก็เลี้ยวเข้าซอยที่ฉันได้บอกก่อนหน้านี้ ขับไปอีกไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรรถก็ถึงคอนโดของฉัน
แต่ที่ทำให้ฉันเอะใจคือ พี่พระพายขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถของฉันทำไม แถมเข้ามาเสร็จเขาก็จอดรถเข้าซองอย่างเรียบร้อยพร้อมกับดับเครื่องยนต์อย่างเสร็จสรรพ ทำเอาฉันต้องหันไปมองหน้าเขาด้วยความงงงวยอีกครั้ง
"พี่..."
"จะช่วยแบกกระเป๋าขึ้นไปส่ง..."
"..."
"ทำไม เธอไม่ไว้ใจพี่หรือไง เอาจริงถ้าจะทำอย่างที่เธอกำลังคิด ในเต็นท์บนดอยคืนนั้นเธอเสร็จพี่ไปตั้งนานแล้ว"
"บ้าเหรอ! โซไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย"
"หึ หน้าฟ้องขนาดนั้นยังบอกไม่ได้คิดอีก" พี่พระพายแค่นเสียงในลำคอพร้อมพูดประโยคที่ทำให้ฉันหน้าชาจบ เขาก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าของฉันจากหลังรถมาแบกเองทั้งหมด ทั้งถือทั้งลากพะรุงพะรังไปหมด ฉันเห็นแบบนั้นก็รู้สึกอยากจะช่วยก็เลยยื่นมือจะไปช่วยลากกระเป๋าใบใหญ่ให้แต่เขากลับไม่ยอมให้ฉันช่วย แถมยังเบี่ยงตัวไม่ให้ฉันแตะกระเป๋าหน้านิ่งอีก
คิดดูเอาเถอะว่าดื้อขนาดไหน
สุดท้ายฉันก็เลยปล่อยให้เขาแบกไปคนเดียวไปให้หมดส่วนฉันก็ทำหน้าที่กดปุ่มลิฟต์ให้ กดเสร็จลิฟต์ก็เคลื่อนตัวขึ้นตามชั้นที่ฉันได้กดไว้ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงชั้นที่ฉันอาศัยอยู่ เดินออกจากลิฟต์ผ่านห้องอื่นไปประมาณสามห้องก็ถึงห้องของฉันที่อยู่ด้านในสุด ฉันใช้นิ้วสแกนประตูเสร็จก็ผลักประตูเข้าไปด้านใน
แต่พี่พระพายเข้ากลับยืนนิ่งอยู่ข้างนอก ไม่ได้เดินตามฉันเข้ามาด้วย ฉันเลยต้องหันไปถามเขา...
"ทำไมพี่ไม่เข้ามาล่ะ"
"รอเธออนุญาตก่อน พี่ไม่อยากให้เธอคิดว่าพี่เนียนขึ้นมาเพราะอยากเข้าห้องเธอ" นี่เขาอ่านความคิดของฉันออกหรือไง ถึงได้พูดออกมาเป๊ะขนาดนั้น
คือก่อนหน้านี้ฉันก็แค่คิดเล่นๆ แต่หลังจากที่โดนเขาตอกกลับใส่หน้าจนหน้าชาแบบนั้น ฉันก็ลบความคิดพวกนั้นออกไปจากสมองจนหมด
ก็เขาบอกเองนี่ว่าถ้าคิดจะทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ เขาทำตั้งแต่คืนที่ฉันวิ่งเข้าไปในเต็นท์ของเขาคืนนั้นแล้ว
"โซอนุญาต พี่พอใจหรือยัง" พอฉันพูดประชดประชันออกไปแบบนั้น พี่พระพายก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาทันที ก่อนที่จะขยับเท้าเดินเข้ามาในห้องฉันพร้อมสัมภาระมากมายของฉันไปวางไว้ข้างๆ โซฟากลางห้องโถง
"พี่ดื่มอะไรไหม"
"มีเหล้าไหม" โอ้ย นี่กระหายขนาดนั้นเลยหรือไง
"ไม่มี" ด้วยความโมโหเล็กน้อยฉันก็เลยกระแทกเสียงแข็งตอบกลับไปพร้อมด้วยมองตาขวางใส่ไปหนึ่งกรุบ
นี่กลับมายังไม่ทันไรก็เรียกหาเหล้าแล้ว ติดเหล้าขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตับแข็งกันพอดีหรอก
"หึ พี่ก็แค่ถามเล่นๆ เอาน้ำเปล่ามาก็พอ"
"อืม รอแป๊บเดี๋ยวโซไปรินน้ำมาให้" ด้วยความขี้เกียจจะยืนมองรอยยิ้มกวนๆ ของพี่พระพายที่กำลังส่งยิ้มให้ฉัน ฉันก็เลยเลือกที่จะเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ที่อยู่ข้างหลังโซฟาตัวที่พี่พระพายนั่งอยู่แทน
ส่วนคนที่ฉันให้รอ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นไปพลางๆ แต่เห็นเขาเล่นอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็เหมือนจะมีสายโทรเข้ามาในโทรศัพท์ของเขาพอดี ฉันที่เตรียมจะยกน้ำไปเสิร์ฟจึงชะงักเท้าหยุดรออยู่ที่เดิมไว้ก่อนเพราะไม่อยากเสียมารยาทเข้าไปตอนที่เขากำลังคุยโทรศัพท์
"อืมว่าไง"
"กลับมาถึงแล้ว กูเพิ่งถึงเมื่อกี้มาส่งโซดาที่คอนโดก่อน"
"คืนนี้ขอพักก่อนว่ะ เดี๋ยวกูค่อยเข้าไปดื่มด้วยพรุ่งนี้ละกัน"
"โอเค ฝากบอกไอ้ไคด้วยว่ากูมีเรื่องของเด็กๆ บนดอยจะคุยกับมัน อืม"
พี่พระพายพูดกับใครสักคนหนึ่งในสายจบไปเท่านั้นเขาก็กดวางสาย ฉันก็เลยเดินเข้าไปหาเขา เสิร์ฟน้ำให้เขาเสร็จก็เตรียมจะเดินกลับไปเก็บถาดในห้องครัวอีกครั้ง
แต่จู่ๆ ผีบ้าตนไหนก็ไม่รู้หมุนตัวฉันให้หันขวับไปทางพี่พระพายจนคนที่กำลังดื่มน้ำอย่างพี่พระพายต้องเลิกคิ้วถามฉันทั้งๆ ที่แก้วยังจ่ออยู่ที่ริมฝีปากด้วยท่าทางสงสัย
"มีอะไรหรือเปล่า" หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้วพี่พระพายวางแก้วลงที่เดิม เขาก็เอ่ยถามฉันด้วยความสงสัยทันที ฉันที่อึกอักไม่รู้ว่าจะพูดดีไหมจึงได้แต่ยืนเงียบมองหน้าของพี่พระพายอย่างเดียวก่อนที่สุดท้ายจะตัดสินใจพูดออกไปด้วยประโยคยาวเหยียดแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะพรั่งพรูออกไปแบบนั้น
"ติดเหล้ามันไม่ดีหรอกนะพี่รู้หรือเปล่า หยุดได้ก็หยุดบ้างเถอะใจคอจะดื่มทุกคืนจนตับแข็งไปข้างเลยหรือไง รวยมากเงินเหลือก็เอาไปซื้อของกินเพื่อสุขภาพบ้างเถอะ ร่างกายจะได้แข็งแรง แล้วบุหรี่อะ โซเห็นนะว่าตอนอยู่มหาลัยพี่แอบสูบมันตลอด สูบหนักขนาดนั้นไม่คิดว่าปอดจะหายไปบ้างหรือไง"
หมับ!
ทันทีที่ฉันพูดจบ ฝ่ามือใหญ่ของพี่พระพายก็ดึงเอวของฉันไปนั่งบนตักของเขาทันที ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างจับแก้มทั้งสองข้างของฉันให้หันไปทางเขา
"บ่นอะไรยาวขนาดนั้น ถ้าจะบ่นยาวขนาดนั้นมาเป็นแฟนพี่เลยดีไหม"
"เหอะ โซไม่เล่นนะพี่พระพาย"
"พี่ก็ไม่ได้เล่น พี่พูดจริงๆ ตอนนี้พี่โสดเธอก็โสด เรามาคบกันไหม"
"...." หลังจากได้ยินประโยคนั้นออกจากปากของพี่พระพายแล้วฉันก็นิ่งไปทันที เอาแต่มองตาพี่พระพายที่กำลังสบตากับฉันไปเงียบๆ
ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้พี่พระพายแค่พูดเล่นหรือพูดจริงตามที่สายตาของเขาได้สื่อออกมา แต่เท่าที่ได้ยินมา สายตามันหลอกกันไม่ได้นี่หน่า…
งั้นก็แปลว่าเขาพูดจริงใช่ไหม?
"โอเคมันอาจจะดูปุ๊บปั๊บเกินไปสำหรับเธอ ไม่เป็นไรไว้พี่จะกลับมาถามเธออีกครั้ง เมื่อกี้พี่สั่งข้าวให้แล้วนะ พี่ให้เขาส่งที่ล็อบบี้ข้างล่าง...งั้นพี่กลับก่อนนะ"
พอพี่พระพายพูดจบเขาก็จัดการยกร่างกายของฉันวางลงบนโซฟาข้างๆ ส่วนเขาก็ลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้องของฉันแต่ฉันนี่สิ จู่ๆ ก็เป็นบ้าอะไรไม่รู้ พอโดนจับวางลงจากตักพี่พระพาย จู่ๆ ก็รู้สึกใจสั่นวูบไปทั้งดวง
และใช่ค่ะ ฉันยังไม่อยากให้พี่พระพายกลับตอนนี้
"สั่งแล้วก็กินด้วยกันก่อนสิ โซกินมื้อดึกไม่เยอะอะ กินไม่หมดมันเสียดายของ" พอฉันบอกแบบนั้นพี่พระพายก็นิ่ง แต่ในความนิ่งเขากลับเอามือทั้งสองข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนที่จะจ้องตาของฉันที่ไม่กล้าสบตากับเขาเท่าไหร่ด้วยรอยยิ้มเหมือนล้อเลียนฉัน แต่ฉันก็แอบเห็นนะว่าภายใต้การยิ้มล้อเลียนอะเขาแอบดีใจอยู่
ไม่งั้นไม่แอบอมยิ้มแบบนั้นหรอก
"งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปเอาข้าวข้างล่างก่อนละกัน"
"อื้ม…เผื่อโซอาบน้ำอยู่ รหัสประตูหกหกหนึ่งสองค่ะ"
ฉันบอกพี่พระพายไปแค่นั้นก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินผ่านหน้าพี่พระพายไปประมาณสามก้าวจากนั้นก็รีบสอยเท้าถี่ๆ ไปทางห้องนอนไวๆ
เขินมากไอ้บ้าเอ้ย!
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเขินจนแก้มร้อนผะผ่าวขึ้นมา อยากตีปากตัวเองมากไม่รู้ว่าการที่ฉันบอกรหัสประตูห้องไปแบบนั้นพี่พระพายจะแอบคิดว่าฉันทอดสะพานให้เขาหรือเปล่านะ
แต่ช่างมันเถอะ เขาสะดวกคิดยังไงมันก็เรื่องเขาละกัน ส่วนฉันตอนนี้ขอเอาหัวไปโขกใส่หมอนก่อน
อยากกรี๊ดมาก!!