เฉิงอี้ก็จำต้องเดินทางกลับเมืองหลวงเช่นกัน เขาจึงเลือกที่จะออกเดินทางพร้อมกับท่านน้าของเขาเลย
“เกิดเรื่องอันใดที่เมืองหลวงหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามอย่างสนใจ หากมีเรื่องร้ายแรงนางจะได้เตรียมตัวทัน
“ไทเฮาล้มป่วย พ่อของเจ้าเป็นเสนาบดีกรมพิธีการจึงต้องเร่งเดินทางกลับ ข้าคิดว่าพระนางคง” เฉิงอี้หยุดพูดเพียงเท่านั้น ถึงอย่างไรอวี่หรันนางก็รู้อยู่ดีคงไม่คราวต้องจบชีวิตเป็นแน่
ไม่แปลกที่บิดากับมารดาต้องเร่งออกเดินทางเช่นนี้
“แล้วท่านเล่า เหตุใดถึงต้องกลับเมืองหลวงด้วย” นางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะเฉิงอี้ไม่ใช่ขุนนางเสียหน่อย
“ข้ามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เจ้าอยู่ทางนี้ก็ดูแลตนเองดีๆ เล่า ข้ากลับมาจะมาเอาคำตอบเรื่องที่เคยถามเจ้าไว้”
“เหอะ ท่านอยู่ที่เมืองหลวงไปเลยเจ้าค่ะ”
หากเขาจะกลับมาเพื่อมาเอาคำตอบว่านางเป็นใครแล้วละก็ เชิญอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปเถิด
“หรันหรัน” เฉิงอี้ เรียกนางเสียงเข้ม เมื่อได้ยินว่านางให้เขาอยู่ที่เมืองหลวงต่อไม่ต้องกลับมาแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเดินทางดีๆ เล่าเจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าดูแลตัวเองได้” นางรีบเดินไปมาบิดามารดาทันที
ถานเสวี่ยซีกำลังเล่นกับหลานชายอยู่ก็หันมารับคำบุตรสาว ระหว่างที่เขาอยู่ที่เหอหนาน เรื่องของหลานชายเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้หยุนซีจึงเป็นคนของตระกูลถานเต็มตัว โดยมีถานเสวี่ยหานเป็นผู้รับรองด้วยตนเอง
เมื่อส่งทุกคนให้ออกเดินทางไปแล้ว อวี่หรันนางก็หายใจได้อย่างโล่งขึ้น แต่ก็ยังมีแม่นมถานที่รั้งอยู่เพื่อดูแลนางกับหยุนซีอีกคน
นางจึงได้กลับมาจัดการเรื่องการค้าของนางต่อเสียที ครั้งนี้นางไม่หนักใจเรื่องที่ต้องหาปูนขาวอีกแล้ว เพราะเฉิงอี้ให้คนของเขาจัดการให้นางเรียบร้อยก่อนที่จะออกเดินทาง
อวี่หรันจึงให้พ่อบ้านถานสร้างเตาเผาขึ้นมาให้นางใหม่ด้านหลังเรือนของนางอีกสามเตา เพื่อทำสบู่โดยเฉพาะ
“แม่นม ท่านใช้สบู่ของข้าแล้วเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” นางอยากถามความเห็นของผู้อื่นที่ไม่ใช่บ่าวของนาง พวกนั้นไม่ว่านางทำอะไรก็ล้วนแต่ชื่นชมอย่างเดียว
“สบู่ของคุณหนูดียิ่งเจ้าค่ะ แต่เสียอย่างเดียวกลิ่นมันเหม็นหืนไปเสียหน่อย”
อวี่หรันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นางคงต้มไม่ดีจึงทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนหลงเหลืออยู่ หากอยากให้มีกลิ่นหอมคงต้องหาดอกไม้มาใส่ลงไปด้วย
“อาหมานเจ้าไปหาดอกไม้มาให้ข้าได้หรือไม่”
“นายหญิงท่านต้องการดอกอันใดขอรับ”
“เหมยกุ้ย (กุหลาบ) โม่ลี่ (ดอกมะลิ) อิงฮวา (ซากุระ) หรือดอกอันใดก้ได้ที่มีกลิ่นหอม”
อวี่หรันนางยังไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้อย่างไร แต่จะลองดูเสียก่อน
อาหมานก็ลงมือจัดการให้นางอย่างรวดเร็ว ในตอนเย็นของวันนั้นในเรือนของนางก็มีดอกไม้มากมายวางกองอยู่ นางจึงสั่งให้พวกเขาช่วยจัดการล้าง
ในตอนแรกอวี่หรันจะนำดอกไม้ที่ได้มาต้มกับน้ำ แล้วค่อยเอาน้ำที่ได้ ไปผสมกับส่วนผสมสบู่ แต่เมื่อลองทำก็พบว่าสบู่ที่ได้เหลวเกินไปจนไม่อาจจับตัวเป็นก้อนได้
ครั้งต่อมานางจึงนำน้ำมันถั่วเหลืองมาต้มกับดอกไม้เสียเลย ก็พบว่ากลิ่นดอกไม้ติดอยู่ในน้ำมันที่ได้จริงๆ แต่น้ำมันที่ได้กลิ่นก็จาง และปริมาณน้ำมันเมื่อต้มก็ลดลงไปเยอะ
นางเกือบจะถอดใจเสียแล้ว หากไม่ได้ยินสิ่งที่แม่นมถานพูดเสียก่อน
“วันนี้คุณชายน้อยกินไข่ตุ๋นดีหรือไม่เจ้าคะ” แม่นมถานกำลังหยอกล้ออยู่กับหยุ่นซี
“ใช่แล้ว ตุ๋น เหตุใดข้าถึงคิดไม่ได้” อวี่หรันกระโดดลุกจากเก้าอี้ก่อนจะพุ่งตัวออกไปนอนเรือน
แม่นมถานมองตามไปอย่างตกตะลึง ที่เห็นท่าทางของคุณหนูที่ตนเลี้ยงมาเป็นเช่นนี้
อวี่หรันนางนำน้ำมันถั่วเหลืองมาตุ๋นกับดอกไม้ของนาง ก็พบว่ามันไม่มีกลิ่นเหม็นหืนแล้ว ปริมาณน้ำมันก็เพิ่มมาจากน้ำในตัวดอกไม้ที่ออกมาด้วยไม่ได้ลดลงไป แต่กลิ่นก็ยังไม่หอมชัดเจนนัก
นางจึงทำซ้ำแบบเดิมอยู่อีกสามรอบ กลิ่นที่ได้ก็หอมฟุ้งจนป้าเหมยและเสี่ยวเหยาที่มาช่วยงานยังอดจะชื่นชมไม่ได้
เพราะกลัวว่าจะผิดพลาดอีกครั้ง อวี่หรันนางจึงนำน้ำมันที่ได้ ไปทดลองทำสบู่ออกมาหนึ่งชุดก่อน หากเสียหายก็ไม่ได้มากมายนัก
ระหว่างที่รอให้สบู่จับตัวเป็นก้อนในอีกห้าวัน นางก็ออกจากเรือนไปตรวจดูร้านค้าที่ขายเครื่องไม้ของเสี่ยวตง เพราะตั้งแต่เปิดร้านนางก็ไม่เคยได้ไปดูอีกเลย
“อาหรันเจ้ามาเสียที” เสี่ยวตงเอ่ยอย่างตัดพ้อ เพราะนางไม่เคยมาที่ร้านเลย
“แล้วเป็นเช่นใดบ้าง”
“อย่างที่เจ้าพูดไว้ไม่ผิด หลังจากที่ข้าเปิดร้านได้ไม่ถึงสองเดือน ร้านอื่นก็เริ่มทำตาม ราคาก็ถูกกว่าที่เจ้าบอกให้ข้าขายเสียอีก”
“แต่เจ้าก็ได้เงินมาจากการขายไม่น้อยมิใช่หรือ” อวี่หรันอดจะเย้าเขาไม่ได้
ร้านของเสี่ยวตงในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนกับทำเงินได้มากถึงสองร้อยตำลึงทองต่อคน จะน้อยได้อย่างไร ค่าร้านกับเงินที่อวี่หรันลงทุนไปก็ได้คืนตั้งแต่เดือนแรกที่เปิดขายแล้ว
“ก็จริงของเจ้า แล้วเมื่อไรที่เจ้าจะให้แบบใหม่กับข้าเล่า”
“ที่ข้ามาก็เพราะเรื่องนี้ ไป ไปหากระดาษมาให้ข้า” อวี่หรันโบกมือไล่เสี่ยวตงให้ไปหากระดาษมาให้นางวาดแบบ
เสี่ยวตงก็ช่างรู้ใจ เพราะรู้ว่าอวี่หรันนางไม่ถนัดใช้พู่กันวาดภาพ เขาก็น้ำถ่านไปฝนจนเป็นแท่งขนาดเท่าพู่กัน แล้วยังหาผ้ามาพันไว้ไม่ให้มือนางเลอะอีกด้วย
อวี่หรันวาดเก้าอี้กินข้าวของเด็กให้เขาพร้อมทั้งวาดเครื่องเล่นอีกสองสามอย่างให้เขาอีกด้วย
“อาหรันเจ้าช่างเป็นเหมือนเทพธิดาสำหรับข้าจริงๆ” เสี่ยวตงร้องออกมาเมื่อเห็นแบบในมือของเขา
“หึ ข้านะรึเทพธิดา กลัวจะเป็นนางมารเสียมากกว่า” อวี่หรันส่ายหัว พร้อมทั้งพูดออกมาเบาๆ
เสี่ยวตงที่มัวแต่ดีใจกับแบบในมือก็ไม่ทันได้ยินสิ่งที่นางพูดออกมา