อวี่หรันอยากจะร้องห้าม แต่ถานเสวี่ยหานอุ้มหยุนซี เดินออกไปร้องสั่งให้คนเตรียมรถม้าเรียบร้อยแล้ว
“ไปเถิด” ตู้เฉิงอี้ก็ร้องเรียกให้นางเดินตามออกไป
“เพราะท่าน เห้อ ไปเถิด” อวี่หรันถลึงตาใส่ตู้เฉิงอี้ แต่ก็ยอมเดินตามออกไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับหมู่บ้าน
ในรถม้าของอวี่หรันมีเพียงนางกับป้าเหมยที่นั่งอยู่ด้วยกัน หยุนซีไปนั่งคันเดียวกันกับท่านตาท่านยายของเขา ส่วนเฉิงอี้ก็ขี่ม้าขนาบอยู่ด้านข้างรถม้านางแทน
“นายหญิง หากฮูหยินถานจะพักที่หมู่บ้าน นางจะอยู่ที่ใดเจ้าคะ” แม้ไม่รู้ว่าตระกูลถานทำอันใดที่เมืองหลวง แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่พวกเขาสวมใส่ก็ดูรู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา ป้าเหมยจึงกังวลเรื่องที่พัก
“ไว้ค่อยว่ากันเจ้าค่ะ” ไม่แน่นางอาจจะต้องย้ายมาอยู่กับมารดาที่จวนในเมืองเป็นแน่
แล้วจะต่างอันใดระหว่างอยู่ที่เมืองเหอหนานกับเดินทางกลับไปเมืองหลวงเล่า
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างก็แปลกใจที่มีรถม้านอกจากเรือนของอวี่หรัน ยังมีรถม้าคันงามตามคันของนางเข้ามาด้วย
“นี่เรือนของข้าเจ้าค่ะ” เพียงอวี่หรันนางชี้เรือนของนางให้บิดามารดาดู
ตู้หลานก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ นางจะไม่ปวดใจได้อย่างไร เรือนของบ่าวในตระกูลถานยังดูดีกว่าเรือนหลังที่อวี่หรันนางอาศัยอยู่ในตอนนี้เสียอีก
“เกิดอันใดขึ้น ผู้ใดมากันมากเพียงนี้” ป้าฉีได้ยินเสียงอยู่หน้าเรือนนางจึงได้เดินออกมาดู
“นี่ป้าฉี คนที่ช่วยชีวิตข้าไว้เจ้าค่ะ”
ตู้หลานแทบจะคุกเข่าคำนับให้ป้าฉีที่ช่วยชีวิตบุตรสาวของนางไว้ แต่ป้าฉีก็รีบเข้ามาพยุงไว้เสียก่อน
“ขอบคุณท่านมาก หากไม่มีท่าน ข้าก็คงไม่ได้พบหรันหรันอีกแล้ว” นางเช็ดน้ำตาทิ้ง
“ตอนที่ข้าพบนาง นางก็เกือบไม่รอดเสียแล้ว ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยบาดแผลเต็มไปหมด” ป้าฉีก็เหมือนได้ที พูดเรื่องในหนนั้นออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ไม่รู้ว่าผู้ใดที่กล้าทำร้ายสตรีตั้งครรภ์เช่นนี้
อวี่หรันไปแต่กลอกตา เพราะมารดาของนางเพิ่งหยุดร่ำไห้ไปกลับร้องออกมาอีกครั้งอย่างปวดใจ
“ท่านแม่ หยุดได้แล้วเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พวกท่านอยากมาดูเรือนของข้าไม่ใช่รึ” นางรีบเปลี่ยนเรื่องทันที หากตู้หลานยังร้องไห้อยู่ อวี่หรันนางได้หูดับแน่
“ใช่ๆ ไปเรือนของเจ้ากัน” อี้หลานหยุดร้องไห้ แล้วเข้าไปที่เรือนของอวี่หรันทันที ถึงอย่างไรตอนนี้บุตรสาวของนางก็ไม่ได้เป็นอันใดแล้ว
อวี่หรันเดินพาทุกคนเข้ามาในเรือนของนาง ยิ่งได้เห็นห้องโถงที่คับแคบ ทั้งเครื่องเรือนที่มีไม่มาก ถานเสวี่ยหานกับตู้หลานก็แทบจะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง เพราะสงสารบุตรสาวที่ต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ได้ลำบากอย่างที่ท่านคิดเจ้าค่ะ” นางอดจะเอ่ยปลอบไม่ได้
ทั้งคู่ไม่เหมือนบิดามารดาในภพก่อนของนางสักนิด นางไม่เคยเห็นบิดากับมารดาที่ภพก่อนอ่อนแอให้นางเห็นสักครั้ง
แต่ทั้งคู่ไม่ว่านางจะพูดอะไร หรือรู้เรื่องที่นางบาดเจ็บเช่นไรก็เอาแต่จะร้องไห้กันอยู่ตลอด จนนางเริ่มจะทำตัวไม่ถูก หากเฉยชากับทั้งคู่มากเกินไปก็คงจะดูไม่ดี
อวี่หรันจึงเล่าเรื่องการค้าที่นางได้ทำ ทั้งยังคิดจะทำการค้าสบู่ขึ้นมาอีกด้วย
“สบู่ คือสิ่งใด” ตู้หลานที่รักสวยรักงามยังไม่เคยได้ยินสบู่ที่ใช้อาบน้ำเลยสักครั้ง
อวี่หรันจึงให้เสี่ยวเหยานำสบู่ที่นางเคยทำไว้ใช้มาให้ตู้หลานนางได้ดู
“ประหลาดนัก” ตู้หลานสั่งให้แม่นมถานหาอ่างน้ำมาให้นาง นางอยากจะลองใช้สบู่
ป้าเหมยจึงได้พาแม่นมถานไปที่ห้องครัว เพื่อนำนมอุ่นและอ่างล้างมือมาให้นายของตน
“พวกท่านนั่งรอข้าสักครู่นะเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะไปไหน” ตู้เฉิงอี้เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้าจะให้นมซีซี หรือท่านจะให้ข้าให้ตรงนี้เลยเจ้าคะ” นางเอ่ยถามเขาอย่างหน้าตาย
“เพ้ย หรันหรัน เจ้าพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร” ตู้เฉิงอี้เอ่ยต่อว่านาง แต่ใบหูของเขากลับแดงอย่างเขินอาย
ถานเสวี่ยหานกับตู้หลานก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง แม้จะรู้ว่าบุตรสาวของตนเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่ไม่คิดว่านางที่เป็นคุณหนูในห้องหอ เรียบร้อยอ่อนหวานจะพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเฉิงอี้ที่ยังไม่แต่งงานได้
อวี่หรันนางก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่นางพูดจะทำให้ทุกคนมีอาการเช่นนี้ได้ นางอุ้มหยุนซีแล้วเข้าไปในห้องของนางแทน
ตู้เฉิงอี้ก็ได้แต่ปั้นหน้าขรึมไม่พูดสิ่งใด นางแปลกไปมาก แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว หากเป็นเช่นเมื่อก่อนไม่รู้ว่าเขาจะต้องเป็นห่วงนางที่ต้องใช้ชีวิตเช่นนี้มากเท่าใด
ไม่นานอวี่หรันนางกลับออกมาจากในห้อง แล้วส่งหยุนซีที่กินอิ่มแล้วให้แม่นมถานที่รอรับไปแทน
“หรันหรัน เจ้าไม่มีแม่นมหรอกรึ” ตู้หลานเอ่ยถามบุตรสาว
“ไม่เจ้าค่ะ”
“หรันหรัน เจ้าไปเก็บของเสีย แล้วเข้าไปอยู่ที่จวนในเมืองกับพ่อเถิด” ถานเสวี่ยหานไม่อาจทนให้บุตรสาวอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี้ได้อีกแล้ว
“เอ่อ”
“ไปเถิด จวนหลังนั้นพ่อให้อาอี้ซื้อไว้ก่อนที่จะเดินทางมาที่เหอหนานเอง”
“เจ้าค่ะ”
อวี่หรันเดินออกไปสั่งคนของนางให้เก็บของทั้งหมดเพื่อย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
นางเดินไปบอกป้าฉีเรื่องที่จะย้ายเข้าไปอยู่จวนของบิดามารดาในเมือง ทั้งยังฝากบ้านกับนางด้วย
ถานเสวี่ยหานก่อนที่เขาจะกลับเข้าเมืองก็ให้เงินป้าฉีไว้ห้าร้อยตำลึงทอง เพื่อขอบคุณที่นางดูแลบุตรสาวของตนมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่
ป้าฉีเคยเห็นเงินมาเพียงนี้เสียที่ไหน กว่าที่นางจะรู้สึกตัว ทั้งหมดก็ขึ้นรถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากหมู่บ้านเสียแล้ว
เสี่ยวตงเมื่อกลับมาจากร้านในเมืองเขาก็เพิ่งรู้ว่าอวี่หรันนางย้ายไปอยู่กับบิดามารดานางเสียแล้ว แล้วยังตกใจกับจำนวนเงินที่บิดาของนางให้ไว้ไม่น้อย
อวี่หรันเมื่อมาถึงจวนตระกูลถานในเมืองนางก็ถูกจัดให้อยู่ในเรือนที่ไม่ห่างจากเรือนของบิดามารดานัก ตอนนี้หยุนซีถูกแม่นมถานรับมาดูแล
บ่าวของอวี่หรันก็ถูกพาไปเรือนของบ่าวที่อยู่ด้านหลัง แต่พวกเขาก็ยังได้อยู่แยกกันเช่นเดิม เหมือนที่อยู่ที่หมู่บ้าน เพราะอวี่หรันนางสั่งให้พ่อบ้านถานจัดการให้คนของนางเช่นนี้