ตอนที่เจ็ด ซิสไพลิน

1323 คำ
ยอดติดตามของช่องทางในโซเชียลของ 'ซิสไพลิน' เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพราะทุกคนที่ดูไลฟ์ต่างก็อยากรู้ว่าหลังเหตุการณ์สาดน้ำมันพรายในตำนานแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางคนถึงกับอินบ็อกซ์เข้ามาถามความคืบหน้า เพจข่าวออนไลน์บางเพจก็เข้ามากดติดตามแบบไม่ตกเทรนด์ พิธีกรชื่อดังที่เคยมาทอดกฐินที่วัดในชุมชนดงชมพูและศรัทธาในตัวพ่อหมอทัพก็ยังมาติดต่อให้ไพลินไปออกรายการ แต่ไพลินยังไม่พูดถึงเรื่องพ่อหมอทัพ เธอแค่แนะนำตัวเองและทักทายทุกคน และกำลังคิดในหัวว่าจะทำอะไรเพื่อให้คนที่เข้ามากดติดตามได้รู้ว่าจะได้อะไรบ้างเมื่อเข้ามากดติดตามเธอ ณ ขณะเดียวกัน ที่ตำหนักพ่อหมอทัพก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทัพ เปรม อมตะ นั่งอยู่ตรงข้ามกับเด็กวัดที่พวกเขาจ้างมาช่วยงาน ทุกคนกำลังนั่งมองกล่องพัสดุที่ตีกลับมาเป็นกองพะเนิน กล่องเหล่านี้เป็นวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์สั่งในช่วงไลฟ์สดแบบเก็บเงินปลายทาง เมื่อพัสดุไปถึงลูกศิษย์บางคนเกิดความไม่เชื่อถือในตัวพ่อหมอเลยไม่รับสินค้า กล่องเหล่านี้เลยถูกตีกลับ "ปิดส่งปลายทางดีไหม" อมตะย่นคิ้วใส่กล่องที่กองพะเนินเทินทึกแล้วเอ่ยถามเพื่อน "มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง" เปรมถอนหายใจยาว "ปกติลูกค้าสั่งของเราไปแล้วไม่เคยไม่รับของเลยนะ" "กูว่าเราต้องเปิดไลฟ์สดก่อนกำหนด การเงียบไม่ใช่ทางออก" ทัพรู้ดีว่าเหล่าลูกศิษย์ต่างรอดูพ่อหมอทัพว่าโดนน้ำมันพรายแล้วมีอาการเป็นอย่างไรแต่ทุกช่องการสื่อสารของทางตำหนักต่างก็เงียบและไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ ออกมา แม้แต่ช่องทางโซเชียลของผู้หญิงที่ล้อเล่นกับระบบคนนั้นก็ยังไม่ปริปากพูดเรื่องนี้ ทัพค่อนข้างแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นฉลาดเป็นกรด เธอใช้เขาเป็นเครื่องมือ เพื่อเอาชนะการะเกด นอกจากนั้นแล้วยังใช้โอกาสนี้ เพิ่มยอดติดตามของตัวเองไปด้วย... ร้ายกาจยิ่งนัก แค่จะแกล้งตกหลุมรักก็ยังรู้สึกโมโหเลย... "บอลกับยอดกลับไปพักผ่อนก่อน" ทัพจ่ายค่าจ้างรุ่นน้องทั้งสองคน "ถ้ามึงบอกว่าน้ำมันพรายไม่ได้ผล ใครจะเชื่อถือตำหนักเรา" เมื่อเด็กรุ่นน้องก้าวพ้นเรือนเปรมก็เข้าเรื่อง "แล้วรีวิวดี ๆ เรื่องอื่น ไม่ได้ช่วยเลยเหรอวะ" พูดแล้วทัพก็โมโหเพราะกองของขลังที่ลูกค้าตีกลับมาคือคำตอบ เขาสร้างชื่อเสียงมานาน ลูกศิษย์ที่เคยเข้าหาต่างก็รู้ว่าเขาไม่ใช่นักต้มตุ๋น แต่เธอกลับพังทลายความน่าเชื่อถือเหล่านั้นในพริบตาเดียว พวกเขาลงทุนสั่งโรงงานผลิตของขลังล็อตใหม่เพื่อนำมาปลุกเสกหมดไปหลายล้าน ไหนจะของขลังที่ทำจากทองคำแท้ที่เตรียมไว้สำหรับลูกศิษย์ไฮโซสายมูที่เป็นตลาดใหม่ของตำหนักอีก ของเหล่านี้พวกเขาทำมาเพื่อให้คนได้เอาไปกราบไหว้บูชาเก็บไว้ใช้เองไม่ได้ แล้วมันก็เป็นการลงทุนในนามบริษัทที่หุ้นกันสามคน จะปล่อยให้ขาดทุนทัพก็ทำไม่ลงเพราะเพื่อนทั้งสองไม่ได้มีมรดกจากญาติมากมายเหมือนเขา "มึงเปลี่ยนใจไม่ได้เหรอวะ ทำเป็นว่าฤทธิ์น้ำมันพรายมีผล แล้วค่อยๆ จางลงเพราะเข้ากันไม่ได้อะไรงี้ก็ยังดีกว่าบอกว่าน้ำมันพรายไม่มีผลอะไร" "กูจะบอกกับทุกคนว่า กูมีวิชา ของไม่เข้าตัวกูเหมือนที่เคยคิดไว้" "ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่ใครจะเชื่อว่ามึงพูดเรื่องจริงวะ" อมตะแย้ง เอาจริงๆ น้ำมันพรายไม่ได้มีผลอะไรต่อทัพ หรือพวกเขาเอง เพราะพวกเขามีวิชาอาคมที่พระอาจารย์ที่ชุบเลี้ยงพวกเขามาถ่ายทอดให้ แต่พวกเขาดูกระแสในสังคมโซเชียลแล้วก็เห็นว่าหากทัพไม่แสดงออกว่าเสน่หาผู้หญิงคนนั้น ตำหนักนาคมงคลพังแน่! "แต่มึงก็รู้ว่าเขาหลอกใช้กู ให้กูทำเป็นเสน่หาเขาก่อน กูทำไม่ลง" เปรมมองบนเพราะอีโก้ของเพื่อนเขาลอยอยู่แถวนั้น แม่งเอ๊ย... เป็นเขานะ เขาจะไม่คิดอะไรแล้วแสดงละครไปเลย แต่ก็เข้าใจแหละ ไอ้ทัพมันเป็นคนแบบนี้ ถ้ามันไม่อยากทำมันก็ไม่ทำ "งั้นมึงเอาน้ำมันพรายไปป้ายให้เขามาหลงมึง แล้วมึงแค่แกล้งตามน้ำไปดีไหม" อมตะคิด "เออ แบบนั้นดูง่ายดี" อมตะเลิกคิ้ว เขาแค่ประชด แต่ไอ้ทัพกลับเห็นด้วย... "สรุปว่าไม่ได้มีปัญหากับการทำเป็นหลงรัก แต่มีปัญหาว่าไม่อยากเป็นฝ่ายเริ่มก่อน" "เออ" ทัพลุกขึ้นยืน "กูจะไปปลุกเสกน้ำมันพรายตอนนี้เลย" "..." เปรม "..." อมตะ "พี่ทัพจ๊ะ พี่ทัพ" เสียงเรียกจากด้านนอกทำให้ทัพชะงัก แม้จะพูดด้วยถ้อยคำจ๊ะจ๋า แต่น้ำเสียงกลับดูห้วนไม่เข้ากับรูปประโยคอย่างบอกไม่ถูก "ใครมา" เปรมตะโกนถามออกไป "ไพลินจ้ะ ไพลินมาหาพี่ทัพ ไพลินมีเรื่องจะคุยด้วย" "หรือว่า มึงไม่ต้องปลุกเสกน้ำมันพรายแล้ว" เปรมเอ่ยถาม "เมื่อเช้ากูไปในตลาด ได้ยินไอ้กันต์พูดว่าจะยึดที่ดินที่พ่อของทับทิมเอาไปจำนองไว้ เพราะขาดส่งดอก พูดเสียน่าเกลียดเชียวว่าเด็กมันไปส่งดอกให้ทุกเดือน แต่เดือนนี้ขาดส่งเลยจะยึดที่" เปรมได้ยินเรื่องนี้แต่ เพราะกันต์เป็นพี่ชายของการะเกด เขาจึงไม่คิดว่าจะเกี่ยวกับเรื่องข้อตกลงของสองสาว แต่พอเห็นไพลินมาหาทัพถึงเรือนทั้งที่เงียบหายไปนาน เขาเลยคิดว่ามันต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ ๆ อมตะหรี่ตาเพราะเรื่องที่ได้ยินมาทำให้หูผึ่ง "หรือว่าไพลินจะจับมึงทำผัว เพราะการะเกดไม่หยุดระราน" "ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู" สีหน้าเคร่ง ๆ ที่ทัพมักจะทำยามไม่สบอารมณ์ทำให้เพื่อนทั้งสองที่ครองตำแหน่งมือซ้ายมือขวาของพ่อหมอทัพแอบสบตากัน มันจะทำเป็นหลงรักเขาได้ไหวหรือ... แล้วยิ่งตอนที่เดินออกไปเจอกับไพลิน สามหนุ่มยิ่งได้รู้ ไพลินดูเป็นคนที่บอกยี่ห้อชัดว่าเป็นนางร้ายมากกว่าการะเกดเสียอีก เธอไม่ใช่คนแบบที่ไอ้ทัพจะชอบเลยสักนิด "กูว่าไพลินเริ่มเปิดศึกกับการะเกดแล้ว" เปรมเห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของไพลิน แต่รอยยิ้มนั้นไม่หวานถึงดวงตา เขาก็พูดลอดไรฟัน "เพื่อเงินที่เราลงทุนไปหลายล้าน มึงช่วยตามน้ำไปก่อนนะ มึงเห็นกล้องไลฟ์สดที่น้อง ๆ เขาถืออยู่ข้างหลังไหมไอ้ทัพ" "เออ กูเห็น" ทัพบอกเสียงเหมือนจะคำราม ทว่าสีหน้าของเขายังเรียบนิ่ง จากนั้นก็ตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านล่าง แววตาลุกเป็นไฟค่อย ๆ สงบลงยามปรายตามองโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ในมือพลอยเพชร "เดี๋ยวพี่จะลงไป" ร้ายกาจแค่ไหน พ่อหมอทัพก็อ่อนโยนได้ ตอนอยู่หน้ากล้อง มีแค่เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ในไลฟ์สดเท่านั้นที่เอาเขาลงได้! "เมื่อกี้มันแทนตัวเองว่าพี่?" เปรมหันมากระซิบถามอมตะเมื่อพ่อหมอหนุ่มเดินลงเรือนไป "มึงก็ได้ยินเหมือนกันเรอะ กูนึกว่ากูหูฝาดอยู่คนเดียวเสียอีก" อมตะเองก็ทึ่งที่ทัพเองก็แสดงละครเป็นกับใครเขา...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม