เมื่อมื้ออาหารเย็นสิ้นสุดลง หลีซื่อก็บังคับบุตรชายให้กลับเรือนไปพร้อมกับซุนเหยา เพียงแค่ห่างออกจากเรือนหลักมา ซุนเหยานางก็เอ่ยไล่เขาทันที
“ท่านไปดูแลแม่นางฟู่เถิดเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าไม่บอกท่านแม่แน่” ซุนเหยานางไม่ได้อยู่รอฟังว่าเขาจะพูดเช่นไร นางเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเสี่ยวกุ้ยทันที
"ท่านทำเช่นนั้น จะดีหรือเจ้าคะฮูหยิน” เสี่ยวกุ้ยนางคิดว่าซุนเหยานางมีโอกาสแล้ว เหตุใดถึงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพหลงใหลในตัวนางแทน
“ดีสิ ข้าไม่อยากได้บุรุษที่ไม่ได้มีข้าเพียงผู้เดียว ทั้งท่านแม่ทัพยังมีสตรีในดวงใจของเขาอยู่แล้ว ข้าจะไปขัดขวางเพื่ออันใด”
ทั้งสองนายบ่าวไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน ซูเซวียนจะได้ยินทุกคำ แทนที่เขาจะเดินไปที่เรือนหงอี้อย่างที่ซุนเหยานางคิด เขากลับเดินมาที่เรือนของนางแทน
“เหตุใดท่านจึงเข้ามาที่เรือนนี้เล่า” นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“แล้วเหตุใดข้าถึงจะเข้าเรือนของข้าไม่ได้ ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ไว้แล้ว ตลอดหนึ่งเดือนข้าจะนอนที่นี่”
ซูเซวียนสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำ โดยไม่ได้มองสีหน้าที่แข็งค้างของซุนเหยานางเลย
เสี่ยวกุ้ยก็รีบไปเตรียมน้ำให้อย่างรวดเร็ว ซุนเหยานางพ่นลมหายใจอย่างแรง เมื่อเห็นสาวใช้ตัวดีของนางเปลี่ยนท่าทีไปเช่นนี้
“เหตุใดยังมาช่วยข้าถอดชุดอีก” ซูเซวียนเอ่ยเรียกซุนเหยาที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู
“ข้าจะไปตามสาวใช้มาดูแลท่าน”
“ไม่ต้อง หรือตระกูลจ้าวไม่สอนเรื่องปรนนิบัติสามีแก่เจ้า”
ซุนเหยานางหลับตาลง ทั้งยังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความโกรธที่พลุ่งพล่านในยามนี้
นางเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ ก่อนที่จะอาศัยความทรงจำของร่างเดิมที่ถูกสอนก่อนออกเรือน ปลดผ้ารัดเออวของซูเซวียนออก
มือของซุนเหยาสั่นเทาจนไม่อาจแก้เชือกได้ ซูเซวียนที่เห็นนั้นก็ดันมือของนางออก แล้วแก้เชือกด้วยตนเอง
“เหอะ ไม่มีปากพูดหรือ หากทำไม่ได้”
ความอดทนของซุนเหยานางเริ่มหมดลง ดวงตาของนางจ้องมองไปที่ซูเซวียนอย่างแข็งกร้าว
“เช่นนั้น ท่านจะเรียกให้ข้าช่วยเพื่ออันใด คิดว่าข้าอยากทำนักหรือไง ออกไปจากเรือนของข้าไปแล้ว”
“เรือนของเจ้าผู้เดียวอย่างนั้นหรือ คิดหรือว่าข้าก็อยากจะอยู่ร่วมเรือนกับเจ้า หากมิใช่เพราะเห็นแก่ท่านแม่”
“ในเมื่อเรือนนี้เป็นของท่าน เช่นนั้นท่านก็อยู่ของท่านไปก็แล้วกัน”
“เจ้าจะไปที่ใด” ซูเซวียนดึงแขนของซุนเหยานางไว้
ซุนเหยานางจึงได้เสียหลักล้มลงในอ้อมแขนของเขา เมื่อรู้สึกตัวนางก็รีบถอยออกมาทันที
“ท่านแม่ทัพ ในเมื่อการที่ท่านต้องทนอยู่เรือนเดียวกับข้าเป็นเรื่องที่ทำให้ท่านลำบากใจมากเพียงนี้ เช่นนี้ในเมื่อข้าจะไปท่านจะเอ่ยรั้งไว้เพื่อสิ่งใด”
“หึ หากไม่เห็นแก่ท่านแม่ ข้าหรือจะยอมทนอยู่”
ซุนเหยาหลับตาลงเพื่อคุมสติ นางไม่เคยพบเจอบุรุษที่เป็นเช่นซูเซวียนมาก่อน ปากก็อ้างว่าทำเพื่อมารดา แต่การกระทำกลับสวนทาง
“เรื่องนี้ข้าจะไปพูดกับท่านแม่ให้รู้เรื่อง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
“หากเจ้าก้าวขาออกจากเรือนเพียงครึ่งก้าว ลองดูว่าข้าจะกล้าหักข้าของเจ้าหรือไม่”
ซุนเหยาเลิกคิ้วมองเขา นางต้องกลัวด้วยหรือว่าเขาจะกล้าทำหรือไม่ หากเขากล้าก็ดี นางจะได้หย่าขาดจากเขาเร็วขึ้น
ซุนเหยาหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้องไปทันที ซูเซวียนไม่คิดว่านางจะไม่เชื่อฟังเขามากถึงเพียงนี้
ซูเซวียนเดินตามซุนเหยานางออกมาแล้วรวบขาทั้งสองข้างของนางขึ้นแบกบนบ่า ซุนเหยากรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ สองมือของนางทุบไปตามแผ่นหลังของเขาอย่างไม่ยินยอม
“โอ๊ย” ซูเซวียนโยนซุนเหยานางลงที่เตียง
“ท่านบ้าไปแล้วรึ” นางตวาดออกมาเสียงดัง จนสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกตกใจจนไม่กล้าจะยกน้ำเข้ามา
“หากเจ้ากล้าที่จะออกไปอีกก็ลองดู ข้ายังบ้าได้มากกว่าที่เจ้าคิด” ซูเซวียนก้มหน้าลงมามองซูเซวียนอย่างดุดัน
เพราะความที่มันใกล้มากเกินไป ซุนเหยานางจึงได้หดคอถอยหนี
“ยกน้ำเข้ามา” ซูเซวียนหันไปตะโกนสั่งสาวใช้
“เฝ้านางไว้ หากนางออกจากเรือนไปได้ พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกทำโทษ” ซูเซวียนสั่งเสร็จก็เดินเข้าไปอาบน้ำ
ซุนเหยานางหลับตาลงอย่างใช้ความคิด ว่านางสมควรจะจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี จากที่ดูท่าทีของเขาแล้ว เขาคงไม่คิดจะแตะต้องตัวนาง เช่นนั้นก็อดทนให้ผ่านหนึ่งเดือนนี้ไปให้ได้ก็พอแล้ว
ซูเซวียนเมื่อออกมาจากห้องน้ำ ด้านบนของเขาไม่สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงตัวในเท่านั้น ซุนเหยานางดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังสายตาของนางไว้
เขาจะแต่งตัวให้ดีไม่ได้เลยหรือ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรี แล้วคิดจะหย่าขาดจากเขาอีกด้วย
“เจ้ามิร้อนหรืออย่างไร” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ท่านสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยมิได้หรือไร”
“หึ ข้าเป็นสามีของเจ้ามีสิ่งใดต้องปกปิดด้วย”
“ประเดี๋ยวท่านกับข้าก็ต้องหย่าขาดกันแล้ว”
“เรื่องนั้นอีกหนึ่งเดือนถึงจะเกิดขึ้น”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี” ซุนเหยาลุกออกจากผ้าห่ม แล้วเข้าห้องน้ำไป โดยที่สายตาของนางไม่แม้แต่จะปรายตาไปมองเรือนร่างของซูเซวียนสักนิด
ซุนเหยาแช่น้ำอยู่ในอ่างอยู่นานก็ไม่ยอมออกมา โดยหวังว่าเมื่อนางออกมาแล้วซูเซวียนจะหลับไปแล้ว หรือออกไปหาหงอี้ที่เรือนท้ายจวน
“ฮูหยิน น้ำเย็นแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวกุ้ยร้องเรียกให้ซุนเหยานางลุกออกจากอ่างน้ำ
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ซุนเหยานางก็ต้องกุมขมับ เมื่อเห็นซูเซวียนนอนพิงหัวเตียงอ่านตำรา สาบเสื้อของเขาเปิดออกจนเห็นมัดกล้ามที่ท้อง
ในเมื่อรับปากหลีซื่อว่าจะนอนร่วมเรือน ไม่ต้องว่าจะนอนร่วมห้อง นางจึงคิดที่จะไปนอนที่ห้องด้านข้างแทน
“เจ้าจะออกไปที่ใดอีก” ซูเซวียนเอ่ยถามเสียงเย็น โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
“ข้าจะไปนอนห้องด้านข้างเจ้าค่ะ”
“หึ มานี่” เขาตบลงที่ข้างเตียงด้านนอก
“ในเมื่อรับปากท่านแม่เพียงแค่ร่วมเรือนเดียวกัน แต่มิใช่ร่วมห้องข้าคงไปนอนห้องด้านข้างได้กระมัง”