“โชคดี...” อีเลียนตอบสั้นๆ และเมื่อชลนรรจ์ยังจ้องมองราวกับจะคาดคั้นให้เขาอธิบายต่อ อีเลียนจึงได้แต่เอ่ยเสริมขึ้นเพื่อให้เพื่อนของเขาสบายใจว่า “เขายอมเชื่อแล้วว่าฉันไม่ได้โกง”
ชลนรรจ์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาถอนหายใจอีกครั้งอย่างโล่งอก
ที่เรื่องมันจบลงได้ด้วยดี “แล้วแกจะเลิกเล่นได้หรือยัง” ตอนท้ายชายหนุ่มอดที่จะเหน็บเพื่อนสนิทไม่ได้ เพราะตนเองก็เคยได้ห้ามปรามอีเลียนแล้วว่าให้เล่นอะไรแต่พอดี อย่าหลงมัวเมาไปกับการเล่นเพราะถึงอย่างไรการพนันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี
“อือ…” อีเลียนร้องรับในลำคอด้วยท่าทีที่ดูก็รู้ว่าน่าจะเข็ดพอ
สมควร “เข็ดจนตายเลย” หนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียนเอ่ยพร้อมกับสีหน้าที่ยังเจือความหวาดกลัวจางๆ ในดวงตา
ชลนรรจ์พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจอีกครั้ง แล้วก็เอ่ยชวนเพื่อนสนิทกลับกันเสียดื้อๆ “กลับกันเถอะ”
“เออ”
อีเลียนตอบรับ แล้วจากนั้นสองหนุ่มนักท่องเที่ยวก็ตั้งท่าจะเดินจากไปในทันที แต่แล้วชลนรรจ์กับอีเลียนก็ต้องชะงักเมื่อร่างเล็กของ
แอนนาเบลล์ก้าวมาดักหน้าเขาเสียก่อน
“นี่! นายน่ะ...” หญิงสาวชี้นิ้วใส่หน้าเขาอย่างกราดเกรี้ยวที่ถูกละเลย แถมอีตาหัวดำนี่ก็คิดจะเดินหนีเธอโดยไม่คิดจะขอโทษเลยสักคำเดียว! “เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอเหรอ ขอโทษน่ะเป็นไหม” หญิงสาวถามเขาด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดอย่างโกรธเคือง
ชลนรรจ์ไหวไหล่ แสยะยิ้มใส่หญิงสาวก่อนจะตอบใส่หน้าเธอสั้นๆ
“เป็น!”
“งั้นก็พูดมาสิ!”
หญิงสาวรีบทวงคำขอโทษที่เธอคิดว่าเธอควรจะได้รับทันที แต่อีกครั้งที่ชลนรรจ์แสยะยิ้มใส่ตาเธอ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“…แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงไร้สมองและไร้มารยาทอย่างเธอ!”
ชลนรรจ์ตอกใส่หน้าหญิงสาวอย่างเผ็ดร้อน ก่อนจะลากอีเลียนติดมือเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจแอนนาเบลล์ที่ชี้นิ้วด่าไล่หลังเขาด้วยน้ำเสียงกราดเดรี้ยว
“ว่าไงนะ! นี่! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ นี่! อีตาบ้า!”
แอนนาเบลล์ร้องวีดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าจู่ๆ คู่กรณีของเธอก็เดินหนีไปกับเพื่อนของเขาหน้าตาเฉย คุณหนูขาวีนที่กำลังอารมณ์
คุกรุ่นอยู่จึงร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ทว่าไม่มีท่าทีที่ฝ่ายนั้นจะหันกลับมามองเธอแม้แต่น้อย จนเป็นพี่ชายของเธอเองที่โผล่ออกมาจากห้องทำงานของเขาทีหลังต้องมาร้องถามเธอในที่สุด
“เอะอะอะไรกันแอนนา”
“ดีน” แอนนาเบลล์กระแทกเท้าเดินไปหาพี่ชายอย่างไม่ชอบใจนัก “ใครเหรอคะ เขาเสียมารยาทกับแอนนามากๆ เลย” ใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาบาร์บี้บึ้งตึง
“คนไหนล่ะ?”
คนเป็นพี่ย้อนถามกลับ เพราะรู้ดีว่ามันมีสองคนที่เขา ‘เชิญ’ มาที่ห้องทำงานของตนเองก่อนแอนนาเบลล์จะมา
“อีตาผมดำนั่นน่ะค่ะ” สาวน้อยตอบ แล้วตบท้ายด้วยประโยคเข่นเขี้ยวกับน้ำเสียงแหลมๆ ขึ้นจมูกว่า “ปากเสียมากจริงๆ”
“อ๋อ…” คนเป็นพี่ลากเสียงยาว แล้วตอบน้องสาวด้วยรอยยิ้มเย็นที่ประดับอยู่บนริมฝีปาก “ลูกหนี้ของเราน่ะ”
“ลูกหนี้เหรอคะ?”
“ใช่…ไม่ต้องสนใจมากหรอก น้องมาหาพี่มีธุระอะไร” มาเฟียหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด แอนนาเบลล์ถอนหายใจยาวและเห็นดีด้วยที่จะไม่คิดถึงคนที่ทำให้เธออารมณ์เสียอีกต่อไป เจ้าหล่อนจึงยอมคล้อยตามคนเป็นพี่ชายด้วยการตอบคำถามของเขา
“น้องแค่จะมาชวนดีนไปทานดินเนอร์กัน น้องทานคนเดียวที่บ้านทุกวันเหงาจะแย่”
“เอาสิ” ดมิทรีไม่ปฏิเสธ เพราะอารมณ์ดีที่ ‘แผนการ’ กำลังดำเนินไปตามที่เขาต้องการ “ไปตอนนี้เลยดีไหมแล้วอยากกินที่ไหน?”
“พาราไดรซ์สิคะ ที่นั่นอาหารอร่อยออก”
“หืม?”
คนเป็นพี่ร้องในลำคออย่างแปลกใจกึ่งไม่ชอบใจ เพราะ ‘พาราไดซ์’ เป็นกาสิโน ห้าง และโรงแรมของคนที่เขาเกลียดมันเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว!
แต่เหมือนยิ่งเกลียดยิ่งเจอ น้องสาวของเขาเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้เพราะเอะอะอะไรก็ไปแต่ที่พาราไดซ์
“นะคะ” เจ้าหล่อนออดอ้อน “ไปเถอะค่ะ”
ดมิทรีถอนหายใจยาว “ก็ได้”
และนั่นแหละ ทำให้น้องสาวของเขาถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจราวกับเด็กๆ ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่นี้ไปในทันที
“เย้”
“เจอกันพรุ่งนี้นะลีน”
ชลธิณาโบกมือลาเพื่อนสนิทหลังจากที่สองสาวเดินออกมาจากอาคารของสนามบินเพื่อนที่จะต่อรถกลับไปยังที่พัก เธอกับเอวิลีนตัดสินใจแยกทางกันไปเพราะต่างฝ่ายต่างก็อยากกลับที่พักของตัวเองกันทั้งสิ้น
คราแรกชลนรรจ์จะมากับชลธิณาด้วยเนื่องจากอีกฝ่ายเหลือเวลาตั้งหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเปิดภาคการศึกษาใหม่ ทว่าแผนการก็ต้องมีอันยกเลิกไปเพราะสองหนุ่มได้รับแจ้งว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการที่มหาวิทยาลัย อีเลียนกับชลนรรจ์จึงกลับบอสตัน เธอกับเอวิลีนเลยแยกมาที่ชิคาโกกันเพียงสองสาวเท่านั้น
“อื้อ” เอวิลีนร้องรับในลำคอ ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยความเป็นห่วงสาวไทยตัวเล็กว่า “ยังไงถึงแล้วอย่าลืมโทรไปรายงานตัวกับพี่ชายจอมหวงด้วยล่ะ”
เธอกำชับด้วยน้ำเสียงเข้มงวดอีกครั้ง เพราะก่อนแยกกันนั้นได้ยินชลนรรจ์ย้ำเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง แถมย้ำเผื่อแผ่มาถึงเธอด้วยว่าให้บอกชลธิณาอีกที
“จ้า…” ชลธิณาตอบรับเสียงยานคาง นึกขำระคนอ่อนใจกับความห่วงใยอันเกินเหตุของชลนรรจ์ไม่ได้ “ลีนเดินทางดีๆ นะ” หญิงสาวกำชับเพื่อนสนิท เมื่อเอวิลีนได้คิวแทกซี่ก่อนเธอ
“อื้อ ไปละ” เอวิลีนร้องรับ แล้วยกมือขึ้นโบกลาชลธิณาก่อนจะผลุบหายเข้าไปยังตอนหลังของรถแทกซี่ “บาย”