ญาตาวีกับดมิทรีหยุดเดินเมื่อพวกเขาได้มุมสงบตามที่ต้องการและห่างจากสายตาของฌาคส์พอสมควร และตอนนั้นเองที่หญิงสาวหันมาซักถามดมิทรีด้วยสีหน้าที่ติดจะเป็นกังวลเล็กน้อยหลังจากขอบคุณเขาที่หยิบเครื่องดื่มส่งให้เธอแล้ว
“น้องสาวคุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
เธอถามด้วยความอยากรู้ และเพียงแค่เอ่ยถึง ‘น้องสาว’ เท่านั้น สีหน้าราบเรียบของดมิทรีก็เคร่งเครียดขึ้น เธอเห็นร่องรอยโทสะทอประกายวาบบนดวงตาสีมรกตคู่นั้นก่อนที่มันจะหายไป
เรื่องน้องสาวของดมิทรีเธอรู้มาก่อนหน้านั้นนานแล้ว และติดตามสอบถามอาการของหญิงสาวรุ่นน้องอยู่เรื่อยๆ เพราะสองพี่น้องคู่นี้ก็ถือเป็นคนรู้จักและเพื่อนกลุ่มแรกๆ ของเธอ ญาตาวีที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมแอนนาเบลล์เท่าไหร่นักเพราะเธอต้องอยู่ที่ฝรั่งเศสด้วยเงื่อนไขบางประการจึงได้แต่ติดตามและสอบถามเรื่องอาการของแอนนาเบลล์อยู่เรื่อยๆ จากดมิทรีแทน
“แอนนาดีขึ้นมาแล้ว” ดมิทรีตอบตามตรง นี่ก็หกเดือนแล้วหลัง
จากเหตุการณ์นั้น...และแม้เขาจะรู้ว่าเป็นฝีมือของใครแต่ก็ไม่ทั้งหมด ประกอบกับเขามัวแต่วุ่นวายกับโรงแรมใหม่ที่เขาร่วมหุ้นเปิดกับเพื่อนสนิทที่ชิคาโกจึงยังไม่มีเวลาไปสะสางเรื่องนี้เสียที และโชคดีของพวกมันที่น้องสาวของเขายังไม่ตาย และเธอจะหายดีในไม่ช้านี้ “ตอนนี้คอร์ส
กายภาพบำบัดก็ใกล้จะจบแล้ว โชคดีที่เธอจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม” ชายหนุ่มอธิบายขณะที่ญาตาวีถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ฉันดีใจกับคุณด้วยค่ะ น่าเกลียดจริงๆ คนที่ทำร้ายเธอได้ แล้วนี่คุณจับได้ไหมคะว่ามันเป็นฝีมือของใคร” หญิงสาวถามกลับด้วยความอยากรู้ ขณะที่ดมิทรีชะงักไปนิดก่อนจะเสยกไวน์ขึ้นจิบก่อนที่จะปฏิเสธ
“ยังเลย...”
แต่กระนั้นท่าทางของเขาก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของญาตาวีอยู่ดี เธอหรี่ตามองเขาด้วยความสงสัยแล้วจึงโพล่งถามตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมว่า “คุณสงสัยฌาคส์ไหมคะ?”
ดมิทรีเหยียดยิ้ม มองหญิงสาวตรงๆ ไม่มีหลบสายตา “คุณต้องการคำตอบจริงๆ เหรอ”
คำตอบที่ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธก็ทำให้ญาตาวีที่มองเขาอยู่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ค่ะ…”
มันไม่แปลกที่ดมิทรีจะสงสัยฌาคส์...เพราะพวกเขาเป็นศัตรูกันมานาน แต่เธอก็ยังอยากได้ยินจากปากของ ‘เพื่อนเพียงคนเดียว’ อยู่ดีว่าเขาคิดว่าเป็นฌาคส์หรือไม่
“ผมก็จะตอบจริงๆ นะครับญาญ่า...ใช่ ผมสงสัยฌาคส์ เมอร์ริเนซ
เป็นอันดับหนึ่งเลย”
“…”
ญาตาวีเม้มริมฝีปากแน่น เธอหน้าเสียไปถนัดกับคำตอบเต็มปากเต็มคำของดมิทรี ด้วยเธอเองอดหวาดหวั่นไม่ได้ แม้ว่าจะยังเชื่อมั่นอยู่ว่าสามีของเธอไม่มีทางทำร้ายดมิทรีด้วยวิธีการสกปรกเช่นนี้ พวกเขาอาจจะชอบงัดข้อกัน กระทบกระทั่งกัน หรือชิงไหวชิงพริบกันหากมันไม่ใช่เรื่องของกำลังอีกต่อไป พวกเขามักจะต่อสู้กันในสนามธุรกิจเสียมากกว่า และเธอก็ไม่คิดว่าฌาคส์จะใจร้ายพอที่จะทำร้ายร่างกายผู้หญิงได้ด้วย!
“ไม่เอาน่า...” ดมิทรีร้องเกือบกึ่งจะเป็นครางเมื่อเห็นสีหน้าซีดๆ ของ ‘เพื่อนผู้หญิง’ คนเดียวที่เขามี “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ มันก็เหมือน
กับว่าเวลาเกิดเรื่องอะไร หมอนั่นมันก็สงสัยผมเป็นอันดับหนึ่งว่าเป็นตัวการเหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มอธิบายต่อเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ และมันก็ช่วยให้ญาตาวีมีสีหน้าที่ดีขึ้นจริงๆ กับเหตุผลของเขา
“แต่คราวนี้ฉันยืนยันได้นะคะว่าฌาคส์บริสุทธิ์จริงๆ เขาไม่ได้ทำ” หญิงสาวยืนยันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าหนักแน่น ฌาคส์อยู่กับเธอแทบจะตลอดเวลาที่ฝรั่งเศส ถ้าเขาทำอะไรเธอต้องรู้เห็นอย่างแน่นอน จึงค่อนข้างมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของฌาคส์แน่ๆ
“ผมรู้...” ดมิทรีพึมพำตอบเธอเสียงแผ่วเบา และเพราะรู้นี่แหละว่าหนึ่งในนั้นใครคือต้นเหตุ แต่เพราะยังคลุมเครือ เขาถึงไม่อาจพูดออก
ไปได้
“งั้นแสดงว่าคุณหลอกฉันเหรอ”
หญิงสาวถลึงตากลมโตใส่คนที่แกล้งหลอกอำเธอให้ตกอกตกใจ ดมิทรีหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะแท้จริงเขาเองก็ไม่ได้วางใจว่ามันจะไม่ใช่ฝีมือของไอ้เมอร์ริเนซ แต่เพราะอยากให้หญิงสาวสบายใจจึงพูดออกไปเช่นนั้นเฉยๆ
“นิดหน่อยน่ะ ผมสงสัยคนอื่นนั่นแหละแต่คุณอย่าสนใจเลย มันเป็นปัญหาเล็กน้อยของผมน่ะ” เขาออกตัวเพื่อให้เธอไม่ต้องคิดมาก และก่อนที่ญาตาวีจะตอบโต้อะไรต่อ เสียงโทรศัพท์จากเบอร์ส่วนตัวของเขาก็ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มกดรับสายที่มาจากคนสนิทเสียก่อน
ชายหนุ่มบอกปลายสายให้รอสักครู่ ก่อนจะพูดกับญาตาวีว่า “ญาญ่าครับ ผมมีธุระด่วน ยังไงขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ” ญาตาวีพยักหน้าหงึกๆ รับ ไม่รั้งอีกฝ่ายไว้เพราะท่าทีร้อนรน
คล้ายกับติดธุระสำคัญของเขา
“อ้อ…แล้วก็ ถ้าอยากแกล้งสามีคุณเมื่อไหร่บอกผมได้นะ ผมจะช่วยคุณเอง” ดมิทรีหันมาพูดติดตลกทิ้งท้ายกับหญิงสาว เพราะบังเอิญเหลือบสายตาหันไปปะทะกับ ‘สามี’ ของเจ้าหล่อนที่จ้องมาทางเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ไม่กล้าเดิมตรงมาขัดขวางเพราะโดนคาดโทษอยู่
“ฮ่าๆ” ญาตาวีหัวเราะ เธอจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกับดมิทรีแล้วจึงตอบรับเขาอย่างอารมณ์ดีว่า “ได้เลยค่ะ โชคดีนะคะดีน” สาวไทยตัดสินใจโบกมือลาชายหนุ่ม ดมิทรีคว้ามือเล็กขึ้นมากุม แนบริมฝีปากลงบนหลังมือขาวผ่องเนียนนุ่มของหญิงสาวราวกับจะยั่วคนมองให้คลั่งก่อนจะตอบรับคำอวยพรของเธอด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“ครับ เจอกันใหม่คราวหน้า”