คุณปลื้มคนโง่

2832 คำ
3 คุณปลื้มคนโง่ สองเดือนผ่านไป เป็นเวลากว่าหกสิบวันแล้วที่อิงดาวใช้ชีวิตโดยไม่มีเขา ผ่านไปสองเดือนแต่แผลใจก็สมานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังหอบข้าวของออกจากคอนโดมิเนียมที่เคยมีกัน เธอก็ย้ายสัมภาระไปเก็บที่หอพักใกล้มหาวิทยาลัยที่เช่าไว้ หลังจากนั้นก็บินตรงสู่กรุงเทพมหานคร และสิ่งสำคัญที่ทำก่อนเครื่องบินเทคออฟคือปิดกั้นการติดต่อจากเขาทุกช่องทาง พอก็คือพอ จบก็คือจบ เอาแต่ดึงดันรั้งกันอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้ก้าวไปไหนเสียที หัวใจดวงนั้นก็อยากได้ แต่ในเมื่อเขาไม่ให้ ไม่แม้แต่จะอนุญาตให้สัมผัสแตะต้อง แล้วอิงดาวจะหน้าด้านอยู่ไปไย เธอใช้เวลาอยู่ที่เมืองหลวงของไทยเพียงสองวัน หลังจัดการซื้อตั๋วพร้อมด้วยเสื้อผ้าสำหรับเมืองหนาวเรียบร้อยก็บินตรงสู่เนเธอร์แลนด์ อิงดาววางแผนไว้นานแล้วว่าหลังสำเร็จการศึกษาเธอขอให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเที่ยวต่างประเทศ คุณน้าผู้เป็นผู้ปกครองหนึ่งเดียวก็อนุญาต ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำวีซ่าไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว พอมาเกิดเหตุการณ์ช้ำรักอิงดาวก็ยิ่งมีเหตุผลให้ต้องไปจากเมืองไทย พร้อมความตั้งใจใหม่ว่าจะอยู่ทัวร์ยุโรปตราบนานเท่านานจนกว่าจะพอใจ อิงดาวไม่เดือดร้อนเรื่องทุนทรัพย์ เงินที่ได้มาจากการเป็นเด็กในปกครองของเด่นภูมิก็เก็บสะสมได้หลายล้าน บวกกับเงินมรดกที่อิงดาวเพิ่งมีสิทธิ์เต็มที่ในทรัพย์สินเมื่อตอนอายุยี่สิบเอ็ดปี เลยทำให้เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินทอง “ค่ะน้าแทน เดี๋ยวพรุ่งนี้อิงจะรีบกลับเชียงใหม่เลย...อิงก็คิดถึงน้านะ อย่าบ่นนักสิเดี๋ยวแก่ไวสาวๆ ไม่ปลื้มเอานะ แค่นี้ก่อนนะคะ อิงออกไปเรียกแท็กซี่ก่อน เดี๋ยวถึงโรงแรมแล้วจะบอกน้านะ” หญิงสาวฉอเลาะกับมือถือแล้วกดวางสายด้วยรอยยิ้มที่พิมพ์เต็มใบหน้า ก่อนออกแรงเข็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่บรรทุกบนรถเข็นมุ่งตรงสู่ประตูทางออกของสนามบินสุวรรณภูมิ ทว่าเดินต่อได้เพียงสามก้าวหญิงสาวก็พลันต้องเบรกตัวกะทันหันพร้อมเสียงอุทานตกใจ “อุ๊ย!” “อิง” อิงดาวหมายจะสวดคนที่พุ่งมาขวางจนทำกระเป๋าบนรถเข็นของเธอหล่นหนึ่งใบ แต่ชื่อเธอที่หลุดจากริมฝีปากของชายที่ขวางอยู่ตรงหน้าทำทุกคำด่าในหัวสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว อิงดาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฝ่ามือเลื่อนกุมหน้าท้องตามสัญชาตญาณ หัวใจเต้นแรงฉับพลันและปนไปด้วยความหนึบหน่วงเหมือนถูกถ่วงด้วยวัตถุที่หนักที่สุดในโลก “คุณปลื้ม” “บังเอิญจัง” เขาตามหาเธอมาตลอดสองเดือน และรู้เพียงว่าเธอไปต่างประเทศ ยังไม่กลับเมืองไทย เด่นภูมิก็เฝ้ารอให้เธอกลับมายังมาตุภูมิ ทว่าวันนี้กลับบังเอิญได้เจอกันอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเขาเองก็เพิ่งลงเครื่องจากมาเลเซียหลังเสร็จสิ้นการประชุม ในขณะที่ชายหนุ่มยิ้มกว้างดีใจ แต่ใบหน้างามกลับเต็มไปด้วยความงงงัน อิงดาวไม่ถูกใจความบังเอิญนี้เลย ไม่เกินไปหน่อยเหรอ เพียงไม่กี่นาทีที่เหยียบแผ่นดินสยาม แต่คนรู้จักคนแรกที่พบพักตร์กลับคือคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอหนีหายตลอดสองเดือน “ปวดท้องเหรอ” เด่นภูมิเห็นมือบางเอาแต่วางบนหน้าท้องก็อดถามไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็ช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเธอให้วางกลับบนรถเข็นที่เดิม “ค่ะ ขอตัวค่ะ” อิงดาวจะพาสัมภาระเดินหนี แต่คนตัวสูงไม่ยอมง่ายๆ “ขอคุยด้วยหน่อยสิอิง” “ไม่มีอะไรจะคุยและไม่อยากคุย” “แต่ฉันอยากคุยกับเธอนะ เธอหายหน้าไปตั้งสองเดือน เธอบล็อกการติดต่อจากฉันทุกช่องทาง ขอร้องล่ะ คุยกันหน่อยเถอะนะ” จดหมายที่ทิ้งไว้ก่อนลาจากเธอพลาดไม่ได้เขียนตัดขาดความสัมพันธ์หรือไร ก็คิดว่าชัดเจนไปทุกประเด็นแล้วนะ แล้วยังอยากคุยเพื่ออะไรอีก อิงดาวอยากต่อล้อต่อเถียงแต่สถานที่ท่ามกลางผู้โดยสารที่เดินสวนกันไปมาไม่เอื้ออำนวย และไม่อยากเป็นจุดสนใจหากถูกเขาตื๊อ “ฉันปวดท้อง” “งั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะรออยู่แถวนี้” “นานนะ” “รอได้” ก็รออย่างทรมานมาตั้งสองเดือน รอต่ออีกไม่กี่นาทีจะเป็นไรไป อีกอย่างเขาได้เห็นหน้าเธอแล้วก็นับว่าพอใจในระดับหนึ่ง อิงดาวถอนหายใจอย่างจนทางเลือก เธอไม่ได้ปวดอยากเข้าห้องน้ำสักนิด แต่อย่างน้อยเข้าไปเตรียมใจก่อนคุยกันก็ยังดี ร่างบางเข็นกระเป๋าไปยังห้องน้ำ เด่นภูมิพุ่งมาช่วยเข็นอย่างคนที่เป็นสุภาพบุรุษ มือสัมผัสมือจนอิงดาวชักหนีและเป็นฝ่ายถอนตัวปล่อยให้เขาเข็นตามลำพัง “ฉันนั่งรอตรงนี้แหละ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวดูของให้” อิงดาวมองกระเป๋าเดินทางอย่างอ้อยอิ่ง หากไม่ติดว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยของมีค่าทั้งแบรนด์เนมและของฝาก เธอก็คงจะทิ้งแล้วหนีหน้าเอาตัวรอด เธอไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากคุยกับเขา...ไม่เลยสักนิด สุดท้ายร่างบางก็หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมครางฮึ่มฮั่มโทษความบังเอิญ หัวใจเกือบเยียวยาได้อยู่แล้วเชียว ทำไมต้องมาเจอเขาด้วย แล้วสายตาอาลัยอาวรณ์เจือไปด้วยความเศร้าหมองนั่นหมายความว่าอย่างไร คุณปลื้มจะเศร้าทำไมในเมื่อถึงอย่างไรความสัมพันธ์นี้ก็ต้องจบลง จะเศร้าทำไมในเมื่อไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอสักนิด ของตายชิ้นนี้ที่เขาไม่รักมันมีค่าต่อเขานักเหรอ เธอล่ะเกลียดความบังเอิญในวันนี้ที่สุด แต่จะว่าไปความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็เริ่มที่ความบังเอิญตั้งแต่ต้น ครั้งแรกที่เจอกันในสถานบันเทิงก็คือความบังเอิญ ต่อมาพออิงดาวจำได้ว่าเขาคือผู้ชายในความทรงจำที่เฝ้ารอมานานหลายปี ก็เลยรวบรวมความกล้าเป็นฝ่ายเข้าหาเขา จนเลยเถิดนำไปสู่การทอดกายให้เขาเป็นชายคนแรกอย่างเต็มใจ ทว่าพอแสงแรกของวันใหม่มาเยือนก็ราวกับพายางอายมาทักทาย อิงดาวรีบแต่งตัวแล้วหายไปก่อนที่เขาจะตื่น และต่อมาเด่นภูมิก็ดันบังเอิญมาเจอเธอนั่งทำรายงานอยู่ที่คาเฟ่แถวมหาวิทยาลัย และนับจากนั้นมา อิงดาวก็ไม่มีความตั้งใจจะหนีอีกเลย เต็มใจเป็นผู้หญิงของเขา พยายามทำให้เขาเสพติดเธอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่า เด่นภูมิคือคนแปลกตรงที่พยายามผนึกปิดหัวใจอย่างแรงกล้า ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไร อิงดาวพยายามทำลายเกราะนั้นแล้ว...แต่ก็ได้แค่ความพยายาม ศีรษะเล็กวางพิงกับผนังห้องน้ำสีชา เธอขังตัวเองอยู่ข้างในและคิดว่าจะไม่ออกไปง่ายๆ ภาวนาให้เขาเบื่อกับการรอคอยจนถอดใจแล้วถอยออกไปเอง ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะความอดทนต่ำ ฝ่ามือเล็กเลื่อนกุมหน้าท้อง ลูบวนแผ่วเบาด้วยความรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจ ตอนนี้อิงดาวไม่ได้ตัวคนเดียว เธอกำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย ลูกที่รอดการคุมกำเนิดมาเกิดจนได้ ตลอดสามปีในฐานะผู้หญิงของเด่นภูมิ อิงดาวเป็นฝ่ายคุมกำเนิด แต่ในโลกนี้ไม่มีการคุมกำเนิดที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ อิงดาวไม่แน่ใจว่าคืนสุดท้ายก่อนลาจากเธอได้ทานยาคุมหรือไม่ ทั้งที่ตัดใจแยกย้ายจากกันแต่ทำไมดูเหมือนเส้นใยของเขาและเธอจะไม่มีทางยุติง่ายๆ ไม่คิดว่าคำขู่ของเขาในคืนสุดท้ายที่จะทำให้เธอท้อง มันจะกลายเป็นจริงอย่างง่ายดาย แต่อิงดาวตั้งใจจะไม่บอกเขา แน่วแน่จะไม่ใช้ลูกมาผูกพันธะกับเขา ไม่คาดหวังว่าการมีลูกด้วยกันจะได้ความรักจากคนใจหิน เผลอๆ เขาอาจเกลียดเธอมากกว่าเดิม จากที่ไร้ค่าอยู่แล้วก็คงยิ่งกว่าขยะที่รีไซเคิลไม่ได้ ก็ไม่ได้อยากทำตัวเย่อหยิ่งปานนางเอกละครไทยเมื่อสิบปีก่อน แต่อิงดาวกลัวผลลัพธ์หากบอกเด่นภูมิเรื่องท้อง เธอกลัวเขาเกลียดเธอจริง กลัวโดนหาว่าตั้งใจจับ ไม่อยากรับคำด่าร้ายกาจเหมือนในคืนนั้นมาอยู่ในความทรงจำอีกแล้ว ในขณะเดียวกันเธอตั้งใจไม่กำจัดเด็ก แม้เป็นเรื่องยากจะสารภาพกับน้า และเธอตั้งใจไว้ว่าหากวันใดที่เด่นภูมิแต่งงานขึ้นมาเธออาจจะอุ้มลูกไปแฉทำตัวเป็นนางร้ายเอาความสะใจ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ได้แต่คิดเล่นๆ ถึงเวลานั้นจริงคงปล่อยวางทุกความเจ็บปวดได้แล้ว อิงดาวนั่งจมจ่ออยู่ในห้องน้ำอย่างเบื่อหน่าย เล่นเกมในโทรศัพท์จนแบตเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ มองดูเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว ไอเดียนี้ไม่เข้าท่าเลยสักนิด จะทรมานเขาให้ทนรอไม่ได้ แต่เธอก็อึดอัดไม่แพ้กัน ไม่ใช่เรื่องเลยที่ต้องมาขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำแบบนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นอิงดาวจึงออกไปจากที่คุมขังส่วนตัว แม่บ้านวัยกลางคนเข็นรถทำความสะอาดจอดอยู่หน้าทางเข้าเธอจึงถามขึ้น “ขอโทษนะคะคุณป้า ผู้ชายแต่งตัวดี ใส่เบลเซอร์สีเทายังนั่งอยู่ตรงนั้นไหมคะ” “ผู้ชายหล่อๆ ตัวขาวๆ นั่นน่ะเหรอ” “ใช่ค่ะ” “เขาอยู่ตรงนั้น เมื่อกี้เขาก็ช่วยป้าเก็บขวดน้ำที่ทำตกด้วย คุณเขายังฝากมาดูว่าผู้หญิงที่ชื่ออิงดาวยังอยู่ดีไหม นี่ป้าว่าจะเรียกชื่อถามซะหน่อย คุณใช่ไหมคะอิงดาว” “ค่ะ ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” อิงดาวยิ้มให้พนักงานทำความสะอาดที่ให้คำตอบเสร็จก็เดินเข้าไปจัดการงานในห้องน้ำ “อยู่ทนอยู่นานจริงๆ ไม่มีงานมีการทำหรือไงนะ” อิงดาวบ่นอย่างจนใจก่อนสูดลมเข้าปอดลึกแล้วออกไปเผชิญหน้ากับเขาในที่สุด “ยังมีชีวิตอยู่นี่ นึกว่าเป็นลมเป็นแล้งไปแล้ว” “คุณปลื้มไม่เข้าใจเหรอคะว่าที่อิงเข้าห้องน้ำนานเป็นชั่วโมงเพราะไม่อยากเจอคุณ” “ก็เข้าใจ แต่ทรมานไหม อึดอัดหรือเปล่า ทำแบบนี้แล้วเวิร์กกับตัวเองปะล่ะ” เหมือนโดนด่าว่าโง่กลายๆ อิงดาวยิ่งไม่สบอารมณ์ไปกันใหญ่ ร่างบางกระทืบเท้าตรงไปเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าสู่ประตูทางออกอีกครั้ง “ไปร้านกาแฟตรงนู้นไหม นั่งคุยกันก่อน” “ไม่ล่ะค่ะ เดินไปคุยไปนี่แหละ มีอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ” “อุตส่าห์นั่งรอตั้งชั่วโมง แต่ไม่ยอมให้เวลาคุยด้วยเลย รู้งี้ไปนั่งคุยในห้องน้ำตั้งแต่เมื่อกี้ซะก็ดี” เด่นภูมิพูดหน้าตาเฉยพลางแย่งเข็นรถอีกครั้ง อิงดาวเลยยกหน้าที่ให้เขาแล้วเว้นระยะห่างเดินอยู่ข้างๆ “คุณปลื้มมีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” “ฉันอยากขอโทษที่คืนนั้นทำตัวแย่ และพูดจาไม่ดีให้เธอเสียใจ” “จำได้ด้วยเหรอคะ” “ก็พอจำได้” “โอเคค่ะ ฉันรับรู้คำขอโทษนั้นแล้ว มีอะไรจะพูดอีกไหม ฉันรีบ” ปลายเท้าจ้ำต่อไปยังประตูทางออก เรียวปากเอ่ยถามแต่ดวงตาไม่แลกลับไปมองคนข้างๆ ยอมรับว่าเขายังมีอิทธิพลต่อความรู้สึก อิงดาวไม่อยากหวั่นไหว ไม่ปรารถนาสมเพชตัวเองอีกแล้ว “ห่างเหินจังเลยนะ ไหนบอกว่ารักกันไง” “แล้วจะเลิกรักไม่ได้เหรอคะ อิงเป็นคนนะไม่ใช่ควาย จมปลักมาตั้งสามปีก็ถึงเวลาต้องมูฟออนแล้ว” เธอพูดออกมาอย่างมั่นคงและเย็นชา คนฟังเจ็บแปลบแสบลึกกับความไร้เยื่อใย เด่นภูมิหยุดการเคลื่อนไหวของรถเข็นเมื่อออกมาจนถึงจุดรอรถแล้ว “ถ้าเกิดว่า เอ่อ ฉันอยากดูแลเธอต่อล่ะ” เขาอยากพูดอะไรที่ดีกว่านี้ แต่หินก้อนยักษ์ยังถ่วงปาก ความฟอร์มจัดก็มีอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่ลดลงเลย ทรมานกับช่วงเวลาที่ไม่มีเธอมายาวนานนับสองเดือน แต่พอได้เจอหน้ากันอีกครั้งก็กลับไม่เป็นอย่างที่ปรารถนา “หมายถึงจะเลี้ยงดูกันต่อเหรอคะ” “เอ่อ ก็ไม่...” “พอเถอะค่ะ อย่าทำให้ฉันรู้สึกเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้เลย ที่ทำแบบนี้เพราะอะไรเหรอ ยังรู้สึกผิด?” ...หรือมีความรู้สึกอะไรที่มากกว่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองอย่างคาดหวังให้เขาพูด ทว่ารอไปก็เท่านั้น จนแล้วจนรอดเขาก็ยังเย็บปากดูอึกอักอยู่เช่นเดิม เธอจึงเอ่ยต่อ “คุณปลื้มดูจะอาลัยอาวรณ์อิงนะคะ” ดวงตาของเด่นภูมิมีสีน้ำตาลเช่นเดียวกับสีตาของเธอ เงยมองสบกันพร้อมเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นคล้ายคนหนักใจและเต็มไปด้วยมากมายหลายสิ่งที่อยากกลั่นออกมาจากปาก เธอไม่เข้าใจเขาและเหนื่อยเกินกว่าจะรอดูเชิง “ปฏิเสธสิคะว่าไม่ได้อาลัยอาวรณ์ ปฏิเสธให้เหมือนกับที่คุณชอบย้ำอยู่เสมอว่ายังไงก็ไม่มีวันรักผู้หญิงคนนี้” “อิงฉันรู้สึกผูกพันกับเธอ และฉันไม่อยากให้เราจบกัน” “พูดได้แค่นี้ใช่ไหม” “แล้วจะให้พูดยังไงอีก” ก็บอกมาสิว่าชอบเธอมาก พูดสิว่าต้องการเธอ ถ่ายทอดความรู้สึกที่ระอุในแววตาออกมาเป็นคำพูดแค่คำเดียวมันยากตรงไหน “สองเดือนที่ฉันหายไปคุณก็ยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยน ความรู้สึกของคุณไม่เปลี่ยนไปเลย ถ้าฉันหายไปตลอดกาลมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ก็คงเหมือนเดิมอยู่อย่างนี้ ดังนั้นอย่ามาเจอกันอีกเลยนะคะ” ยิ่งเจอกันก็ยิ่งเจ็บ เธอตัดสินใจว่าทุกอย่างต้องทิ้งไว้เบื้องหลัง อิงดาวเขย่งยืดตัวแล้วแตะริมฝีปากบนผิวแก้มของคนที่คิดถึง พร้อมน้ำตาที่ปริ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ลาก่อนค่ะคุณปลื้มคนโง่ และขอร้องอย่าตามหา อย่าตอแย ให้เรื่องของเรามันเป็นแค่พรหมลิขิตชั่วคราว คุณก็รู้ว่าอิงดาวเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ก็คือไม่ จบก็คือจบ พอแล้วจริงๆ” อิงดาวลูบผิวแก้มนั้นราวกับสลักสัมผัสไว้ในความทรงจำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนโบกเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี เด่นภูมิชาหนึบไปทั้งร่างแสบลามไปถึงหัวใจ ยืนมองหญิงสาวที่กำลังขอให้แท็กซี่ช่วยยกกระเป๋าไว้ท้ายรถ “จบ...จบแล้วจริงๆ เหรอ” เสียงแผ่วเอ่ยถาม แต่ด้วยเสียงรถราบวกเสียงผู้โดยสารจอแจจึงดังไปไม่ถึงเธอ เมื่ออิงดาวเร้นร่างเข้าไปในรถ เด่นภูมิจึงได้สติเข้ามารั้งประตูที่กำลังจะงับปิด “จบแค่นี้เหรอ” “คุณปลื้มอย่าพูดว่าแค่นี้สิคะ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งสามปี...สามปีเลยนะคะคุณปลื้ม ไม่รักกันก็ต้องไปแล้วไหม อิงรักคุณมามากพอแล้ว ขออิงรักตัวเองบ้างนะ อย่ามาเจอกันอีกเลย ขอร้องล่ะ อิงเจ็บกับคุณมามากและไม่อยากเจ็บอีกแล้ว อิงอยากมีความสุข...ซึ่งความสุขนั้นคุณให้อิงไม่ได้” อิงดาวถ่ายทอดความรู้สึกด้วยเสียงสั่นเครือ เชื่อเหลือเกินว่าการตัดความสัมพันธ์ครั้งนี้เธอคือคนที่เจ็บที่สุด แม้เป็นฝ่ายที่ออกปากบอกเลิกก็ตาม “แล้วที่บอกว่าเราเคยเจอกันมาก่อน หมายความว่าไง ตอนไหนเหรอ” “ช่างมันเถอะค่ะ ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว” อิงดาวดึงประตูรถปิดพร้อมสั่งให้แท็กซี่เคลื่อนตัวออกไปทันที หยดน้ำตาทำงานอย่างรวดเร็วและไม่เหลียวกลับไปมองเขาอีก เมื่อครู่อิงดาวยอมรับว่าหัวใจกำลังอ่อนไหว กำลังจะให้โอกาสสายตาเว้าวอนคู่นั้น แต่เพราะเขายังน้ำท่วมปากมัวแต่อมพะนำ ก็เลยเลือกจบแบบเจ็บๆ เหมือนเดิม คุณปลื้มก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ก็ถูกต้องแล้วที่ตอนนั้นเขาสั่งให้เธอรับผิดชอบความรู้สึกที่โง่ไปรักคนอย่างเขาเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม