เจอกันในรอบหลายเดือน

1685 คำ
การเป็นนักศึกษาแตกต่างจากการเป็นนักเรียนอยู่พอสมควร จากเดิมที่คิดว่าเรียนแปดหรือเก้าชั่วโมงต่อวันหนักแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าการเรียนแค่สามชั่วโมงต่อวันมันหนักเสียยิ่งกว่าอีก ฉันชื่อ สายน้ำ เป็นนักศึกษาใหม่แกะกล่องที่เพิ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เพียงสองอาทิตย์เท่านั้น คณะที่เลือกเรียนคือคณะบริหาร ซึ่งเหตุผลก็เบสิกทั่วไปมาก เพราะในอนาคตต้องรับช่วงต่อกิจการโรงแรมของครอบครัวจึงเลือกเรียน ฉันมีพี่ชายอยู่หนึ่งคนชื่อ โยธา เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ พี่ชายฉันมุ่งมั่นที่จะเรียนวิศวะทั้งที่พ่อกับแม่อยากให้เรียนบริหาร แต่ด้วยความดื้อและความเป็นอัจฉริยะคว้ารางวัลด้านการเขียนโปรแกรมมาได้มากมายจึงทำให้พ่อกับแม่ใจอ่อนยอมให้พี่โยธาเรียนวิศวะอย่างที่ตั้งใจ ซึ่งฉันก็ไม่ได้ค้านอะไรหรอกเห็นพี่ชายมีความสุขฉันก็พอใจ “น้ำ” ฉันหันหลังไปมองตามต้นเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ฉีกยิ้มดีใจ “มาได้ไงเนี่ยพี่โยธา” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณผุดผ่องมาดคุณชาย เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึงเพราะแค่เดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าคณะบริหารก็ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาถึงกับเหลียวหลังมอง แต่น่าเสียดายที่พี่ชายของฉันมีแฟนแล้ว “ลืมเหรอว่าวันนี้เรามีนัดกัน” นัดงั้นเหรอ... ฉันขมวดคิ้วครุ่นคิดจนไม่นานก็นึกออกแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพี่ขนมผิง เพื่อนสนิทของพี่นะโมแฟนสาวคนสวยของพี่โยธา และฉันเองก็ค่อนข้างสนิทกับกลุ่มแฟนของพี่โยธาด้วย “เรียนเยอะจนอ๊องเลย” “ได้ข่าวว่าวันนี้มีเรียนแค่ช่วงบ่ายไม่ใช่หรือไง” พี่ชายยกมือขึ้นมาจับหัวฉันโยกเบาๆ เอ็นดูน้องสาวแหละแต่ทำแบบนี้คนเริ่มมองแล้วเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นตอนมัธยมหรือตอนนี้ก็ชอบมีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นแฟนกับพี่โยธาอยู่เรื่อย ไม่เห็นหรือไงว่าหน้าตาเราสองคนเหมือนกันเสียขนาดนี้ เว้นก็แต่ส่วนสูงนี่แหละที่โดนพี่ชายสกัดดาวรุ่งแย่งไปหมด พี่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ส่วนฉันนั้นสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซน ยืนข้างกันทีไรถูกแซวว่าเป็นหลักกิโลกับเสาไฟฟ้าทุกที ช้ำใจ! ฉันนั่งเบาะหลังฟังเพลงในรถ ส่วนข้างหน้าสองคนก็คือพี่โยธาและพี่นะโมที่เพิ่งไปรับมาจากห้องสมุด สองคนนี้มีจุดเหมือนกันหลายอย่างแต่ที่เห็นชัดๆ คือพวกเขาเป็น ‘เด็กเนิร์ด’ กันทั้งคู่ ฉลาดรู้ทันกัน “เรียนช่วงนี้เป็นยังไงบ้างน้องน้ำ เริ่มปรับตัวได้หรือยัง” พี่นะโมหันมาถามพร้อมกับรอยยิ้มชวนให้หลงใหล ฉันเข้าใจแล้วแหละว่าทำไมพี่โยธาถึงได้คลั่งรักพี่นะโมนัก แฟนสวยขนาดนี้มีใครไม่ชอบบ้างล่ะ “ก็เริ่มปรับตัวได้แล้วค่ะ” เมื่ออยู่กับพวกพี่ทั้งสองคนเด็กที่แอบดื้อเงียบอย่างฉันก็ดูเรียบร้อยไปเลย “ดีแล้วล่ะ นี่ยังไม่มีคนมาจีบใช่ไหมเนี่ย” ฉันรีบโบกมือปฏิเสธอย่างไวและเห็นด้วยว่ามีสายตาพิฆาตมองผ่านกระจกหน้ารถจ้องหน้าฉันอยู่ “ไม่มีก็ดี ยังเด็กไม่ต้องรีบมีแฟนหรอก” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นโดยไม่มีน้ำเสียงติดเล่นเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าเป็นวาสนาหรือยถากรรมดีนะที่ดันมีพี่ชายขี้หวง “ตอนพี่ตามจีบฉัน ฉันก็ยังเด็กเหมือนกันนะ” พี่นะโมหันไปพูดกับพี่โยธา “ไม่เหมือนกันสักหน่อย” “ไม่เหมือนกันยังไง?” “อย่าขัดพี่สิครับ” พี่ชายหันไปทำหน้าออดอ้อนใส่แฟนสาวข้างๆ พวกเขาคงไม่ได้ลืมหรอกนะว่ามีฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ อยู่กับสองคนนี้ทีไรกลายเป็นอากาศทุกที “พี่น่ะหวงน้องเกินไปหรือเปล่า ดูสิว่าน้องน้ำโตแล้วนะ” นี่แหละพี่สะใภ้ที่ฉันตามหา “ไม่รู้แหละถ้าพี่ไม่อนุญาตใครก็ห้ามยุ่งกับน้ำทั้งนั้น เข้าใจไหมน้ำ” “เข้าใจค่ะ” ฉันรับปากด้วยรอยยิ้มแป้น พี่บอกแค่ว่าไม่ให้ใครเข้ามายุ่งกับฉัน แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามฉันไปยุ่งกับใครสักหน่อย ดังนั้นแค่ฉันเป็นฝ่ายเข้าหาก็ถือว่าไม่ผิดคำพูดแล้วสินะ อิอิ ขับรถมานานเกือบหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเราก็มาถึงบ้านพี่ขนมผิง บ้านหลังใหญ่ที่ไม่ต่างจากคฤหาสน์ มีพื้นที่สนามกว้างให้วิ่งเล่นได้ตามสบายไม่ต้องกลัวเหนื่อยเพราะเหนื่อยอยู่แล้ว เมื่อมาถึงฉันก็หยิบกล่องของขวัญวันเกิดที่เพิ่งไปซื้อกับพวกพี่ๆ ติดมือมาด้วย พี่ขนมผิงเดินออกมาต้อนรับหน้าบ้านด้วยรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า พอเห็นหน้าพวกเราก็แสดงสีหน้าดีใจรีบเดินเข้ามาทักทาย “ของขวัญค่ะพี่ผิง” ฉันยื่นกล่องของขวัญให้เจ้าของงานวันเกิด “ไม่เห็นต้องซื้อมาเลย” เอ่ยจบก็ขยับเข้ามากระซิบกระซาบบางอย่างข้างหูฉัน “พี่เองก็เตรียมของขวัญไว้ให้น้องน้ำเหมือนกันนะ” ของขวัญให้ฉันเหรอ? “เข้าไปด้านในดีกว่าอังเปากับลูกตาลมารอแล้ว” จบประโยคพี่ผิงก็พาพวกเราเดินเข้ามาด้านในบ้านหลังโตที่ถูกตกแต่งสไตล์คลาสสิก หรูหรามีเอกลักษณ์สลักด้วยหินอ่อนเป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง สิ่งแรกที่เจอคือเพื่อนสนิทอีกสองคนของพี่นะโม สาวห้าวที่ใส่ชุดทะมัดทะแมงเหมือนผู้ชายคือพี่ลูกตาล ส่วนอีกคนที่ใส่เกาะอกสั้นเหนือเข่าอวดผิวขาวดุจน้ำนมต่อสายตาประชาชีคือพี่อังเปา “น้ำ!!” ฉันสะดุ้งแรงเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังตะโกนลงมาจากชั้นสอง เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเด็กสาววัยเดียวกันกำลังวิ่งจู๊ดลงมา เสียวตกบันไดแทนเลย “ทำไมยังใส่ชุดนักศึกษาล่ะ” คนที่เพิ่งเดินลงมานี้ชื่อ ขนมปัง เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพี่ขนมผิงและยังเป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย พวกเราเจอกันครั้งแรกเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเรียนคณะเดียวกันมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ต่างเซคชั่นในบางวิชา “มานี่สิเดี๋ยวฉันพาไปเปลี่ยนโฉม” ว่าแล้วก็ดึงมือฉันวิ่งขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน ลากเข้ามาในห้องนอน พอมาถึงก็ไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่หกสิบเปอร์เซ็นต์ของเสื้อผ้าทั้งหมดเป็นสีดำ แต่เห็นจากรสนิยมการตกแต่งห้องนอนของเธอก็รู้แล้วว่าขนมปังชอบสีดำขนาดไหน เพราะเฟอร์นีเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีดำเกือบทั้งหมด “มีชุดนี้พอดี” ขนมปังยกยิ้มกว้างก่อนจะหยิบชุดเดรสน่ารักสีชมพูอ่อนออกมาให้ฉัน “แกใส่ชุดนี้น่าจะน่ารักนะ” “ไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้มั้ง มีแต่คนกันเองไม่ใช่เหรอ” “ไม่ได้หรอก อยู่กับคนกันเองก็ต้องสวยลองเอาไปเปลี่ยนสิ” ว่าจบก็ยัดชุดดังกล่าวใส่มือฉันพร้อมกับดันหลังให้ฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เดรสตัวนี้เป็นเดรสสั้นเหนือเข่าแต่ก็ไม่ได้สั้นมากนัก ช่วงต้นคอเปิดกว้างให้เห็นไหปลาร้า แขนตุ๊กตาน่ารักเมื่อใส่แล้วขับผิวสุดๆ “น่ารักดีเหมือนกันแฮะ” ฉันหมุนซ้ายหมุนขวามองตัวเองในกระจกก่อนจะเดินออกมาให้ขนมปังดู “ฮึ้ยย น่ารักอ่าว่าแล้วว่าชุดนี้ต้องเหมาะกับแก” “แต่จะดีเหรอเหมือนชุดนี้แกยังไม่เคยใส่เลยใช่ไหม” เพราะป้ายราคายังติดอยู่เลยแถมตัวเลขของมันก็ค่อนข้าง... “ฉันไม่ชอบอ่ะมันหวานแหวเกินไป” “อ้าวไม่ชอบแล้วซื้อมาทำไม” “ไม่ได้ซื้อเองมีคนซื้อให้” “งั้นฉันยิ่งไม่ควรใส่เลย เขาอุตส่าห์ซื้อให้แก” “แกเอาไปใส่เถอะอยู่กับฉันมันก็คงไม่มีทางได้ออกมาเฉิดฉายอยู่ดี ไปหาอะไรกินกันดีว่า” พูดเองเออเองจบก็ดึงมือฉันลากลงมาที่ชั้นล่างซึ่งตอนนี้พวกเพื่อนๆ ของพี่ขนมผิงก็มากันครบแล้ว เริ่มต้นด้วยแก๊งสี่สาวคณะนิติศาสตร์ซึ่งประกอบไปด้วยพี่ขนมผิง พี่นะโม พี่ลูกตาลและพี่อังเปา ต่อมาก็กลุ่มเพื่อนพี่โยธาซึ่งประกอบไปด้วยพี่ชายฉัน พี่เดย์ (แฟนของพี่ขนมผิง) และพี่เขื่อนซึ่งเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันกับพี่ๆ สี่สาวด้วย “น่ารักจังวะ” พี่เขื่อนเอ่ยขึ้นซึ่งไม่นานก็ถูกพี่โยธาโบกหัวเข้าเต็มแรง อ่า..เจ็บแทนเลย “มองเหี้ยไรนั่นน้องสาวกู” “กูก็มองน้องมึงไง” “หันไปเล่นเกมต่อเลยมึงอ่ะ” เอ่ยจบพี่โยธาก็รีบผลักหัวพี่เขื่อนให้หันไปอีกทาง พวกฉันที่เริ่มหิวแล้วก็เดินมาหยิบของกินที่โต๊ะซึ่งถูกจัดเตรียมไว้หลายเมนูใส่จานเดินเข้ามานั่งรวมกลุ่มกับพวกพี่ๆ “พ่อแม่ไม่อยู่เหรอปัง” ฉันกระซิบถามหลังจากมานานแล้วแต่ก็ไม่เห็นเงาของผู้ใหญ่ในบ้านเลย “พ่อแม่ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยายที่เชียงใหม่อีกนานเลยกว่าจะกลับมา” “อ๋อ...แล้วพี่พนาล่ะ” ขนมปังวางช้อนยาวที่กำลังจะตักยำขนมจีนเข้าปาก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา แต่ก่อนที่เพื่อนจะเอ่ยตอบสายตาของฉันก็หันไปเจอเขาก่อนแล้ว “นั่นไงมาพอดีเลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม