หลายวันที่ตรีทิพย์ไปทำงานตามปกติ เธอสนุกกับการสอนเด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสา เธอมีความสุขกับดารทำงานนี้มาก เป็นไปตามที่เธอคาดหวัง แถมยังมีเพื่อนใหม่ที่ดีอย่างครูรุจ ที่มักแวะเวียนมาหาเวลาว่าง และมักมีของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด วันนี้ก็เช่นกัน
" ว่าไงครับคุณครูคนสวย "
" ครูรุจ คาบนี้ว่างเหรอคะ "
" ครับ แวะมาดูเด็กๆหน่อย ผมเลยเอาสลัดมาฝากครูตรีด้วยครับ "
คำว่าแวะมาดูเด็กๆ มักใช้เป็นข้ออ้างเวลาจะมาหาหญิงสาว
" ขอบคุณค่ะ มีของฝากทุกวันเกรงใจ "
" ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมเต็มใจ "
อติรุจส่งสายตาหวานซึ้งหวังสื่อความนัย ซึ่งตรีทิพย์ก็พอเข้าใจ แต่เธอไม่ได้คิดอะไร การยอมรับมิตรไมตรีจากอติรุจ ไม่ได้หมายความว่าเธอมีใจ แต่เธอแค่เกรงใจเขาเท่านั้นเอง
" เมื่อไหร่จะให้เกียรติไปทานข้าวเย็นกับผมซักทีครับ "
ตรีทิพย์ยิ้มแห้ง บางทีเธอก็รำคาญความชอบตื๊อของเขา
" ตรีต้องรีบกลับบ้านทุกวันน่ะค่ะ ขอโทษจริงๆ "
อติรุจยิ้มเศร้าๆ หวังเรียกคะแนนสงสารแต่ตรีทิพย์ไม่ได้สนใจ เพราะความเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบให้ความหวังใคร ถ้าใครเข้ามาจีบ เธอจะแสดงออกแบบเนียนๆว่าคิดแค่เพื่อน
และทุกๆการกระทำของอติรุจ อยู่ในสายตาของภูลูกน้องของผู้กองภาม ที่คอยถ่ายรูปและส่งให้เจ้านายเป็นระยะ
แต่ในขณะที่กำลังใช้กล้องส่องดูความเป็นไปของหญิงสาว ก็มี รปภ. เดินเข้ามา เพราะรู้สึกว่าเขามีพิรุธแปลก มาส่องหาอะไรในโรงเรียนเด็กๆ
" มาทำอะไร "
เพราะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ รปภ.จึงไม่รู้ว่าภูเป็นตำรวจ
และด้วยความเป็นตำรวจมือดีของผู้กองภาม จึงมีไหวพริบดีพอสมควร
" อ๋อ คือผมเป็นห่วงลูกครับ เลยมาแอบดู "
รปภ.ยิ้ม เขาเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ดี ลูกมาโรงเรียนก็ห่วงเป็นธรรมดา
" อ่อ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ครูที่นี่เขาดูแลดี ยิ่งครูคนใหม่ที่เข้ามา ใจดีมากเลยครับ เข้ากับเด็กๆได้ดีที่เดียว ใจดี แถมยังสวยมากเลยนะครับ "
" ถ้าผมจะเฝ้าอยู่ที่นี่คงไม่ว่าใช่มั้ยครับ ผมคิดถึงลูกมาก "
รปภ แปลกใจ
" แล้วไม่ทำงานเหรอครับ "
" ทำอยู่ครับ "
งง เข้าไปอีก ทำอะไรวะ ?
แต่ลุง รปภ สังเกตว่าภูไม่ได้มองเด็ก แต่กำลังมองครูตรีอยู่
" มาดูลูกหรือมาดูครูครับ "
" มาดูครู เอ๊ย!! ดูลูกสิ "
แต่ รปภ กลับคิดว่าภูจะมาจีบครูตรี
" มาจีบครูตรีเหรอพ่อหนุ่ม ผ่านด่านครูรุจก่อนเถอะ รายนั้นน่ะเค้ามาแรงอยู่นะ อีกอย่างครูรุจเค้าเป็นครู หน้าที่การงานมั่นคงกว่า คุณสู้เขาไม่ได้หรอก "
ทำเอาภูชะงัก รู้สึกไม่พอใจแทนลูกพี่เขา ถ้าลูกพี่เขามาได้ยิน ลุงคงไม่ได้แก่ตาย คงโดนยิงตายแหงแก๋
ภูหันมาเผชิญหน้ากับลุง รปภ ตรงๆ หน้าตาเอาเรื่องพอสมควร ก่อนจะโชว์บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ให้ลุง รปภ ดู ทำเอาลุง รปภ อึ้ง
" เอ่อ ตะ ตะ ตำรวจเหรอครับ "
" งานผม มั่นคงพอยัง ผมจะบอกให้นะ ไอ้ครูรุจอะไรนั่นน่ะ เทียบลูกพี่ผมไม่ได้หรอก ลุงไปอยู่ในที่ของลุงนะ อยู่เงียบๆ "
" ครับๆ "
ลุง รปภ จึงเดินเลี่ยงออกไปเพื่อตรวจงานรอบโรงเรียน
ในขณะที่ภูวรินทร์หันกลับไปดูที่เป้าหมายก็ไม่เจอแล้ว
" อ้าว เฮ้ย หายไปไหนแล้ววะ ตาลุงนั่น ไม่น่ามาชวนคุยเลย ปัดโถ่วเอ๊ย "
...........
กองปราบ
ภามกำลังสอบปากคำผู้ต้องหา หวังจะสาวไปให้ถึงผู้บงการรายใหญ่ที่บงการการค้าอาวุธเถื่อนอยู่เบื้องหลัง แต่ทำยังไงไอ้จ๊อดก็ไม่ยอมเปิดปาก
" มึงจะยอมเอาชีวิตไปแลกกับลูกพี่มึงเหรอ "
"...... "
" กูให้เวลามึงคิด "
" ..... "
" ได้ข่าวว่ามันจะเก็บลูกเมียมึงด้วยนี่ "
ได้ผล ไอ้จ๊อดชะงัก มีสีหน้าตกใจ สายตาหวาดหวั่น
' ไหนนายบอกจะดูแลลูกเมียกูไง '
" มึงไม่สงสารลูกเมียมึงบ้างเหรอวะ ถ้านายใหญ่มึงเค้ารู้ว่ามึงถูกจับ ลูกเมียมึงจะรอดมั้ย "
" ....... "
ยังคงไม่มีเสียงใดใดเล็ดลอดออกมาจากปากจ๊อด เหงื่อแตกพลั่ก และมีสีหน้าที่วิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ภามพอรู้ว่าเขามาถูกทางแล้ว
ภามมองสีหน้าหวาดหวั่นของจ๊อดอย่างเป็นต่อ คิดว่าน่าจะได้คำตอบในไม่ช้า
" ถ้ามึงพูด กูอาจเอาลูกเมียมึงไปหลบซ่อนให้ได้ จะพาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยให้การดูแลอย่างดี กูรับรองด้วยเกียรติของตำรวจ "
จ๊อดมองหน้าผู้กองภาม แต่ยังคงไม่แน่ใจ ความลังเลสงสัยท่วมท้น
" ตะแต่ แต่นายบอกจะดูแลลูกเมียผมอย่างดี ถึงผมจะตายก็จะดูแลให้อย่างดี "
" มึงคิดว่าสัจจะมันมีในหมู่โจรเหรอวะ กูว่านอกจากมันจะไม่ดูแล มันอาจจะฆ่าล้างเผ่าพันธ์เลยก็ได้ เพราะงานที่นายมึงให้มึงทำ มันก็ต้องคิดว่าลูกเมียมึงต้องรู้ แล้วมันจะเอาไว้เหรอวะ "
จ๊อดเริ่มหน้าซีด หวาดหวั่นขั้นสุด
สายตาแพรวพราวของผู้กองภาม มองอะไรไม่เคยพลาด เขาเชื่อว่า จะได้คำตอบในไม่ช้า
" กูให้เวลามึงคิด ถ้ามึงพร้อมจะบอก แน่นอนว่ากูก็พร้อมจะไปพาลูกเมียมึงไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย แต่อย่านานนักนะ เพราะตอนนี้นายมึงยังไม่รู้ว่ามึงถูกจับ ถ้ามันรู้เมื่อไหร่ กูก็ไม่รับประกันชีวิตลูกเมียมึง รวมทั้งชีวิตมึงด้วย "
ภามเดินออกจากห้องสอบสวนอย่าผ่าเผย หันไปสั่งลูกน้องที่เฝ้าหน้าห้อง
" คอยดูไว้ คิดว่าน่าจะได้คำตอบเร็วๆนี้ "
" ครับผู้กอง "
ภามกลับเข้าไปในห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ต้องหงุดหงิด เพราะภาพของตรีทิพย์กับอติรุจที่ภูถ่ายส่งมาให้เขาดู
' เสน่ห์แรงนักนะแม่สาวน้อย สงสัยปล่อยไว้นานไม่ได้แล้ว '
ใช่ ... เขาต้องรีบทำอะไรซักอย่างก่อนที่หมาจะคาบไปแดก
ภามใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจขับรถออกไป เป้าหมายคือ บ้านของเขาเอง
ภามกลับมาถึงบ้าน คุณปานวาดเองยังแปลกใจเมื่อเห็นรถลูกชายขับเข้ามาในบ้านทั้งที่ยังไม่ได้เวลาเลิกงาน
" จะเข้ามาทำไมไม่บอกแม่ก่อนล่ะลูก แม่จะได้เตรียมอาหารกลางวันไว้ให้ "
" ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมทานแล้ว ผมมีเรื่องอยากปรึกษาคุณแม่ครับ "
" เรื่องอะไรเหรอลูก "
" ผมอยากให้คุณแม่จัดงานหมั้นให้ผมกับน้องตรี "
คุณปานวาดยิ้มเหมือนจะล้อเลียน
" รีบขนาดนั้นเลย "
ภามมองผู้เป็นแม่ก่อนจะถอนหายใจ จากนั้นจึงหยิบมือถือออกมาเปิดภาพให้ผู้เป็นแม่ดู
" อะไรเหรอลูก "
" ว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่เนี่ย เสน่ห์แรงมากนะครับ เข้าไปทำงานวันแรกก็มีหนุ่มหล่อมาขายขนมจีบแล้ว "
คุณปานวาดเพ่งมองภาพถ่ายในมือถือของลูกชาย ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอก นอกจากแค่ยืนคุยกันปกติ และมีเด็กน้อยน่ารักๆอยู่เต็มไปหมด
" กลัวจะเสียเค้าไปล่ะสิ๊ "
" คุณแม่อยากได้น้องตรีเป็นสะใภ้ไม่ใช่เหรอครับ "
" ก็ใช่ หนูตรีเองก็พึ่งจะเรียนจบตรี เห็นบ่นว่าอยากเรียนต่อเอกครูภาษาต่างประเทศ เพราะอยากเป็นอาจารย์มหา'ลัย เรื่องแต่งงานเค้ายังไม่คิดหรอก แล้วทางนั้นเค้าก็ไม่อยากบังคับลูกสาวเค้า แล้วจะให้แม่ทำยังไงล่ะลูก "
ยากกว่าจับคนร้าย ก็คือจับคนรักนี่แหละ
ผู้เป็นแม่มองอย่างเอ็นดู ความภูมิใจในตัวลูกชายคนเดียวของเธอนอกจากการสอบติดตำรวจและสร้างผลงานจนได้เลื่อนขั้นเป็นถึงผู้กองในวัยเพียง 30 ปี ก็น่าจะเรื่องที่เธอสามารถเป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เวลามีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจภามจะมาเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง ไม่เคยปิดบัง
คุณปานวาดนั่งมองลูกชายครุ่นคิดซักพัก เขาก็พูดขึ้นมา
" ถ้าจะหมั้น ก็ต้องสร้างเหตุขึ้นมาให้เค้ายอมใช่มั้ยครับ "
คุณปานวาดมองดูลูกชายยิ้มร้ายที่มุมปาก
" นี่มีแผนอะไรอีกล่ะคุณผู้กอง "
คำถามเหมือนรู้ทันของผู้เป็นแม่ ภามไม่ตอบ แต่มีสีหน้าแช่มชื่นสุดๆ
" แล้วถ้ามีแผน คุณแม่จะช่วยผมมั้ยครับ "
" แล้วคิดว่าแม่จะตอบอะไรได้ล่ะ ฮึ พ่อลูกชายจอมวางแผน "
ภามยิ้ม แน่ล่ะ จะให้ตอบยังไง ในเมื่อรู้ว่าลูกชายแอบชอบเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ ผู้เป็นแม่รู้มาตลอดและเธอก็ไม่เคยบังคับลูก แถมผู้เป็นแม่ก็ชอบตรีทิพย์มากซะด้วย จะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ งานนี้คุณแม่ทุ่มสุดตัว