“พี่นั่นแหละไอ้คนใจสกปรก ใครจะบ้าแกะขี้มูกมากินกันล่ะ”
เดลต้าเผลอโพล่งขึ้นเสียงดัง มือก็กำกระจกเล็กๆ ที่พกติดมือตลอดเวลาเอาไว้แน่นจนมันแทบแตก เมื่อภาพความทรงจำในอดีตถูกฉายขึ้นมาอีกครั้งอย่างชัดเจน เพียงแค่ได้ยินชื่อคู่กรณีออกจากปากของบิดาเท่านั้นองค์ก็ลงทันที
“ลูกพูดว่าอะไรนะเดลต้า”
“เอ่อ...เปล่าค่ะคุณพ่อ”
ใบหน้าหงิกงอหันไปทางคนเป็นพ่อที่นั่งอยู่โซฟาอีกฝั่ง แถมกำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับลูกชายบ้านนั้น ไม่คนใดก็คนหนึ่ง”
เดลต้า ลูกสาวคนเล็กของบ้านบารมีไพศาลแทบร้องกรี๊ดออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ เธออายุ27ปีเพิ่งเรียนจบปริญญาโทมาหมาดๆ แถมยังจบคณะบริหารจากอเมริกา MBA in Finance Concentration แต่แทนที่จะได้ทำงานที่บริษัทชั้นนำเงินเดือนหลักแสน กลับถูกเรียกตัวให้กลับบ้านเกิดเพื่อแต่งงาน
เดิมทีแผนการกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในหัวเดลต้าเลยสักนิด กระทั่งคนเป็นพ่อส่งข่าวว่าป่วยหนัก ต้องรีบกลับมาดูใจก่อนที่จะเปิดพินัยกรรม เดลต้าจึงยอมทิ้งงานที่อเมริกาเดินทางกลับมาตามที่บิดาต้องการ
ทว่าพอมาถึงกลับพบว่าทั้งหมดเป็นเพียงแผนการหลอกล่อลูกเท่านั้น ชยุตพ่อของเธอเป็นเจ้าของบริษัทประเภทธุรกิจให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน หรือเรียกภาษาบ้านๆ ว่าบริษัทไฟแนนท์นั่นแหละ ซึ่งมีสาขาย่อยกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่าสามพันสาขา
ส่วนแม่ของเธอเป็นคนออสเตรเลีย มาพบรักกับคนพ่อตอนที่มาเที่ยวภูเก็ต ฮาน่าเป็นคนสวยจัดและแน่นอนว่าเดลต้าก็ได้รับยีนเด่นนั้นมาเต็มๆ เธอจึงสวยหวานแบบไม่มีที่ติ
“พ่อตกลงกับบ้านนั้นเองพ่อก็ไปแต่งเองสิคะ”
“เดลต้า!”
บ้าที่สุด! นี่มันยุคโฮโมเซเปียนส์งั้นเหรอถึงยังได้มีความคิดบ้าๆ เรื่องคลุมถุงชนให้ลูกเต้าแต่งงานกันอีก
"เดลต้า!"
“คุณพ่ออย่ามาเสียงดังใส่เดลนะคะ ลูกชายบ้านนั้นพวกเขาไม่ได้เอ็นดูเดลอย่างพี่คุณพ่อคิดหรอก ไม่ว่าจะเป็นพี่ลม พี่แหน”
“พี่เขาชื่อเหมม์”ชยุตแย้งขึ้นทันที"คนนี้เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โพรไฟล์ดี หน้าตาดี แต่เสียดายมีลูกติด"
“นั่นล่ะค่ะพี่เหมม์ หรือพี่...พะ...พี่คลังแสงก็ตาม ไม่มีวัน”
ชื่อสุดท้ายยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหม่าจนต้องรีบยกกระจกเล็กๆ ที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาส่องสำรวจความสวยของตัวเอง เพราะเคยไปสารภาพรักต่อหน้าเขา แต่ผลที่ได้คือถูกล้อกลับมาจนอับอาย
ชยุตหรี่ตามองลูกสาวแล้วยกยิ้มมุมปาก
“เรื่องมันก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วนะ พี่เขาจำรสชาตินั้นไม่ได้แล้ว”
“หยุดพูดเลยนะคะคุณพ่อ”
ชยุตรู้ดีว่าลูกสาวคนเล็กมีปมในใจ เรื่องถูกลูกชายบ้านนั้นใส่ร้ายว่าแกะขี้มูกตัวเองมากิน ทำให้อับอายจนตัดสินใจย้ายโรงเรียนไปเรียนที่ออสเตรเลียตอนอายุ12 ขวบ เพราะแม่ของเธอต้องไปดูแลคุณยายที่ป่วยหนัก ชยุตก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเดลต้าจะเสียใจที่เพื่อนล้อจนย้ายไปเรียนต่างประเทศ
กระทั่งผ่านไปเกือบ15ปี ถ้าเขาไม่ออกอุบายว่าป่วยหนักเดลต้าก็คงไม่ยอมกลับมา
“มันก็แค่เรื่องในวัยเด็ก ตอนนี้เขาลืมกันไปหมดแล้วลูก”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ คุณพ่อยังจำได้เลย”เธอแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงงอแง
“แต่เรื่องแต่งงานยังไงก็ต้องเกิดขึ้น พ่อให้คำมั่นกับบ้านนั้นไปแล้ว พ่อจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับหนึ่งหนุ่มในบ้านปรปักษ์ดับเป็นจุณ”
“นามสกุลก็เย่อหยิ่งไม่น่าใช้ แล้วทำไมต้องเป็นเดลด้วยคะ ทำไมพี่มีอาออกไปใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ แต่เดลกลับต้องมารับกรรมเรื่องนี้”
เธอพาดพิงถึงพี่สาวที่อายุห่างกันสามปี ทั้งสองคนไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ เพราะแยกกันอยู่ เดลต้าได้สิทธิ์ติดตามฮาน่าไปดูแลคุณยายที่ออสเตรเลียและได้เรียนต่อที่นั่น เพียงเพราะเป็นลูกคนเล็ก ขี้โรค อ่อนแอ ในขณะที่มีอาต้องอยู่กับพ่อที่บ้างานและมีโอกาสเรียนอยู่ที่เมืองไทยเท่านั้น เธอจึงมีความรู้สึกว่าแม่ไม่รักอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ทว่ามีอานั้นเป็นคนเก่ง ฉลาด จนชยุตยอมยกตำแหน่งรองประธานบริษัทให้กับเธอ ที่สำคัญเธอทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่คนพ่อมาได้ดีไม่มีที่ติเสมอมา
“เพราะพี่กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไงล่ะ แต่เดลยังโสด ไม่มีแฟน” เสียงมีอาดังมาจากทางบันไดวน เรียกความสนใจให้เดลต้ากับชยุตหันไปมองพร้อมกัน
“ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”เดลต้าบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด
“ปกติเดลใช้สิทธิ์เลือกทุกอย่างตลอด ครั้งนี้ลองให้พ่อแม่เลือกให้บ้างสิ จะได้รู้รสชาติว่าการที่อยู่ในกรอบมันอรรถรสขนาดไหน”เธอยกยิ้มมุมปากส่งไปให้น้องสาว ก่อนจะหันไปทางชยุต
“มีอาไปก่อนนะคะคุณพ่อ ศิธามารับแล้ว”
มีอาตัดบทจากนั้นก็เดินไปขึ้นรถสปอร์ตที่ขับมารับถึงหน้าบ้าน
“อาทิตย์หน้าพ่อจะไปดูฤกษ์แต่งงาน ลูกเองก็ต้องไปด้วยกันนะ
“ไม่ค่ะ”
เดลต้าปฏิเสธสั้นๆ จากนั้นก็ลุกออกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาฮาน่าในห้องครัว
“คุณแม่ขา วันนี้เดลมีนัดตรวจรับคอนโดกับเซรีนนะคะ คงไม่ได้อยู่ทานมื้อค่ำกับคุณแม่แล้ว”
เธอเข้าไปสวมกอดฮาน่าจากทางด้านหลัง พลางหอมแก้มซ้ายขวา ใช่แล้ว เธอกลับมาเมืองไทยแต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านสักหน่อย โดยให้เหตุผลว่าชอบอยู่แบบสันโดษ ช่วงแรกขออยู่คอนโดเพื่อปรับตัวซะก่อน
“ลูกขา~ นี่ตั้งแต่กลับมาก็อยู่ไม่ติดบ้านเลยนะคะ แถมยังจะไปอยู่ที่คอนโดแบบถาวรอีก แบบนี้แม่ว่าเริ่มไม่โอเคแล้วนะ”
อันที่จริงเธอต้องการจะหนีไปจากที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ากลัวฮาน่าเป็นห่วง การอยู่เพื่อรอเข้าพิธีแต่งงานโง่ๆ นั่นมันช่างไร้สาระสำหรับเดลต้าเหลือเกิน
“ก็ถ้าอยากให้ลูกไปทำงานที่บริษัทก็ต้องยอมให้ลูกพักที่คอนโดค่ะ แม่ก็รู้ว่าการจัดการระบบจราจรบ้านเรามันห่วยแตกแค่ไหน”
"แม่ก็รอให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาแก้ไขปัญหานี้เหมือนกัน"
"ภาวนาให้แก้ไขได้นะคะ นายกคงกลายเป็นฮีโร่ไปเลย"
“จ้า..."ฮานาขำขันกับคำพูดคำจาของลูกสาว"ถ้าอย่างนั้นเราก็อย่าลืมว่าเราต้องกลับมาเจอกันทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์”
“ตกลงค่ะคุณแม่ ช่วงนี้ช่วยกล่อมคุณพ่อช่วยเดลด้วยนะคะ เดลไม่อยากแต่งงานกับพวกผู้ชายบ้านนั้น”
“ลองฟังเหตุผลของพ่อก่อนก็ดีนะลูก แม่เชื่อว่าพ่อทำทุกอย่างล้วนมีเหตุผล”
“เหตุผลขยายเผ่าพันธุ์แบบบ้าๆ บอๆ น่ะสิ เดลไม่เอาด้วยหรอกค่ะ เดลไปก่อนนะคะ”
“จ่ะ ขับรถดีๆ จ่ะลูก”
เดลต้ากอดแม่ของเธออีกครั้ง แล้วเดินออกจากบ้านทางประตูด้านหลังไปขึ้นรถมินิคูเปอร์ที่จอดอยู่ รีบเร่งเครื่องเคลื่อนรถออกจากบ้านไปโดยที่ไม่มองชยุตซึ่งยืนอยู่บันไดทางขึ้นคฤหาสน์เลยสักนิด
‘เธอมันสกปรก เดลต้ายัยเด็กกินขี้มูก’
บ้าจริง! คำพูดพวกนั้นยังตามมาหลอกหลอนเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มือเล็กกำกำปั้นแน่นทุบลงบนพวงมาลัยรถด้วยความเจ็บแค้น มิวายหยิบกระจกเล็กนั่นขึ้นมาส่องสำรวจใบหน้าอีกครั้ง ขณะที่รถจอดติดไฟแดง
“ฉันสวย ฉันรวย ฉันไม่มีขี้มูก โว้ย!”
ใช่ เดลต้าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ทว่านับตั้งแต่วันนั้นที่ได้ฉายายัยขี้มูกมา เธอก็กลายเป็นคนที่ต้องยกกระจกขึ้นส่องสำรวจใบหน้าตัวเองอยู่บ่อยๆ จนใครก็บอกว่าเดลต้าตัวจริงจะต้องถือกระจกเล็กๆ ในมืออยู่ตลอดเวลา