หลายชั่วโมงต่อมา...
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
หลังจากที่เธอเผลอหลับไปก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างแรง หลังจากที่ได้ยินเสียงคนเคาะประตูหน้าห้องเสียงดัง
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
เสียงเคาะยังดังอยู่ต่อเนื่อง เธอจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับเดินออกไปกระชากประตูเปิดออก พบว่าเป็นภวิศที่กำลังยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงก็ไม่รู้
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมยังไม่ไปทำอาหารเย็นอีก”
“เดี๋ยวไอจะลงไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ” พอเธอตอบออกไปแบบนั้นหางตาของเธอก็ชำเลืองไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนแสยะยิ้มให้เธออยู่ ซึ่งเธอก็ไม่สนใจปิดประตูหน้าห้องพร้อมกับเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา พอกดเปิดหน้าจอพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว จึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำชำระร่างกาย โดยใช้เวลาจัดการกับร่างกายของตัวเองประมาณครึ่งชั่วโมงก็รีบเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน โดยตอนที่กำลังเดินผ่านไปที่ห้องครัวนั้น เธอก็เห็นสามีของตัวเองที่กำลังนั่งทำงานพร้อมกับคนควงของเขาที่นั่งอยู่บนตัก ซึ่งเธอก็พยายามไม่สนใจรีบเดินเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยพอเข้ามาในห้องครัวแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำก็คือการเปิดตู้เย็นเอาอาหารมาหั่นและล้างทำความสะอาด
พรึ่บ!!
แต่ในตอนที่เธอกำลังตั้งใจทำอาหารอยู่นั้นก็เหมือนมีคนเดินเข้ามาในห้องครัวเธอจึงหันไปดู พบว่าเป็นริต้าผู้หญิงของสามีเธอ
“ทำอะไรกิน”
“ฉันว่าจะทำต้มยำไก่ และก็ปลากะพงสามรสค่ะ”
“ฉันไม่อยากกินเมนูพวกนี้ ทำสปาเกตตีคาโบนาร่าให้หน่อยสิ”
“แต่ที่นี่ไม่มีเส้นสปาเกตตีค่ะ”
“ไม่มีเธอก็ไปซื้อสิ ทางเข้าหมู่บ้านมีห้างอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่สะดวกไปค่ะ”
“แต่ฉันไม่กินอาหารแบบนี้”
“งั้นมันก็เป็นเรื่องของคุณค่ะ อีกอย่างฉันไม่ใช่คนใช้ของคุณนะคะ ที่ฉันยอมขนาดนี้เพราะคุณเป็นแขกของสามีฉัน”
“แกอะ...(ริต้า)/มีอะไรกัน เสียงดังเอะอะไปถึงข้างนอกเลย(ภวิศ)”
สามีของเธอเดินกอดอกเข้ามาในห้องครัวหลังจากที่ก่อนหน้านี้เขานั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานตัวเอง
“ก็แค่ริต้าบอกว่าไม่ชอบเมนูอาหารที่ภรรยาคุณทำ เพราะมันมีแต่เมนูรสจัดทั้งนั้นซึ่งริต้ากินไม่ได้ ขอให้เปลี่ยนเมนูได้ไหม ภรรยาของคุณเธอก็โวยวายขึ้นมาว่าริต้าเรื่องมากค่ะ”
พอหญิงสาวด้านหน้าพูดปดออกมา เธอก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป เอาแต่หันไปจ้องมองสามีของตัวเอง
“ยัยนี่ทำอาหารที่เธออยากกินไม่ค่อยเก่ง งั้นไปกินที่ร้านประจำของเรากันดีกว่า”
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ”
อีกฝ่ายพูดเสร็จก็เดินเข้าไปกอดสามีของเธอ พร้อมกับออดอ้อนออเซาะซึ่งเธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากยืนมองทั้งสองที่กำลังพลอดรักกัน
“ไม่ต้องทำแล้วนะ ฉันจะไปกินข้างนอก”
“ค่ะ”
เธอตอบเขาเสร็จ เขาก็เดินจูงมือกันออกไปซึ่งเธอเห็นแบบนั้นก็พยายามไม่สนใจทำอาหารของตัวเองต่อ เพราะถึงสามีของเธอจะไม่ทาน แต่เธอก็ต้องทานไง ไม่ทำก็ไม่ได้
หลายวันต่อมา...
หลังจากที่เธอเปิดเรียนได้สามวันแล้ว ซึ่งวันนี้เธอก็มาเรียนเช่นเดิมในทุกวัน เธอเดินมานั่งลงบริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะเรียนของตัวเองด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า เพราะเมื่อคืนเธอโดนภวิศซึ่งเป็นสามีของตัวเองรังแกเกือบทั้งคืน ซึ่งตอนนี้เธอก็ง่วงมากพร้อมกับหน่วงที่ท้องสุด ๆ
พรึ่บ!!
ซึ่งขณะที่เธอกำลังนอนพักสายตาอยู่นั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนมานั่งลงบริเวณฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามองเพราะเธออยากพักสายตา
“เป็นอะไร เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง”
พอได้ยินเสียงเปล่งออกมาเธอก็เดาได้เลยว่าคนที่มานั่งลงเมื่อก่อนหน้านี้คือเพื่อนชายคนเดียวของเธอ ภูริชนั่นเอง
“พอดีเมื่อคืนนอนไม่หลับ” เธอพูดอู้อี้ในลำคอโกหกอีกฝ่ายออกไป
“ไปทำอะไรมาถึงนอนไม่หลับ อย่าบอกว่าคิดมากเรื่องว่าถ้าเรียนจบแล้วจะไปทำงานที่ไหนนะ”
“ใช่”
“บอกว่าให้ไปทำที่บริษัทภูไง”
“ไม่เอาหรอก” เธอปฏิเสธเพื่อนของตัวเองออกไปอย่างเช่นเคย เพราะเธอเคยคุยกับเขาว่าถ้าเรียนจบแล้วตัวเองจะไปทำงานที่ไหนดี โดยคนด้านหน้าก็บอกว่าให้เธอไปทำงานที่บริษัทของครอบครัวเขา แต่เธอก็ปฏิเสธเพราะอยากทำที่ที่ตัวเองถนัดมากกว่า
“งั้นก็อย่าเพิ่งคิดมาก เหลือเวลาอีกตั้งนาน”
“ไม่นานเลยนะ อีกไม่กี่เดือนเอง”
“แล้วเรียนจบ จะออกมาจากบ้านหลังนั้นทันทีเลยเหรอ”
“ไม่แล้ว น่าจะอยู่ต่ออีกสักปีสองปี” เพราะตอนนี้เธอไม่ได้โสดเหมือนเดิม เธอมีสัญญาพันธะผูกมัด
“อ้าว ทำไมก่อนปิดเทอมไอบอกว่าเรียนจบคือออกมาเลย”
“พอคิดอีกทีเรายังไม่พร้อมไง”
“ไอ ภูขอถามอะไรหน่อยสิ ว่าจะถามตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว แต่ไม่มีเวลาให้ถาม”
“อะไร”
“แหวนที่นิ้วของไอคือแหวนอะไร ปกติไอไม่ชอบใส่ไม่ใช่เหรอ”
พอเพื่อนชายของเธอเอ่ยสอบถามมาแบบนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาดูแหวนที่ตัวเองสวมใส่
“เหมือนแหวนแต่งงานเลย”
“ถ้าเราบอกว่าแหวนแต่งงานล่ะ” เธอตอบเพื่อนออกไปด้วยน้ำเสียงคมชัด เพราะการแต่งงานของเธอภวิศจัดแบบส่วนตัวมาก คนในงานก็มีแต่ญาติของครอบครัวสามีเธอทั้งนั้น แล้วซึ่งเธอก็ไม่ได้เชิญใครแม้คนเดียว เพราะเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน หรือแม้แต่เพื่อนชายเพียงคนเดียวของเธอ เธอก็ไม่ได้เชิญ
“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้สิไอ”
“เราไม่ได้พูดเล่นเราพูดจริง นี่คือแหวนแต่งงาน”
“ไอแต่งงานกับใครเหรอ”
“คุณภวิศ”
“ภวิศที่เป็นลูกเจ้านายไอ”
“ใช่”
“ทั้งสองคนไปรักกันตอนไหน”
“การแต่งงานมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักหรอก”
“ภูเริ่มงงไปหมดแล้ว ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้ไหม”
“ไม่ต้องไปใส่ใจมากหรอก เดี๋ยวอีกไม่นานเราทั้งสองก็หย่ากันแล้ว”
“ไอ”
“เราเข้าไปรออาจารย์ในห้องเรียนกันดีกว่า” เธอพูดตัดบทเพื่อนไปพร้อมกับลุกขึ้นค่อย ๆ เดินเข้ามาในอาคารเรียน
…..
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านเอกสารงานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูหน้าห้อง
“เข้ามา” พอเขาเอ่ยอนุญาตคนที่อยู่หลังประตูก็เปิดดันเข้ามาเพราะว่าเป็นเลขาของเขานั่นเอง “มีอะไร”
“คุณท่านโทรมาบอกว่าเย็นนี้ให้นายกับคุณไอเข้าไปทานข้าวที่บ้านครับ”
“แล้วทำไมแม่ไม่โทรหากูเอง”
“คุณท่านบอกว่าโทรหาแล้ว แต่นายไม่รับ”
พอเลขาของเขาพูดแบบนั้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะว่าตอนนี้โทรศัพท์ของเขาปิดเสียงอยู่ เขาเลยจัดการกดเปิดพร้อมกับวางมันไว้ที่เดิม
“ตอนนี้ไอยรินทร์อยู่ไหน”
“คุณไออยู่มหา’ลัยครับ”
“วันนี้เธอมีเรียนถึงกี่โมง”
“สามโมงเย็นครับ”
“งั้นช่วยโทรบอกเธอหน่อยว่าเลิกเรียนแล้วให้รีบกลับบ้านทันที อย่าเถลไถลไปไหน เพราะจะได้ไปบ้านด้วยกัน”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาคุณไอให้ นายมีอะไรจะสั่งผมอีกหรือเปล่า”
“ไม่”
“งั้นผมขอตัวก่อนครับ”
พอพูดเสร็จฌอนเลขาของเขาก็เดินออกไป เขาจึงหันกลับมาสนใจงานของตัวเอง เพราะอีกไม่กี่นาทีเขาต้องไปประชุมที่ค้างไว้ต่อ
ครืดดด ครืดดด
แต่ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ที่วางไว้เมื่อก่อนหน้านี้ก็ดังสั่นขึ้นมา ทำให้เขาต้องหยิบขึ้นมาดู เพราะว่าสายที่โทรมาไม่ใช่แม่ของเขาแต่เป็นริต้าดาราสาวที่เขากำลังควงอยู่ เขาจึงกดรับสายแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
(ริต้าโทรหาคุณตั้งหลายสายทำไมเพิ่งรับคะ)
“เผลอปิดเสียงแล้วลืมเปิด โทรมามีอะไร”
(เย็นนี้เราไปดินเนอร์กันไหมคะ พอดีริต้าไม่มีงานต่อแล้ว)
“เย็นนี้ฉันไม่ว่าง”
(มีนัดแล้วเหรอคะ)
“ใช่”
(เสียดายจัง นาน ๆ ทีริต้าจะหยุด)
“เอาไว้วันหลัง วันนี้ฉันไม่ว่างจริง ๆ”
(งั้นวันไหนคุณว่างคะ ริต้าจะได้หาวันหยุดถูก)
“จะให้เลขาเช็กดูอีกที เดี๋ยวจะบอก”
(ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่คะ)
“อ่านเอกสารงาน”
(จะประชุมเหรอ ทำไมถึงอ่าน)
“อืม”
(โอเคค่ะ งั้นริต้าไปกวนคุณแล้ว คิดถึงนะ)
พอปลายสายพูดออกมาแบบนั้น เขาก็ไม่ได้สนใจแต่เลือกที่จะกดตัดสายพร้อมกับวางโทรศัพท์ลงและหันกลับมาอ่านงานของตัวเอง เพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องไปประชุมสำคัญแล้ว