ตอนที่ 4 ทำไมพวกเจ้าจึงมีสองคนละ

1413 คำ
เฟยเย่และอาจิงหันไปมองหลินเฟยลี่ด้วยความงุนงงและตกใจเมื่อนางเอ่ยคำนี้ออกมา เฟยเย่ถึงกับหันไปอีกทางพร้อมกับนึกย้อนกลับไปว่ามีเรื่องใดที่เจ้าของร่างลืมบอกไปหรือไม่ นี่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางจะเข้าใจได้ พี่สาวที่แต่งเข้าจวนอ๋องจู่ ๆ ก็ท้องและบอกว่าลูกในท้องของนางมิใช่บุตรของท่านอ๋อง “พี่ใหญ่ ท่านล้อเล่นไม่ได้นะเรื่องเช่นนี้….ท่านหมายความว่าอย่างไรแน่” “คือว่าเรื่องนี้…เย่เอ๋อร์ อาจิง พวกเจ้าเป็นพี่น้องของข้าที่ข้าไว้ใจมากที่สุด เย่เอ๋อร์…เด็กในครรภ์ข้าเป็นบุตรของรองแม่ทัพลั่ว” “เดี๋ยวนะ!! ท่านหมายถึง รองแม่ทัพลั่วมู่เฉินผู้นั้น!! Oh, my God! ” (พระเจ้าช่วย!!) “เย่เอ๋อร์ เจ้าจะกอดข้าทำไม ข้าในตอนนี้รู้สึกผิด…” “ไม่ใช่ ๆๆ โอยข้าอยากจะบ้าตาย อาจิงเจ้าดูแลพี่ใหญ่ไปก่อนนะ ข้าขอไปคิดทบทวนอะไรสักครู่” “คุณหนู ท่านจะไปที่ใด” “เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ไปแล้วก็ได้ พี่ใหญ่ท่านกำลังบอกข้าว่าบุตรในครรภ์ของท่าน…เป็นลูกของผู้อื่น มิใช่ท่านอ๋อง” “ข้า…” “เรื่องเป็นเช่นไรกันแน่” “ในคืนส่งตัวนั้น ท่านอ๋องเพียงแค่เปิดหน้าเจ้าสาวและพูดคุยกับข้าเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นแล้วเขาก็ถูกเรียกออกจากห้องส่งตัวไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะทิ้งข้าให้นอนเฝ้าห้องส่งตัวคนเดียว ข้ามารู้ในตอนหลังว่าพระองค์ออกมาเพื่อรับราชโองการเพื่อออกศึก แต่หลังจากนั้นรองแม่ทัพผู้นั้นก็พรวดพราดเข้ามายังห้องส่งตัว ข้าคิดว่าเขาเป็นท่านอ๋อง ก็เลย…..” “เรื่องนี้ฟังดูแปลก ๆ นะเจ้าคะคุณหนู” “ข้าก็คิดเช่นนั้น จู่ ๆ จะมีผู้อื่นเข้าห้องส่งตัวของพวกท่านได้เช่นไรกันหากว่าไม่มีผู้ส่งเข้าไป รองแม่ทัพของท่านอ๋องกับพระชายา นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ” “ข้ากับรองแม่ทัพผู้นั้นร่วมหลับนอนกันในคืนนั้น เขายินดีจะปลิดชีพเพื่อจะรับผิดชอบในความผิดแต่ว่าข้าห้ามเอาไว้ ขอเพียงเรื่องนี้เขาเงียบข้าเงียบก็จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ท่านอ๋องเองก็ยังไม่ทราบเพราะเขาต้องรีบออกไปจัดกองทัพในทันที รองแม่ทัพก็ต้องแยกไปที่แดนใต้เช่นกัน” “เช่นนั้นท่านก็จะกลับไปที่ตำหนักนั่นอีกไม่ได้แล้ว พี่ใหญ่ ท่านจะทำเช่นไรกับเด็กในท้อง” “เย่เอ๋อร์ เจ้าถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าจะให้พี่..” “มิใช่เช่นนั้น ท่านกับรองแม่ทัพนั่นไม่ได้ชอบพอกันมิใช่หรือ” “แต่เขาก็พร้อมจะรับผิดชอบข้า เขาบอกข้าว่าจะยอมรับสารภาพกับท่านอ๋องหลังจากเสร็จการศึกในครั้งนี้และหลังจากนั้นก็จะรับข้าเป็นภรรยาอย่างถูกต้อง” “เรื่องมันจะง่ายเช่นนั้นได้เช่นไร เฮ้อ....เราค่อยหาทางออกเรื่องนี้กันภายหลังก็แล้วกัน" ห้าวันถัดมา “อะไรนะ นี่นางป่วยร้ายแรงถึงเพียงนั้นยังอยากกลับไปที่ตำหนักอ๋องอีกเช่นนั้นหรือ” “เพคะไท่เฟย นางบอกว่าเพราะนางคือพระชายา ในเมื่อท่านอ๋องไม่อยู่ตำหนักก็เป็นหน้าที่ของพระชายาที่จะต้องดูแลตำหนักแทนท่านอ๋องเพคะ” “อันถง เจ้าส่งคนไปดูที่จวนนั่นแล้วเป็นเช่นไรบ้าง” “ทูลไท่เฟย ท่าทางนางยังดูป่วยอยู่เลยเพคะ” “เป็นเพียงบุตรสาวคหบดีที่ หากไม่เห็นว่ามีเงินและทรัพย์สินมากขนาดนั้นข้าคงไม่เสนอข้อตกลงนั่นไปหรอก หึ ยังมีหน้ายโสโอหังไม่ทันไรก็จะหาเรื่องมาแย่งหน้าที่ดูแลตำหนักแทนข้างั้นหรือ เห็นทีคงต้องจัดการนางก่อนที่ท่านอ๋องจะกลับแล้วกระมัง” “ไท่เฟยเพคะ เราเล่นงานนางเรื่องที่รองแม่ทัพเข้าห้องส่งตัวแทนท่านอ๋องดีหรือไม่เพคะ เพียงแค่ขู่นางว่าจะแพร่เรื่องนี้ออกไป จวนคหบดีนั่นก็คงต้องยอมส่งมอบเงินเพื่อปิดข่าวนี้เป็นแน่เพคะ” “ความคิดดีเยี่ยม อันถง เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน” จวนคหบดีหลิน “คุณหนู ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ” “ข้าจะไปทำธุระหน่อย นัดคนเอาไว้แล้วว่าแต่คนที่ข้าให้เจ้าจัดหาทำเรียบร้อยแล้วหรือไม่” “เรียบร้อยเจ้าค่ะ” “อืม ดูแลพี่ใหญ่ด้วย ข้าออกไปไม่นานก็จะกลับ” “เจ้าค่ะ” หลินเฟยเย่เดินออกจากจวน นางเดินสวนกับผู้ส่งจดหมายจากตำหนักไท่เฟยหน้าห้องโถงใหญ่ แต่นางไม่มีเวลาสอบถามเพราะใกล้เวลานัดที่นางนัดคนเอาไว้แล้วจึงต้องรีบเดินออกไปขึ้นรถม้า ชาวเมืองเฉินโจวรู้เพียงว่าคหบดีหลินมีบุตรสาวสองคน แต่ไม่เคยมีผู้ใดรู้มาก่อนว่าพวกนางเป็นฝาแฝดกันดังนั้นเมื่อเฟยเย่ต้องออกจากจวนนางจึงต้องใช้ผ้าปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้คนนอกจำได้ โรงน้ำชาตั้งซื่อ “คุณหนู” “ท่านอาสู่ นั่งก่อนสิ” “ขอรับ” เฟยเย่เชิญผู้ที่ดูอาวุโสกว่านางนั่งลงพร้อมกับรินน้ำชาให้ เขารับไปอย่างเกรงใจเมื่อดื่มแล้วจึงยื่นบางอย่างให้กับนาง “นี่ขอรับสิ่งที่ท่านให้ตรวจสอบ” “ขอบคุณท่านมาก เรื่องนี้…” “ข้าจะไม่มีทางพูดออกไป นายท่านมีบุญคุณกับข้ายิ่งนัก อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องของสกุลหลิน ข้าน้อยไม่มีทางปริปาก” “ขอบคุณท่านอาสู่มากเจ้าค่ะ” “ท่านให้ข้าคัดลอกบัญชีรายรับรายจ่ายของตำหนักท่านอ๋องมาด้วยเหตุใดขอรับ เรื่องพวกนี้หากว่าพระชายาทรงอยากทราบก็สามารถสั่งให้เจ้ากรมคลังส่งมอบให้ได้” “ข้าอยากได้ข้อมูลจริงนะสิ มิใช่บัญชีที่ถูกแต่งขึ้นมา” “แต่งบัญชีงั้นหรือ คุณหนูท่านกำลังจะบอกว่า....” “ท่านอา ข้ายังไม่ได้พูดอันใดข้าแค่สงสัยเท่านั้น ขอบคุณท่านมาก ท่านอยู่ที่นั่นก็ระวังตัวด้วย รอจนกว่าพระชายาจะเสด็จกลับไป ท่านก็จะปลอดภัย” “ข้ายินดีขอรับ ขอเพียงได้ทำเพื่อนายท่านและสกุลหลิน แม้ตายข้าน้อยก็ยินดี” “ท่านอาสู่ รบกวนท่านแล้ว” “เอ่อ พระอาการของพระชายาเป็นเช่นไรบ้างขอรับ” “นางยังไม่ดีขึ้นเลย แม้ว่าจะเริ่มดีขึ้นแต่ไข้ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อาการนับว่ายังไว้ใจไม่ได้เจ้าค่ะ ที่ตำหนักนั่น…” “คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ที่ตำหนัก เป็นช่วงเวลาที่ดีในการตรวจสอบขอรับ” “เช่นนั้นต้องฝากท่านแล้วเจ้าค่ะ” จวนสกุลหลิน หลินเฟยเย่เดินเข้ามาในจวนพร้อมกับสมุดบัญชีในมือ นางจึงรีบเดินนำของไปเก็บที่ห้องก่อนและคิดว่าจะงีบหลับกลางวันสักหน่อย เมื่อนอนได้สักพัก ….. “เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมพวกเจ้าจึงมีสองคนละ” “แม่นางจากนี้สกุลหลินต้องฝากเจ้าแล้ว” “เดี๋ยวก่อน พี่สาวทั้งสอง พวกท่านจะไปไหนกัน แล้วฝากสกุลหลินคืออะไร กลับมาก่อนสิ” “เดี๋ยว!! กลับมาก่อน!!” หลินเฟยเย่สะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที นางพึ่งรู้สึกว่าหนาวจนมองออกไปด้านนอก หิมะเริ่มตกแล้ว ตอนนี้พึ่งจะฤดูสารทแต่เหตุใดจึงมีหิมะตกเช่นนี้ นางเริ่มทบทวนฝันเมื่อครู่ เมื่อนึกได้เช่นนั้นตานางเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับความตกใจ “คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ อาจิง!!” “เจ้าคะคุณหนู” “เจ้า…ข้าให้เจ้าอยู่ดูแลพี่ใหญ่แล้วทำไม....” “อ่อ คุณหนูใหญ่บ่นว่าอยากกินขนมถั่วเขียวเลยให้ข้าออกไปซื้อมาเจ้าค่ะ นี่ข้าก็พึ่งกลับมาไม่นานนี้เองเจ้าค่ะ ทำไมหรือเจ้าคะ” “แล้ว….แล้วเจ้าให้ผู้ใดอยู่กับท่านพี่หรือไม่” “ไม่นะเจ้าคะ คุณหนูบอกว่าอยากนอนพักเจ้าค่ะนางเลยสั่งบ่าวไพร่ออกมาทั้งหมด” “แย่แล้ว!!” “คุณ…คุณหนู ท่านคงไม่คิดว่า” “เร็วเข้า ตามข้าไปที่ห้องพี่ใหญ่!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม