forget me not น่ารักจัง

1396 คำ
ตึกเล็กๆ ที่ว่านั่น ตั้งเคียงข้างกับตึกสวยทรงทันสมัย มันเป็นตลกร้ายอย่างหนึ่งของเขตพลาก้า อาคารสามชั้นสุดเก่าแก่ แทรกตัวอยู่ระหว่างกลางโรงแรมอธีนาอันยิ่งใหญ่และตึกสูงของสำนักงานใหญ่เกี่ยวกับสายการบินและการคมนาคมที่มีชื่อว่าอธีนาเหมือนกัน เล็กกระจ้อยล่อย ดูโอหังดีทีเดียวที่สามารถยืนยงอยู่ได้อย่างอาจหาญเช่นนี้ “ที่นี่เอง” เธออ่านที่อยู่ในกระดาษนั่นอีกครั้ง แล้วก็พบว่า ชื่อโรงแรมก็จริง แต่ที่อยู่กลับเป็นของร้านขนมปังเก่าแก่แห่งนี้ต่างหาก เธอเข้าใจผิดไปเองแท้ๆ ถึงต้องไปมีเรื่องกับหมอนั่น “อันนี้สิ คือที่ของเรา” รอยยิ้มงดงามปรากฏบนใบหน้าเหนื่อยอ่อนของหญิงสาว “หวังว่า จะไม่มีใครโยนฉันออกมาจากร้านนี้อีกนะ” มาลินีออกแรงลากกระเป๋าใบใหญ่เดินเข้าไปในร้านขนมปังเก่าแก่แห่งนั้น พอประตูเปิดออก ก็ได้เห็นบรรยากาศอบอุ่นของร้านขนมปังและกาแฟเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเนย เมล็ดกาแฟ และเครื่องเทศบางชนิดที่แสนรัญจวนใจ ภาพที่เธอเห็นก็คือ โต๊ะไม้เล็กๆ ที่ได้กลิ่นของความโบราณ ตั้งเรียงรายอย่างน่ารักเพียงสี่โต๊ะเท่านั้น เธอเห็นความสดชื่นของดอกไม้หลากสีสัน หลายชนิด บรรจุอยู่ในกระถาง จัดวางอย่างเหมาะสม กลมกลืน ทุกซอกทุกมุมล้วนประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบกรีกโรมันที่ลงตัวจนน่าพิสมัย คงมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่บ่งบอกว่าที่นี่มีคนไทยซ่อนอยู่ แน่นอนที่สุด กลิ่นของอาหารกระมัง เธอรู้มาจากแม้นมาศว่าน้องสาวฝาแฝด มักจะมีเมนูไทยๆ เสิร์ฟลูกค้าเสมอ ซึ่งในวันนี้ก็น่าจะเป็น... “หอมแกงมัสมั่นจังเลย” มาลินีรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใจ หลังจากที่อารมณ์เน่ามากับการต้อนรับแขกของพวกมาเฟีย เธอหันมองไปทั่วร้าน เห็นว่าที่โต๊ะติดกระจก มีลูกค้านั่งอยู่สองคน หนุ่มสาวคู่รักในวัยแรกแย้ม กำลังกุมมือกันและกันอย่างน่าอิจฉา เธอเลือกนั่งที่โต๊ะติดผนังทึบซึ่งเป็นกระเบื้องดินสีน้ำตาลแดงที่สวยงาม เพื่อรอคอยการเข้ามารับออเดอร์ของพนักงานเสิร์ฟ “ไม่อดตายแล้วเรา” และเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น หญิงไทยร่างอวบอ้วน ดูคุ้นตา เดินยิ้มแย้มออกมาจากในครัว นำกาแฟและขนมหอมกรุ่นไปเสิร์ฟหนุ่มสาว ก่อนจะหันมามองลูกค้าคนใหม่ หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมง ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนยุ่งเหยิง แก้มแดงปากแดงจมูกแดงดูน่ารัก เธอกำลังระบายยิ้มสดใส ขณะลุกขึ้นยืน “น้องญาญ่ารึเปล่าคะ” แม้เวลาจะคลาดเคลื่อนไปเยอะ แต่บางสิ่งบางอย่างก็บอกว่านี่แหละ คือผู้หญิงที่เธอคุยผ่านทางอีเมล์และเฟชบุ๊คมาตลอดสามเดือน “พี่ศจี” สองสาวยิ้มให้กัน ก่อนเดินเข้าหาอ้อมกอดของกันและกันเพื่อทักทาย ด้วยความดีใจและตื่นเต้นพอสมควร มาลีนีรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดเลยทีเดียว ตัวจริงของศจีมาศ ดูอ้วนกว่าในรูปนิดหน่อย แต่รอยยิ้มสวย ดูก็รู้ว่าตอนสาวๆ ก็สวยไม่เบา ส่วนสาวน้อยจากเมืองไทย สำหรับศจีมาศแล้ว เธอดูสวยกว่าในรูปมาก แถมรอยยิ้มยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ แววตาของเจ้าหล่อนอย่างกับแมวเปอร์เซียที่ซุกซนและน่ารัก “พี่ต้องขอโทษญาญ่าด้วยที่ไม่ได้ไปรับ วันนี้วันเกิดเจ้าอ้วน ต้องเตรียมของหลายอย่าง” เธอเล่า ขณะเด็กชายตัวอ้วนกลมวัยประมาณแปดขวบ เปิดประตูร้าน เดินเข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง ตึงตัง บ่นกะปอดกะแปดเกี่ยวกับการบ้านที่ครูสั่ง ก่อนจะหันมาทำตาโปนใส่หญิงสาวแปลกหน้า ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับมารดา “เทพีเฮเลน่า” หญิงสาวถึงกับหัวเราะ คนเป็นแม่ทำหน้าล้อเลียนลูกชาย ที่กำลังทำหน้าตาตื่นตกใจ “หมูต้ม มานี่สิ มารู้จักกับพี่สาวคนใหม่ของเธอ” เด็กชายเดินเข้ามาใกล้ เงยหน้ามองหญิงสาวที่มีความสูงราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบห้า ด้วยดวงตาเปล่งประกาย พี่สาวคนนี้มีรูปร่างปราดเปรียว สมส่วน และผิวสีสวยเหมือนนางฟ้าในภาพวาดไม่มีผิด “พี่เขาชื่อญาญ่า มาจากเมืองไทย” ศจีมาศบรรยายที่มาของแขกผู้มาเยือนให้ลูกชายฟัง ด้วยน้ำเสียงสดใส ตั้งใจและเอ็นดูมิน้อย “พี่เขาจะมาพักอยู่กับเราสองสามเดือน ลูกต้องทำหน้าที่ดูแลพี่ญาญ่าให้ดีที่สุด เข้าใจไหม” เด็กชายหน้าแดงก่ำ เห็นแล้วก็รู้เลยว่ากำลังเขินจัด เขายิ้มจนปากฉีก ยื่นมือไปจับหูลากกระเป๋าจากหญิงสาวอย่างทันท่วงที “ฮะแม่” เจ้าหนูพูดไทยชัดปร๋อจนหญิงสาวแปลกใจ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม” “ปกติพี่พูดภาษาไทยกับเขา สอนเขียนเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเอาไหน” “ดีจังเลยค่ะ ญาญ่าเอง เวลาอยู่บ้านก็พูดกับพ่อด้วยภาษากรีซ หรือไม่ก็อิตาลี เวลาไปโรงเรียนก็พูดทั้งไทยและอังกฤษ เรารู้ไว้หลายภาษาก็ดีนะคะ มันจะได้เปรียบเวลาที่เราโตขึ้นและต้องทำงาน” ศจีมาศยิ้มละมุน ยื่นมือไปจับมือของหญิงสาวไว้ “คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของเธอนะ พักผ่อนให้สบาย พี่สาวของพี่ กำชับนักกำชับหนาว่าต้องดูแลเธอให้ดีที่สุด เพราะเธอเป็นเหมือนลูกสาวของเขาเลยล่ะ” “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ” “เอาไว้ตอนเย็น เวลามื้อค่ำ ค่อยมารู้จักพ่อของเจ้าอ้วนกัน ตอนนี้เขาอยู่ในครัว กำลังทำอาหารไทย หมอนั่นเก่งกว่าพี่เสียอีกนะ บางวัน พี่ก็อยู่แต่หน้าเคาน์เตอร์ ค่อยเสิร์ฟและเก็บเงินแทน อ้อ เรามีพนักงานเสิร์ฟอีกคน เป็นหนุ่มเมดิเตอร์เรเนียนของแท้ บ้านเขาอยู่ที่เกาะครีตโน่นแน่ะ เขาอาจจะเป็นไกด์ให้ได้นะ ถ้าเธออยากจะไปที่นั่น” มาลินียิ้มจนสุดแก้ม “ดีเลยค่ะ ยังไง ญาญ่าก็ต้องไปที่นั่นอยู่แล้ว เพราะเป็นจุดประสงค์หลักที่มาที่นี่เลยล่ะค่ะ ขอบคุณพี่ศจีมากเลยนะคะที่ช่วยเหลือญาญ่าทุกอย่างเลย ญาญ่าดีใจมากเลยค่ะที่เลือดครึ่งหนึ่งของญาญ่าเป็นคนไทย” เมื่อเจ้าของร้านตัวอวบเดินเข้าครัวไป หญิงสาวมองส่งจนลับตา ก่อนจะหันกลับมามองเด็กชายที่กำลังลากกระเป๋าของเธอ เพื่อจะขึ้นชั้นบนของร้าน “ไม่เป็นไรจะ มันหนักเกินไปสำหรับหนู มาเถอะ พี่จัดการเอง” “ผมโตแล้วฮะ เป็นหนุ่มแล้วด้วย” หญิงสาวมองเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู แอบหลงรักเจ้าหนุ่มลูกครึ่งไทยกรีซคนนี้เสียตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วสิ เธอยื่นมือไปจับแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าหนู แล้วบีบเบาๆ “ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ หนุ่มน้อยที่น่ารัก” เจ้าหนูออกอาการเขินนิดๆ แต่ก็พยายามทำท่าทางมาดเท่ตลอดเวลา เธอเดินตามเจ้าหนูขึ้นไปยังชั้นสามของอาคาร ซึ่งแบ่งแยกซอยห้องเอาไว้เป็นห้องเล็กๆ ประมาณหกห้องเท่านั้น พอถึงประตูห้องซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของอาคาร เด็กชายก็หยุด “พี่ญาญ่าเหมาะกับห้องนี้ที่สุดครับ” เธอเดินตามเจ้าหนูเข้าไปด้านใน เมื่อเห็นห้องจนเต็มตา ก็ถึงกับตลึงในความเรียบง่ายแต่น่ารัก และตรงใจ ห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น มีภาพศิลปะประดับบนฝาผนังเพียงรูปเดียวเท่านั้น เป็นภาพวาดสีน้ำของดอกไม้สีม่วง ห้องโล่ง สะอาด สามารถเปิดหน้าต่างบานใหญ่รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่ พอเธอวางกระเป๋าใบใหญ่ลงบนพื้นห้องก็เดินไปดูที่หน้าต่างทันที ชะโงกมองที่ขอบหน้าต่างนั้นอย่างใคร่รู้ ก็ได้เห็นต้นไม้กระถางเล็กๆ วางออแน่นบนระเบียงเล็กๆ ที่ยื่นออกใต้หน้าต่าง “อุ๊ย forget me not น่ารักจัง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม