บทที่ 4 ปฐมนิเทศ

1714 คำ
หลายวันต่อมา วันปฐมนิเทศ เช้าวันนี้… แสงแดดยามสายส่องลอดผ้าม่านเข้ามา เธอรีบลุกขึ้นแต่งตัวด้วยความตื่นเต้นปนกังวล เพราะนี่คือวันสำคัญ วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ที่มหาลัยรัฐบาลชื่อดัง “โอ๊ย รถติดขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย!” เสียงหวานใสดังขึ้นภายในรถแท็กซี่ที่จอด แล้วค่อย ๆ ขยับไปทีละนิดบนถนนกลางกรุง มีญาในชุดนักศึกษาสะอาดเรียบ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพับขึ้นเล็กน้อย กระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าและรองเท้าผ้าใบสีขาว เธอเผลอมองนาฬิกาทุกสามนาทีด้วยความกระวนกระวาย “ถ้ามาสายวันแรก ป๊าต้องล้อแน่เลยว่าโตแล้วก็ยังมาไม่ทัน…” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางเปิดกระจกให้ลมตีหน้าเบา ๆ สุดท้ายก็ถึงมหาวิทยาลัยพอดีกับเสียงประกาศเริ่มพิธี เธอรีบจ่ายค่าแท็กซี่แล้ววิ่งจ้ำพรวดเข้าไปในอาคารใหญ่แทบไม่หยุดหายใจ ภายในหอประชุมใหญ่ “นักศึกษาใหม่รหัส 68 เชิญลงทะเบียนที่โต๊ะด้านหน้านะคะ” เสียงรุ่นพี่หญิงตะโกนบอกผ่านไมค์ดังทั่วห้องโถง มินรีบวิ่งเข้าแถว กวาดตามองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ คนรอบข้างล้วนแต่งตัวเรียบร้อย ดูทั้งตื่นเต้นและเกร็งไม่ต่างกัน “สวัสดีค่ะ ชื่อ มิน…เอ่อ…มิน มหิธ...” เธอชะงัก รีบเปลี่ยนคำพูดกลางคัน “มิน วรากานต์ค่ะ” (นามสกุลปลอมที่ตั้งไว้ตอนสมัคร ซึ่งเป็นนามสกุลเก่าของแม่ที่เสียไปตั้งแต่เธอคลอดออกมา) รุ่นพี่ยิ้มรับพลางยื่นป้ายชื่อให้ “ขอต้อนรับเข้าสู่วิศวกรรมศาสตร์นะน้องมิน” มินยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย เธอพยักหน้ารับอย่างสุภาพแล้วเดินเข้าไปนั่งในโซนนักศึกษาวิศวะ ช่วงบ่าย หลังพิธีเปิดจบลง พิธีกรประกาศเสียงดังผ่านไมค์ “ต่อไปนักศึกษาใหม่แต่ละคณะจะถูกแยกไปตามจุดนัดหมายของรุ่นพี่ เพื่อเตรียมตัวก่อนกิจกรรมรับน้องอย่างเป็นทางการในอีกสองวัน!” เสียงเฮดังขึ้นทั่วหอประชุม นักศึกษาใหม่หลายคนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน มินยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น เธอรอมานานแล้วที่จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้จริง ๆ “ในที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตแบบเด็กมหา’ลัยแล้ว…” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้ ภาพแรกในชีวิตมหาลัย พร้อมกับรอยยิ้มของเด็กสาวธรรมดาที่ใคร ๆ ก็มองว่า “สดใสจัง” แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอคือทายาทพันล้านที่กำลังหลบชีวิตหรูอยู่ตรงนี้ ณ จุดรวมพลคณะวิศวกรรมศาสตร์ “น้องคณะวิศวะอยู่ตรงนี้นะครับ! ใครป้ายสีฟ้ามาทางนี้เลย!” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายตะโกนเรียกดังลั่นสนามหญ้าหน้าตึกคณะ มินรีบเดินตามเพื่อนใหม่อีกสองสามคนเข้าไปในแถว ด้านหน้าเป็นกลุ่มรุ่นพี่ในเสื้อช็อปหลากสี มีทั้งเสียงตะโกน เสียงหัวเราะ และเสียงแซว “เฮ้ ๆ ๆ อย่าเดินช้าสิ น้องปีหนึ่งยิ้มหน่อย เราไม่ได้จับไปฝึกทหารนะครับ~” เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขำ ๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย มินหัวเราะเบา ๆ พลางมองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น เธอรู้สึกเหมือนกำลังเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ต้องมีใครคอยควบคุมอีกต่อไป แต่แล้ว… เสียงนกหวีดแหลม ๆ ก็ดังขึ้นทั่วสนาม รุ่นพี่ทุกคนเงียบลงในทันที ตึก ตึก ตึก! เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่ใครบางคนจะเดินออกมาจากเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ ชายร่างสูงในเสื้อช็อปเปิดคอ มือหนาถือแฟ้มรายชื่อไว้หลวม ๆ แววตาคมเข้มกวาดมองรุ่นน้องทีละคน “โอ้โห…ดูท่ารุ่นนี้จะเยอะกว่าปีก่อนอีกแฮะ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูทั้งหล่อและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน มินหันไปมอง… แล้วหัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น “ผู้ชายที่ชื่อ…คิณ!?” ดวงตาคู่นั้น…รอยยิ้มนั่น…ไม่ผิดแน่ คือคนข้างห้อง ที่คืนนั้น เขา...เขาทำผู้หญิงคนหนึ่งร้องทั้งคืน แถมมินยังเขียนโน้ตแสบ ๆ แปะไว้หน้าห้องเขาอีก อึก! คนตัวเล็กแอบลอบกลืนน้ำลาย แล้วรีบก้มหน้าแทบจะมุดพื้น ขณะที่เสียงพี่ออโต้รุ่นพี่ปีสามประกาศดังขึ้น “ขอเสียงปรบมือให้พี่ว้ากของเราด้วย! พี่คิณ ปีสาม! ส่วนพี่ชื่อ ออโต้ และอีกคนพี่ไทม์จะเป็นพี่ว้ากกิจกรรมรับน้องในปีนี้ครับ” เสียงปรบมือดังสนั่น แต่สำหรับมิน…โลกทั้งใบเหมือนหยุดนิ่ง เธอแทบอยากมุดดินหนีไปจากตรงนั้น และในขณะที่เธอพยายามซ่อนตัวอยู่ในแถว เสียงเข้ม ๆ ก็ดังขึ้นเหนือหัว “น้อง…เธอน่ะ เสื้อติดป้ายชื่อกลับด้าน” มินสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้น แล้วสบตากับรอยยิ้มกวน ๆ ของเขาโดยตรง “มะ…มินค่ะ” เธอพยายามพูดเสียงเบา “จำได้สิ…” เขายิ้ม ยิ้มแบบเดียวกับเมื่อคืน “ข้างห้องพี่ใช่ไหม?” หัวใจมินเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา เธอกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน “ตายแน่ยัยมิน…” เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะได้ยิน เพราะริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย “เอาน่า…คืนนี้...พี่จะ ‘เบา’ ให้” ไม่นานนัก ปี๊ดดดด! เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งเรียกรวมทุกคนให้เงียบ รุ่นพี่ชายร่างสูงในเสื้อช็อปสีแดงเดินขึ้นไปยืนบนโต๊ะไม้ยาวด้านหน้า “ขอให้เงียบ ๆ หน่อยครับน้อง ๆ ทุกคน!” เพียงชั่วพริบตาบรรยากาศในสนามหญ้ากลางคณะค่อย ๆ “โอเค…ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว พี่จะประกาศสถานที่รับน้องปีนี้ให้ฟังนะครับ” เสียงพี่ปีสามพูดผ่านไมค์แบบเน้นคำชัดถ้อยชัดคำ มินที่ยืนอยู่ตรงแถวกลางเงยหน้าขึ้นอย่างตั้งใจ เธอรู้ว่าการรับน้องคือประสบการณ์สำคัญของชีวิตมหา’ลัย และเธอก็อยากลองทุกอย่าง รุ่นพี่พี่ปีสี่หันไปสบตากับคิณราวกับส่งไม้ต่อให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวออกมาข้างหน้า เขายกไมค์ขึ้น แนบชิดริมฝีปาก “ปีนี้…คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเรา จะไปจัดกิจกรรมรับน้องที่...” ทุกคนเงียบ รอคำตอบอย่างลุ้นระทึก “ภูสอยดาว! สามวันสองคืน!” “เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!” เสียงเฮดังลั่นทันที ราวกับสนามหญ้ากลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดย่อม “ภูสอยดาวเหรอพี่! ปีที่แล้วไปทะเลนะ!” เสียงรุ่นน้องคนหนึ่งถามอย่างตกใจ “ใช่! ปีนี้เปลี่ยนแนวบ้าง” คิณยิ้มกว้าง พูดเสียงดังผ่านไมค์ “เราอยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบลุย ๆ หน่อย ไม่ใช่แต่แช่แอร์ในห้อง! บอกไว้ก่อนนะ ที่นั่นไม่มีสัญญาณ ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น” “ว้าย! ไม่มีไวไฟด้วยเหรอพี่!” เสียงนักศึกษาหญิงร้องขึ้น “ไม่มีครับน้อง แต่มีลำธารเย็น ๆ น้ำตกสวย ๆ กับรุ่นพี่หล่อ ๆ ที่จะดูแลทุกคนตลอดสามวันสองคืน!” เขาพูดพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ จนเสียงกรี๊ดดังลั่นสนาม มินหัวเราะแห้ง ๆ พึมพำเบา ๆ กับเพื่อนใหม่ที่ยืนข้าง ๆ “ภูสอยดาว…จริงเหรอ แค่ได้ยินชื่อก็เหนื่อยแล้ว” เพื่อนสาวตอบกลับพลางหัวเราะ “แต่พี่คิณหล่อขนาดนี้ ฉันไปได้ยันยอดภูเลยแหละ” มินกลอกตา แต่ในใจก็อดเหลือบมองไปทางพี่ว้ากคนนั้นไม่ได้ คิณกำลังพูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มมั่นใจ “ถ้าใครมีโรคประจำตัว หรือรู้ตัวว่าไม่ไหว แจ้งพี่ ๆ ได้เลยนะ พี่จะยกเว้นให้ ไม่ต้องไป แต่ถ้าใครคิดว่าตัวเองชอบลุย ชอบแอดเวนเจอร์…” เขาหยุดเล็กน้อย ยกคิ้วขึ้น มองตรงไปยังกลุ่มนักศึกษาหญิงด้านหน้า และดันสบตาเข้ากับมินพอดี “…ก็เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะปีนี้…รับรองสนุกแน่!” “เฮ้!!” เสียงเฮดังลั่นทั่วสนามอีกครั้ง มินหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่ใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ให้ตายสิ ทำไมต้องมองฉันตอนพูดด้วยล่ะ…! เธอก้มหน้าหลบสายตาอย่างรวดเร็ว มือกำป้ายชื่อแน่นจนแทบยับ หลังการประกาศจบลง รุ่นพี่เริ่มแจกเอกสารเตรียมตัวสำหรับทริป “อย่าลืมเตรียมเสื้อช็อปกันฝน รองเท้าเดินป่า ยากันแมลง แล้วก็…ใจที่พร้อมลุยนะครับ!” “ถ้าใครไม่พร้อมตอนนั้น พี่ไม่รับประกันว่าจะได้กลับโดยสภาพเดิมนะ ฮ่า ๆ ๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบตัว ทุกคนพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น แต่สำหรับมิน…เธอมีความกังวลซ่อนอยู่เล็กน้อย “ปีนเขาเหรอ… โอ๊ย ฉันไม่เคยเดินขึ้นบันไดสามชั้นโดยไม่หอบเลยนะ แล้วจะไหวไหมเนี่ย!” เธอบ่นเบา ๆ พลางเปิดกระดาษดูรายการของที่ต้องเตรียม แต่ข้างหลังกลับมีเงาใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เสียงทุ้มที่เธอคุ้นหูดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู “ถ้ากลัวไม่ไหว ก็บอกพี่ได้นะ…” มินสะดุ้งหันขวับ คิณยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง ใบหน้าเปื้อนรอยเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม “เอ๊ะ…พี่มาเงียบ ๆ แบบนี้จะหลอกผีเหรอคะ!” เธอแกล้งพูดกลบเกลื่อน เขาหัวเราะในลำคอ “เปล่าหรอก แค่จะบอกว่า…ถ้าเธอไม่ไป พี่คงเสียดายน่าดู” “เสียดาย…อะไรคะ?” “ก็…จะอดได้เห็นตอนน้องมินหน้าแดงเวลาหอบหายใจจนเหนื่อยน่ะสิ” “พี่คิณ!” เสียงหวานเข้มขึ้น เพราะในหัวคิดไปถึงเรื่องบนเตียง “ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่า” เขายกมือยอมแพ้ แต่ดวงตากลับแอบระยิบระยับ มินหน้าแดงจัด ก้มหน้าซ่อนความเขิน “ฉันจะไปก็ได้ แต่พี่อย่ามากวนฉันนะ!” “ไม่รับปาก…” เขาพูดพร้อมยักคิ้ว แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ และหัวใจของมินที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม