หลายวันต่อมา วันปฐมนิเทศ
เช้าวันนี้…
แสงแดดยามสายส่องลอดผ้าม่านเข้ามา เธอรีบลุกขึ้นแต่งตัวด้วยความตื่นเต้นปนกังวล เพราะนี่คือวันสำคัญ วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ที่มหาลัยรัฐบาลชื่อดัง
“โอ๊ย รถติดขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย!”
เสียงหวานใสดังขึ้นภายในรถแท็กซี่ที่จอด แล้วค่อย ๆ ขยับไปทีละนิดบนถนนกลางกรุง
มีญาในชุดนักศึกษาสะอาดเรียบ สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพับขึ้นเล็กน้อย กระโปรงพลีทยาวคลุมเข่าและรองเท้าผ้าใบสีขาว เธอเผลอมองนาฬิกาทุกสามนาทีด้วยความกระวนกระวาย
“ถ้ามาสายวันแรก ป๊าต้องล้อแน่เลยว่าโตแล้วก็ยังมาไม่ทัน…”
เธอพึมพำกับตัวเอง พลางเปิดกระจกให้ลมตีหน้าเบา ๆ
สุดท้ายก็ถึงมหาวิทยาลัยพอดีกับเสียงประกาศเริ่มพิธี เธอรีบจ่ายค่าแท็กซี่แล้ววิ่งจ้ำพรวดเข้าไปในอาคารใหญ่แทบไม่หยุดหายใจ
ภายในหอประชุมใหญ่
“นักศึกษาใหม่รหัส 68 เชิญลงทะเบียนที่โต๊ะด้านหน้านะคะ”
เสียงรุ่นพี่หญิงตะโกนบอกผ่านไมค์ดังทั่วห้องโถง
มินรีบวิ่งเข้าแถว กวาดตามองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ คนรอบข้างล้วนแต่งตัวเรียบร้อย ดูทั้งตื่นเต้นและเกร็งไม่ต่างกัน
“สวัสดีค่ะ ชื่อ มิน…เอ่อ…มิน มหิธ...”
เธอชะงัก รีบเปลี่ยนคำพูดกลางคัน
“มิน วรากานต์ค่ะ” (นามสกุลปลอมที่ตั้งไว้ตอนสมัคร ซึ่งเป็นนามสกุลเก่าของแม่ที่เสียไปตั้งแต่เธอคลอดออกมา)
รุ่นพี่ยิ้มรับพลางยื่นป้ายชื่อให้ “ขอต้อนรับเข้าสู่วิศวกรรมศาสตร์นะน้องมิน”
มินยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย เธอพยักหน้ารับอย่างสุภาพแล้วเดินเข้าไปนั่งในโซนนักศึกษาวิศวะ
ช่วงบ่าย
หลังพิธีเปิดจบลง พิธีกรประกาศเสียงดังผ่านไมค์
“ต่อไปนักศึกษาใหม่แต่ละคณะจะถูกแยกไปตามจุดนัดหมายของรุ่นพี่ เพื่อเตรียมตัวก่อนกิจกรรมรับน้องอย่างเป็นทางการในอีกสองวัน!”
เสียงเฮดังขึ้นทั่วหอประชุม นักศึกษาใหม่หลายคนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยกัน
มินยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น เธอรอมานานแล้วที่จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้จริง ๆ
“ในที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตแบบเด็กมหา’ลัยแล้ว…”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปเก็บไว้
ภาพแรกในชีวิตมหาลัย พร้อมกับรอยยิ้มของเด็กสาวธรรมดาที่ใคร ๆ ก็มองว่า “สดใสจัง” แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอคือทายาทพันล้านที่กำลังหลบชีวิตหรูอยู่ตรงนี้
ณ จุดรวมพลคณะวิศวกรรมศาสตร์
“น้องคณะวิศวะอยู่ตรงนี้นะครับ! ใครป้ายสีฟ้ามาทางนี้เลย!”
เสียงรุ่นพี่ผู้ชายตะโกนเรียกดังลั่นสนามหญ้าหน้าตึกคณะ
มินรีบเดินตามเพื่อนใหม่อีกสองสามคนเข้าไปในแถว ด้านหน้าเป็นกลุ่มรุ่นพี่ในเสื้อช็อปหลากสี มีทั้งเสียงตะโกน เสียงหัวเราะ และเสียงแซว
“เฮ้ ๆ ๆ อย่าเดินช้าสิ น้องปีหนึ่งยิ้มหน่อย เราไม่ได้จับไปฝึกทหารนะครับ~”
เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งพูดขำ ๆ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
มินหัวเราะเบา ๆ พลางมองรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น เธอรู้สึกเหมือนกำลังเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ต้องมีใครคอยควบคุมอีกต่อไป
แต่แล้ว…
เสียงนกหวีดแหลม ๆ ก็ดังขึ้นทั่วสนาม
รุ่นพี่ทุกคนเงียบลงในทันที
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่ใครบางคนจะเดินออกมาจากเงาใต้ต้นไม้ใหญ่
ชายร่างสูงในเสื้อช็อปเปิดคอ มือหนาถือแฟ้มรายชื่อไว้หลวม ๆ
แววตาคมเข้มกวาดมองรุ่นน้องทีละคน
“โอ้โห…ดูท่ารุ่นนี้จะเยอะกว่าปีก่อนอีกแฮะ”
เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ดูทั้งหล่อและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
มินหันไปมอง…
แล้วหัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น
“ผู้ชายที่ชื่อ…คิณ!?”
ดวงตาคู่นั้น…รอยยิ้มนั่น…ไม่ผิดแน่
คือคนข้างห้อง ที่คืนนั้น เขา...เขาทำผู้หญิงคนหนึ่งร้องทั้งคืน แถมมินยังเขียนโน้ตแสบ ๆ แปะไว้หน้าห้องเขาอีก
อึก!
คนตัวเล็กแอบลอบกลืนน้ำลาย แล้วรีบก้มหน้าแทบจะมุดพื้น ขณะที่เสียงพี่ออโต้รุ่นพี่ปีสามประกาศดังขึ้น
“ขอเสียงปรบมือให้พี่ว้ากของเราด้วย! พี่คิณ ปีสาม! ส่วนพี่ชื่อ ออโต้ และอีกคนพี่ไทม์จะเป็นพี่ว้ากกิจกรรมรับน้องในปีนี้ครับ”
เสียงปรบมือดังสนั่น แต่สำหรับมิน…โลกทั้งใบเหมือนหยุดนิ่ง
เธอแทบอยากมุดดินหนีไปจากตรงนั้น
และในขณะที่เธอพยายามซ่อนตัวอยู่ในแถว
เสียงเข้ม ๆ ก็ดังขึ้นเหนือหัว
“น้อง…เธอน่ะ เสื้อติดป้ายชื่อกลับด้าน”
มินสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้น
แล้วสบตากับรอยยิ้มกวน ๆ ของเขาโดยตรง
“มะ…มินค่ะ” เธอพยายามพูดเสียงเบา
“จำได้สิ…” เขายิ้ม ยิ้มแบบเดียวกับเมื่อคืน
“ข้างห้องพี่ใช่ไหม?”
หัวใจมินเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา
เธอกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน
“ตายแน่ยัยมิน…”
เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะได้ยิน เพราะริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย
“เอาน่า…คืนนี้...พี่จะ ‘เบา’ ให้”
ไม่นานนัก
ปี๊ดดดด!
เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้งเรียกรวมทุกคนให้เงียบ รุ่นพี่ชายร่างสูงในเสื้อช็อปสีแดงเดินขึ้นไปยืนบนโต๊ะไม้ยาวด้านหน้า
“ขอให้เงียบ ๆ หน่อยครับน้อง ๆ ทุกคน!”
เพียงชั่วพริบตาบรรยากาศในสนามหญ้ากลางคณะค่อย ๆ
“โอเค…ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว พี่จะประกาศสถานที่รับน้องปีนี้ให้ฟังนะครับ”
เสียงพี่ปีสามพูดผ่านไมค์แบบเน้นคำชัดถ้อยชัดคำ
มินที่ยืนอยู่ตรงแถวกลางเงยหน้าขึ้นอย่างตั้งใจ
เธอรู้ว่าการรับน้องคือประสบการณ์สำคัญของชีวิตมหา’ลัย และเธอก็อยากลองทุกอย่าง
รุ่นพี่พี่ปีสี่หันไปสบตากับคิณราวกับส่งไม้ต่อให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวออกมาข้างหน้า
เขายกไมค์ขึ้น แนบชิดริมฝีปาก
“ปีนี้…คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเรา จะไปจัดกิจกรรมรับน้องที่...”
ทุกคนเงียบ
รอคำตอบอย่างลุ้นระทึก
“ภูสอยดาว! สามวันสองคืน!”
“เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”
เสียงเฮดังลั่นทันที ราวกับสนามหญ้ากลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดย่อม
“ภูสอยดาวเหรอพี่! ปีที่แล้วไปทะเลนะ!”
เสียงรุ่นน้องคนหนึ่งถามอย่างตกใจ
“ใช่! ปีนี้เปลี่ยนแนวบ้าง” คิณยิ้มกว้าง พูดเสียงดังผ่านไมค์
“เราอยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตแบบลุย ๆ หน่อย ไม่ใช่แต่แช่แอร์ในห้อง! บอกไว้ก่อนนะ ที่นั่นไม่มีสัญญาณ ไม่มีร้านกาแฟ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ว้าย! ไม่มีไวไฟด้วยเหรอพี่!”
เสียงนักศึกษาหญิงร้องขึ้น
“ไม่มีครับน้อง แต่มีลำธารเย็น ๆ น้ำตกสวย ๆ กับรุ่นพี่หล่อ ๆ ที่จะดูแลทุกคนตลอดสามวันสองคืน!”
เขาพูดพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ จนเสียงกรี๊ดดังลั่นสนาม
มินหัวเราะแห้ง ๆ พึมพำเบา ๆ กับเพื่อนใหม่ที่ยืนข้าง ๆ
“ภูสอยดาว…จริงเหรอ แค่ได้ยินชื่อก็เหนื่อยแล้ว”
เพื่อนสาวตอบกลับพลางหัวเราะ “แต่พี่คิณหล่อขนาดนี้ ฉันไปได้ยันยอดภูเลยแหละ”
มินกลอกตา แต่ในใจก็อดเหลือบมองไปทางพี่ว้ากคนนั้นไม่ได้
คิณกำลังพูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มมั่นใจ
“ถ้าใครมีโรคประจำตัว หรือรู้ตัวว่าไม่ไหว แจ้งพี่ ๆ ได้เลยนะ พี่จะยกเว้นให้ ไม่ต้องไป แต่ถ้าใครคิดว่าตัวเองชอบลุย ชอบแอดเวนเจอร์…”
เขาหยุดเล็กน้อย ยกคิ้วขึ้น มองตรงไปยังกลุ่มนักศึกษาหญิงด้านหน้า และดันสบตาเข้ากับมินพอดี
“…ก็เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะปีนี้…รับรองสนุกแน่!”
“เฮ้!!”
เสียงเฮดังลั่นทั่วสนามอีกครั้ง
มินหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่ใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
ให้ตายสิ ทำไมต้องมองฉันตอนพูดด้วยล่ะ…!
เธอก้มหน้าหลบสายตาอย่างรวดเร็ว มือกำป้ายชื่อแน่นจนแทบยับ
หลังการประกาศจบลง รุ่นพี่เริ่มแจกเอกสารเตรียมตัวสำหรับทริป
“อย่าลืมเตรียมเสื้อช็อปกันฝน รองเท้าเดินป่า ยากันแมลง แล้วก็…ใจที่พร้อมลุยนะครับ!”
“ถ้าใครไม่พร้อมตอนนั้น พี่ไม่รับประกันว่าจะได้กลับโดยสภาพเดิมนะ ฮ่า ๆ ๆ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบตัว ทุกคนพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
แต่สำหรับมิน…เธอมีความกังวลซ่อนอยู่เล็กน้อย
“ปีนเขาเหรอ… โอ๊ย ฉันไม่เคยเดินขึ้นบันไดสามชั้นโดยไม่หอบเลยนะ แล้วจะไหวไหมเนี่ย!”
เธอบ่นเบา ๆ พลางเปิดกระดาษดูรายการของที่ต้องเตรียม
แต่ข้างหลังกลับมีเงาใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ
เสียงทุ้มที่เธอคุ้นหูดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู
“ถ้ากลัวไม่ไหว ก็บอกพี่ได้นะ…”
มินสะดุ้งหันขวับ
คิณยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง ใบหน้าเปื้อนรอยเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม
“เอ๊ะ…พี่มาเงียบ ๆ แบบนี้จะหลอกผีเหรอคะ!”
เธอแกล้งพูดกลบเกลื่อน
เขาหัวเราะในลำคอ
“เปล่าหรอก แค่จะบอกว่า…ถ้าเธอไม่ไป พี่คงเสียดายน่าดู”
“เสียดาย…อะไรคะ?”
“ก็…จะอดได้เห็นตอนน้องมินหน้าแดงเวลาหอบหายใจจนเหนื่อยน่ะสิ”
“พี่คิณ!” เสียงหวานเข้มขึ้น เพราะในหัวคิดไปถึงเรื่องบนเตียง
“ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่า” เขายกมือยอมแพ้ แต่ดวงตากลับแอบระยิบระยับ
มินหน้าแดงจัด ก้มหน้าซ่อนความเขิน
“ฉันจะไปก็ได้ แต่พี่อย่ามากวนฉันนะ!”
“ไม่รับปาก…”
เขาพูดพร้อมยักคิ้ว แล้วเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ และหัวใจของมินที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก