ใจเต้นแรง

1352 คำ
หลังจากอาบน้ำอีกรอบมนิษาก็รีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้มีนัดกับเพื่อนใหม่ตั้งแต่เช้า แม้ว่าจะยังไม่รู้จักกันดีรู้แค่เขาชื่อราฟ แต่เท่าที่ได้คุยก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่คุยสนุกและคงทำให้การมาเที่ยวพักผ่อนครั้งนี้ไม่เบื่อ หญิงสาวมาถึงห้องอาหารก็เห็นว่าราฟาเอลมารอเธออยู่ก่อนแล้ว “มอร์นิ่งครับ หลับสบายไหม” “มอร์นิ่งค่ะ หลับสบายมากไม่รู้เลยว่ากำลังอยู่บนเรือ” ทั้งสองแยกกันไปตักอาหารจากนั้นก็กลับมานั่งทานด้วยกัน ระหว่างทานก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันไปเรื่อย ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก่อนจะพากันมาเดินเล่นรับลมที่ชั้นบนสุดของเรือ เช้านี้แดดไม่แรงเท่าไหร่ ทั้งสองคนเลยเดินทอดน่องอย่างไม่เร่งรีบ “กลัวความสูงไหมครับ” ราฟาเอลถามขณะที่กระเช้ากำลังไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ “ไม่กลัวค่ะ แต่ตื่นเต้นมากกว่า” เธอมองลงไปยังด้านท้ายเรือที่ตอนนี้เห็นคนตัวเล็กลงไปทีละนิด “วิวบนนี้สวยดีนะครับ ถ่ายรูปไหม ผมถ่ายให้” มนิษายิ้มให้กล้องขณะที่เขากำลังกดถ่าย มือใหญ่สั่นเล็กน้อยเพราะรอยยิ้มนั้นมันหวานจนอยากจะสั่งห้ามไม่ให้ไปยิ้มแบบนี้กับใครที่ไหน “คุณจะถ่ายไหมคะ” “ครับ รบกวนด้วย” พอได้รูปเดี่ยวแล้วราฟาเอลก็ขอถ่ายรูปคู่ เขายื่นกล้องออกไปไกลจนสุดแขนแล้วให้คนตัวเล็กยืนด้านหน้า กดถ่ายไปอย่างนั้นแต่เขาไม่ได้มองไปที่กล้องเลยเพราะตอนนี้สายตาเขามองลงมาที่ใบหน้าหวานแม้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็ทำเอาใจเต้นแรง มนิษามองหน้าจอแล้วยิ้ม แต่เห็นอีกคนไม่มองกล้องเลยหันมาถามเป็นจังหวะเดียวกับที่เขากำลังจะก้มมาคุยด้วย จมูกโด่งเลยเฉียดแก้มเนียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองนิ่งงันราวกับถูกไปชอร์ต หญิงสาวไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ใจเธอเต้นแรงจนกลัวว่าคนที่ยืนอยู่จะได้ “ขอโทษครับ” เรารีบถอยห่าง “ไม่เป็นไรค่ะ เธอหันมายิ้ม” จากนั้นก็เดินไปมองวิวทะเลตรงหน้า ราฟาเอลใกล้ชิดกับผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเลยที่เขาจะรู้สึกแบบนี้กับใคร กลิ่นกายหอมสะอาดบวกกับน้ำหอมที่เขาไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนทำให้เขาแทบอยากจะดึงเธอเข้ามาสูดดมให้เต็มปอด ชายหนุ่มมองมนิษาที่ยืนเหม่อมองทะเลแล้วกระตุกยิ้ม ไม่รู้ว่ามะนาวลูกนี้เป็นใครมาจากไหน แต่เขาสัญญากับตัวเองเลยว่าจะไม่ยอมให้เธอได้ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนอีก ไม่สนใจว่าเธอจะมีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วหรือเปล่า เพราะคนอย่างเขาถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ หัวใจของมนิษากลับเต้นมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากที่ทั้งสองลงมาจากกระเช้า เขาและเธอพากันไปทำกิจกรรมตามที่คุยกันไว้เมื่อวานจนครบทุกอย่าง ตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินทอดน่องไปตามถนนที่เต็มไปด้วยงานศิลปะบนเกาะปีนังก่อนจะเรียกรถและพากันไปยังปีนังฮิล์ล ทางขึ้นค่อนข้างชั้น และรถรางคนก็แน่นจนทำให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กลัวหรือเปล่า” เพราะเห็นว่าตอนนี้เธอยืนตัวเกร็งเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก “เปล่าค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบคนเยอะค่ะ” ราฟาเอลมองผู้ชายที่ยืนด้านหน้าและด้านข้างของเธอแล้วก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ “งั้นมายืนตรงนี้” เขาจับให้เธอมายืนด้านข้าง ส่วนตัวเองยืนหันหน้าเข้าหาใช้สองแขนยันผนังกักเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างหลวมๆ “ไม่คิดว่าคนจะเยอะ” เธอพูดเบาๆ “แบบนี้อึดอัดไหมครับ” “นิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นไร” ถ้าต้องเลือกระหว่างราฟกับการยืนเบียดเสียกับผู้ชายแปลกหน้าเธอเลือกที่จะยืนแบบนี้ดีกว่า ราฟาเอลอยากให้ระยะทางขึ้นเขายาวไปอีกสักร้อยกิโลเพราะรู้สึกดีที่ได้มองหน้าเธอใกล้ๆ ได้สูดกลิ่นหอมแบบนี้ ขาลงจากเขา ความใกล้ชิดก็ยังเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมตรงที่เขาได้จับมือเธอไปด้วยเพราะดูเหมือนว่าหลังจากเธอรับโทรศัพท์แล้วเหมือนว่าสติของเธอจะไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่ “มะนาว คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เที่ยวไม่สนุกเหรอครับ” เขาถามขณะที่กำลังนั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน “มีเรื่องที่บ้านให้คิดนิดหน่อยค่ะ” “ถ้ามันนิดหน่อยคุณคงไม่เป็นอย่างนี้ เล่าให้ผมฟังได้ไหม” “มันค่อนข้างน่าอาย” “ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ” “คุณอยากฟังไหมล่ะ” “ได้สิ ระบายมันออกมาสิ ผมยินดีรับฟังนะครับ” เพราะคิดว่ากลับจากเที่ยวครั้งนี้คงไม่ได้เจอกันอีกเธอจึงตัดสินใจเล่าให้เขาฟังเพราะตอนนี้รู้สึกอึดอัดจนอกแทบระเบิด เรื่องครอบครัวของเธอมันซับซ้อนถ้าจะเล่าให้เพื่อนรักอย่างเอริญาและลดากาญจน์ฟังรับรองได้ว่าทั้งสองคนนั้นต้องหาทางช่วยเหลือเธอแน่ แต่เธอก็ละอายใจเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือเพราะครั้งนี้เรื่องมันใหญ่เกินกว่าที่เพื่อนของเธอจะช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทางบ้าน “เฮ้อ มันน่าอายนิดหน่อยนะคะ” มนิษาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเล่าให้เขาฟังว่า ระหว่างที่กำลังเดินเที่ยวอยู่บนจุดชมวิวบนปีนังฮิล์ลนั้น ทางบ้านของเธอโทรมาบอกมาบอกว่าโรงแรมกำลังมีปัญหาทางการเงินจนอาจจะต้องขายหรือให้ใครสักคนเข้ามาร่วมลงทุน แต่บิดาของเธอไม่อยากให้โรงแรมตกไปอยู่ในมือของคนอื่นจึงเสนอกับคนที่จะมาซื้อโรงแรมให้แต่งงานกับลูกสาวของเขาเพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่ยึดโรงแรมไปเป็นของตัวเองทั้งหมด “หมายถึงคุณจะต้องไปแต่งงานเหรอครับ” แค่เพียงได้ยินเขาก็โกรธจนเก็บอารมณ์แทบไม่อยู่ “คนที่ต้องแต่งควรจะเป็นพี่น้ำหวาน” “ควรจะเป็นเหรอครับ” “ค่ะ ฉันลืมบอกคุณไปว่าคุณพ่อมีลูกสองคนค่ะ ฉันเป็นลูกคนเล็กและเป็นลูกเมียน้อย” มนิษาตอบอย่างไม่อาย “แล้วทำไมพ่อคุณถึงให้คุณแต่งล่ะครับ” “เพราะพี่หวาน พี่สาวฉันมีแฟนแล้วค่ะ และเธอก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้” “แล้วคุณคิดว่าจะทำยังไง” “ถ้าฉันไม่แต่งจะเป็นการอกตัญญูไหม” “ขึ้นอยู่กับว่าที่ผ่านมาเขาดูแลคุณดีหรือเปล่า” มนิษาไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเธอเองได้รับการดูแลจากบิดาดีหรือเปล่าเพราะตั้งแต่มารดาเสียไปตอนเธอเรียนอยู่ชั้น ม.1 พ่อก็ไปรับเธอมาอยู่ที่บ้าน แต่ให้นอนห้องเล็กที่อยู่ติดกับห้องของแม่บ้าน พอขึ้น ม.2 เธอก็ถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่ก็ยังกลับมานอนที่บ้านเดือนละครั้ง พอเข้ามาหาวิทยาลัยก็ขอทุนจากทางมหาวิทยาลัย ส่วนเสาร์อาทิตย์ก็มาช่วยงานที่โรงแรมแลกกับเงินค่าขนมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่บิดาจะโอนให้ “ถ้าฟังจากที่คุณเล่า ผมว่าเขาก็ดูแลในระดับหนึ่ง แต่มันไม่มากพอที่คุณจะเอาทั้งชีวิตไปอยู่กับคนที่ตัวเองไม่รักนะครับ” “ฉันก็คิดอย่างนั้น” มนิษาไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะยอมบิดาแบบนั้นเพียงแต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะจัดการเรื่องยังไง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม