ตอนที่ 10 จุดจบ

1883 คำ
ตอนที่ 10 จุดจบ “ตำรวจมาแล้ว!!!” เสียงผู้ชายตะโกนขึ้น หลังจากเสียงตะโกนดังขึ้นตำรวจประมาณ 10 คน ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูเข้าออกของธนาคาร คนที่ขวางทางพวกตำรวจอยู่หลีกทางให้ทันที ตำรวจที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดคือตำรวจรูปร่างสมส่วน อายุประมาณ 50 ปี แบบผู้จัดการธนาคาร ตำรวจที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดคือผู้กำกับของเขตนี้ และเขาคนนี้ก็คือเพื่อนของผู้จัดการธนาคาร หลังจากผู้กำกับเดินเข้าธนาคาร ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นมา ตอนที่ได้รับแจ้งเขาคิดว่าจะมีคนแค่ไม่กี่คนที่กำลังทวงเงินประกันชีวิต เขาคิดว่ามาพูดนิดๆข่มขู่หน่อยๆ ก็คงสามารถจบเรื่องนี้ได้ แต่หลังจากเขาเห็นคนจำนวนมากในธนาคารเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายแบบที่คิด ‘ให้ตายสิ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เฮ้อ~’ ผู้กำกับคิดในใจเงียบๆ เขาช่วยผู้จัดการธนาคารปิดเรื่องเงินปรกันชีวิตมาแล้วหลายครั้ง เขาเลยรู้ว่าผู้จัดการธนาคารพยายามโกงเงินประกันชีวิต แต่ว่า เขาเองก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกันเขาเลยเงียบเอาไว้ ทุกที่เขาจัดการปิดเรื่องให้ ผู้จัดการธนาคารก็จะให้เงินให้เขาครั้งละ 10,000 หยวน เขาเลยทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่ผู้จัดการธนาคารกำลังทำ ผู้กำกับหยุดที่ใจกลางห้อง จากนั้นเขาก็พูดว่า “ทุกคนหันมาทะ- เอ่ะ!?!?!?” ก่อนที่พูดกำกับจะพูดจบเขาก็หยุดไป เหตุผลที่เขาหยุดไปก็เพราะว่าเขาเห็นชายอ้วนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการธนาคาร เมื่อเช้านี้ผู้กำกับได้รับคำสั่งว่า ห้ามยุ่งกับคนในรูป! และคนในรูปก็คือชายอ้วนที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการธนาคาร “ผู้กำกับคุณช่วย-” “ไปจับผู้จัดการธนาคาร!!” ก่อนที่ผู้จัดการธนาคารจะพูดจบ ผู้กำกับก็ขัดขึ้นก่อน เมื่อได้รับคำสั่งพวกตำรวจก็ทำตามคำสั่งทันที พวกเขาตรงไปทางผู้จัดการธนาคารและจับเขาใส่กุญแจมืออย่างรวดเร็ว “???” ผู้จัดการธนาคารทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ เพื่อนของเขาควรช่วยเขาสิ ทำไมเพื่อนของเขาถึงสั่งให้ลูกน้องจับเขาล่ะ? นี่มันอะไร? ในหัวของผู้จัดการธนาคารเต็มไปด้วยความสงสัย ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกเลย “เดี๋ยวก่อน!!" หยางเฟยหยุดพวกตำรวจเอาไว้ ตำรวจที่โดนหยุดหันมองไปทางหยางเฟย ไม่สิ! ตอนนี้คงที่หันมองไปทางหยางเฟยไม่ใช่แค่ตำรวจที่โดนหยุดเอาไว้เท่านั้น แต่เป็นทุกคนที่อยู่ในธนาคาร ทุกคนที่อยู่ในธนาคารต่างก็มองไปทางหยางเฟย หยางเฟยพูดต่อ “ถ้าพวกคุณเอาตัวผู้จัดการธนาคารไปสถานีตำรวจ ใครจะจ่ายเงินให้พวกเรา” “นักเรียนคนนี้พูดถูก” “ใช่ๆ ให้ผู้จัดการธนาคารจ่ายเงินมาก่อน พวกคุณค่อยเอาตัวเขาไปสถานีตำรวจ” “จ่ายเงินมา!!” “จ่ายมา!!” กลุ่มคนเห็นด้วยกับหยางเฟยทันที พวกเขาไม่ใช่คนโง่ พวกเขารู้ดีว่าถ้าผู้จัดการธนาคารโดนเอาตัวไปพวกเขาก็คงไม่ได้เงินอีก พวกเขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดหยางเฟย “ทุกคนใจเย็นก่อน กฎหมายมีขั้นมีตอน พวกคุณได้เงินแน่แต่มันต้องเป็นขั้นเป็นตอน” ผู้กำกับพูด “จ่ายเงินซะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ดังขึ้นคือเสียงของชายอ้วนที่แต่งตัวแปลกๆ ทันทีที่ได้ยินชายอ้วนพูดออกมา ผู้กำกับก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก อำนาจของเขาไม่สามารถต่อกรกับรัฐบาลกลางได้ ถ้ารัฐบาลกลางต้องการปลดเขาออกจากตำแหน่งรัฐบาลกลางก็สามารถทำได้เงินง่ายๆ ถ้าเขาทำให้ชายอ้วนที่เป็นคนของรัฐบาลกลางไม่พอใจ เขาต้องซวยแน่ๆ ผู้กำกับหันไปทางผู้จัดการธนาคาร จากนั้นก็พูดว่า “จ่ายเงินซะ” ผู้กำกับพูดใส่ผู้จัดการธนาคาร ใบหน้าของเขาจริงจังมาก ผู้จัดการธนาคารไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาแสดงท่าทางแตกต่างไปจากเดิมเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันซับซ้อนกว่าที่เขาคิด ผู้จัดการธนาคารมองไปทางหยางเฟย เขาคิดว่าเหตุผลที่เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปมันต้องเป็นเพราะเด็กอายุ 18 ปี คนนี้แน่ๆ ‘เด็กนี่มันเป็นใครว่ะเนี้ย ข้อมูลของมันเขียนเอาไว้ว่ามันเป็นแค่เด็กกำพร้าที่โดนรับเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมคนระดับผู้กำกับถึงกลัวมัน??? ’ ผู้จัดการธนาคารคิดในใจ “ผมจำได้แล้ว” หยางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงจำอะไรได้ ทุกคนหันมองไปทางหยางเฟยอีกครั้ง พวกเขาอยากรู้ว่าครั้งนี้หยางเฟยจะพูดอะไรออกมาอีก สิ่งที่หยางเฟยพูดออกมามันมีแต่เรื่องที่ทำให้สถานการณ์สนุกขึ้นทั้งนั้น “เมื่อวานผมไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ผมเห็นคุณกินข้าวอยู่กับผู้จัดการธนาคารและผู้จัดการธนาคารก็ส่งซองสีขาวให้คุณ” หยางเฟยชี้ไปทางผู้กำกับ “???” ผู้กำกับทำหน้าสงสัย เมื่อวานนี้เขากินข้าวอยู่บ้านทำไมเด็กนี้ถึงบอกว่าเห็นเขาอยู่กับผู้จัดการธนาคาร แถมยังบอกว่าเห็นผู้จัดการส่งซองสีขาวๆ ให้เขาอีก ใส่ร้าย! นี่มันใส่ร้ายชัดๆ! “นายพูดอะไรออกมา พ่อแม่ของนักเรียนคนนี้อยู่ไหน” ผู้กำกับพูด “ตายแล้ว” หยางเฟยตอบ “…ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน นายควรรู้เอาไว้ว่าพูดอะไรต้องมีหลักฐาน ถ้าไม่มีหลักฐานคำพูดของนายมันก็คือคำโกหก” ผู้กำกับสั่งสอน ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงสั่งให้ลูกน้องจับตัวหยางเฟยไปที่สถานีตำรวจ แล้วก็ให้ตำรวจใช้หมัดกับตีนปรับทัศนคติสักหน่อย แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติ เขาเลยยอมมองผ่านเรื่องนี้ “แต่ผมเห็นจริงๆ… แล้วซองสีขาวมันก็หนามากด้วย…” หยางเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ “หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้น…” “น่าจะใช่ ฉันเคยไปแจ้งตำรวจเรื่องผู้จัดการธนาคารไม่ให้เงินประกันชีวิต แต่คดีไม่ไปไหนเลย พอไปถามตำรวจก็บอกว่าสืบอยู่” “เหมือนกัน ผมก็ไปแจ้งตำรวจแล้วคดีไม่ไปไหนเหมือนกัน พอไปถามตำรวจก็บอกว่าสืบอยู่” “ไม่แปลกใจเลยมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผู้กำกับ กับ ผู้จัดการธนาคาร มันรวมหัวโกงพวกเรา” “ต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าว ไม่สิ! ก่อนจะเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าวเราต้องขวางพวกตำรวจเอาไว้ ถ้าพวกตำรวจเอาตัวผู้จัดการธนาคารไป ใครจะจ่ายเงินให้เรา” “ใช่ๆ ขวางประตูเอาไว้!!” “ไปขวางประตูไว้!! ใครมีเบอร์นักข่าวบ้าง?” “ฉันมี!!” “โทรหานักข่าวเลย” กลุ่มคนในธนาคารพูดคุยกัน บางคนก็ขวางประตู บางคนก็โทรหานักข่าว บางคนก็ขวางทางตำรวจเอาไว้ ในตอนนี้ คนที่เคลื่อนไหวไม่ได้มีแค่คนที่มาทวงเงินประกันเท่านั้น แต่คนที่ดูอยู่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน คนที่ดูอยู่เคลื่อนไหวก็เพราะว่า พวกเขาไม่ชอบการกระทำเหี้xๆ ของ ผู้กำกับ และ ผู้จัดการธนาคาร หยางเฟยหันไปทางชายอ้วน จากนั้นก็ถามว่า “จัดการที่เหลือได้ไหม?” “ได้ครับ” ชายอ้วนตอบแบบไม่ลังเล ตอนนี้ชายอ้วนก็เหมือนกันคนอื่นๆ เขาไม่ชอบการกระทำเหี้xๆ นี้เหมือนกัน ตำรวจที่เป็นโจรในเครื่องแบบแบบนี้มันต้องถูกลงโทษ “พ่อ และ แม่ ของผู้จัดการธนาคารใช้เงินของผู้จัดการธนาคาร ลูก และ เมีย ของผู้จัดการธนาคารก็ใช้เงินของผู้จัดการธนาคารเหมือนกัน คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม” หยางเฟยพูด “ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เงินทั้งหมดของผู้จัดการธนาคารจะถูกยึด เงินทั้งหมดของพ่อและแม่ของผู้จัดการธนาคารจะถูกยึด เงินทั้งหมดที่เมียและลูกของผู้จัดธนาคารมีอยู่จะถูกยึด” ชายอ้วนพูด “แค่ผู้จัดการ?” หยางเฟยถาม “…ผู้กำกับด้วยครับ” ชายอ้วนพูดแบบไม่เต็มใจ ผู้จัดการธนาคารเป็นเพียงพนักงานธนาคารเขามีเส้นสายแค่ในธนาคาร และนอกธนาคารนิดหน่อย แต่ผู้กำกับไม่ใช่ ผู้กำกับมีเส้นสายมากมาย เงินที่ผู้กำกับได้มันโดนส่งเป็นทอดๆ ถ้าเขาเลือกจัดการกับผู้กำกับ เขาจะต้องจัดการเส้นสายของผู้กำกับด้วย และถ้าเขาจัดการกับเส้นสายของผู้กำกับ มันก็ไม่ต่างจากการกวาดล้างเมืองทั้งเมือง เพราะเส้นสายของผู้กำกับมันฝังตัวอยู่ทั่วทั้งเมือง มันต้องเป็นเรื่องที่ปวดหัวมากๆ แน่ แต่ถ้าเอาเรื่องกวาดล้างไปเปรียบเทียบกับเรื่องดาวเทียมทั้งหมดตก เรื่องกวาดล้างปวดหัวน้อยกว่าหลายเท่า หยางเฟยไม่พูดอะไรอีก เขาเดินออกจากธนาคารทันทีหลังจากบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ “หยางเฟย!!” เมื่อหยางเฟยเดินออกจากธนาคารได้ประมาณ 10 ก้าว เสียงผู้หญิงก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเขา หยางเฟยหันมองไปทางด้านหลังของเขา เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านหลังหยางเฟยก็มีคำว่า ‘ใครว่ะ’ ดังขึ้นในหัวของเขา ผู้หญิงที่เรียกหยางเฟยคือผู้หญิงอายุประมาณ 18 ปี ผมยาวสีดำ รูปร่างดี หน้าอกขนาดพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ผิวสาวขาวเรียบเนียน สรุปสั้นๆ คือ เธอคือคนที่สวยมาก หยางเฟยพยายามนึกว่าเธอคือใคร แต่นึกเท่าไหร่เขาก็นึกไปออก เมื่อนึกไม่ออกเขาก็เรียกใข้งานอลิสโดยใช้ความคิดของเขา เขาบอกให้อลิสหาข้อมูลของผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเขา [ชื่อ : จางถงถง] [อายุ : 18 ปี 1 เดือน 12 วัน] [น้ำหนัก : 48 กิโลกรัม] [ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร] [สถานะ : เพื่อนร่วมชั้นของโฮสต์] หน้าต่างสี่เหลี่ยมปรากฏต่อหน้าของหยางเฟย หลังจากอ่านข้อมูลหยางเฟยก็รู้ว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์ยังไง เขาพูดว่า “เธอมาทำอะไรที่นี่” “ฉันพาแม่มาทวงเงินประกันชีวิตของพ่อ พวกเรามาที่นี่รอบที่ 7 แล้ว” จางถงถงตอบ “ออ~ ตอนนี้เธอว่างไหม?” หยางเฟยถาม “ก็… ก็น่าจะว่าง” จางถงถงตอบ เธอคิดว่าตอนนี้เธอน่าจะว่างเพราะตอนนี้เธอไม่มีธุระอะไร “ไปกินไก่ทอด KFG กัน ฉันเลี้ยงเอง” หยางเฟยชวน “ตอนนี้เลยเหรอ” จางถงถงแปลกใจ ในความทรงจำของเธอหยางเฟยเป็นคนเงียบๆ เธอจำได้ว่า ตั้งแต่เปิดเทอมเธอคุยกับเขาไม่กี่ครั้งเอง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะชวนเธอไปกินไก่ทอด KFG ที่มีราคาโครตแพง จริงๆ แล้ว จางถงถงอยากกินไก่ KFG ที่ราคาโครตแพงมานานแล้ว แต่ที่บ้านของเธอกำลังมีปัญหาเรื่องเงินเธอเลยยังไม่เคยกิน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องรักษามารยาท เธอคงตอบว่า ‘ไปค่ะ’ ทันทีที่โดนถาม “ใช่” หยางเฟยตอบ “ตกลง” จางถงถงตอบตกลง หลังจากนั้น ชาย 1 หญิง 1 ก็เดินไปที่ร้านไก่ KFG
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม