งานที่เหมาะกับนาย

1892 คำ
ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตาม ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืด ไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิม เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้น ไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วย เรื่องงานที่จะไปทำกับพี่เขตแดนนั่นก็อีกเรื่อง เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเจออะไรที่นั่นบ้าง แต่ยอมรับว่าเชื่อที่คุณหมอหนุ่มคนนั้นบอกอยู่ไม่น้อย เพราะลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็มีจุดที่แปลกอยู่บ้าง พี่เขตแดนให้เขาส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ จากนั้นก็ตกลงจะให้ตามไปทำงานด้วย ทั้ง ๆ ที่เข้าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และยังไม่ให้น้องชายตัวเองไปทำงานกับเขาอีก แต่ไทธัชก็ไม่อยากคิดหาคำตอบเรื่องนี้เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้เข้าจะลองไปสมัครงานที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลหรือไม่ก็หางานอื่นที่มันไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นอีก เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองแล้วว่าจากนี้จะใช่ชีวิตให้รอบคอบและระมัดระวังขึ้น เพราะไม่อยากให้มารดาและยายต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเอง เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเสียงดังมาจากในครัว เขารีบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนและล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยงานข้างนอกอย่างที่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก “ขอโทษทีครับแม่ ผมตื่นสายไปหน่อย” ไทธัชรีบเข้าไปช่วยมารดาหั่นหมูสำหรับทำแกงเทโพอย่างทะมัดทะแมง “ไท ไหนว่าไปค้างกับเพื่อนไง แล้วกลับมาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย” “กลับมาตอนห้าทุ่มครับแม่” “คราวหน้าคราวหลังถ้ากลับดึกอย่างนั้นต้องโทรให้แม่ไปรับนะลูก ยายเป็นห่วง” “ไม่ต้องห่วงหรอกครับยาย ผมโตแล้วอีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยวสักหน่อย” “โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กสำหรับยายและแม่นั่นแหละ” “ครับยาย ต่อไปผมว่าจะไม่กลับดึกอีกแล้วครับ” “ไม่ต้องติวแล้วเหรอ” คนเป็นมารดาถาม “ผมว่าจะอ่านเองดีกว่า บ้านไอ้แทนอยู่ไกลผมไม่อยากเสียเวลาเดินทาง” “อ้อ อย่างนั้นเอง แล้วคณะที่ไทเรียนมันมีที่เรียนพิเศษไหมลูก” “ไม่ต้องเรียนหรอกครับมา เสียดายตังอันไหนที่ผมไม่เข้าใจก็ไปถามครูที่โรงเรียนก็ได้” ไทธัชไม่อยากให้มารดาต้องเสียเงินไปกับการเรียนของตัวเองมากไปกว่านี้ “ถ้ามันไม่ไหวก็บอกแม่กับยายนะลูก” “ครับยาย” ไทธัชตอบรับขณะที่มือก็หั่นหมูอย่างชำนาญ กับข้าวเสร็จเรียบร้อยตอนเกือบจะหกโมงเช้า ไทธัชรีบช่วยมารดายกใส่หลังรถเพื่อไปให้ทันคนมาจ่ายตลาดในตอนเช้า “แม่ครับ มีคนจะสั่งคุกกี้เหมือนเมื่อวานเพิ่ม ของที่จะเอามาทำยังพอมีไหมครับ” “น่าจะหมดแล้ว เดี๋ยวพอขายเสร็จแม่จะแวะซื้อให้นะ” “ครับแม่” พอรถแล่นออกจากบริเวณบ้านไปแล้ว ไทธัชก็ปิดประตูรั้วก่อนจะกลับมาเก็บล้างทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในห้องครัวจนสะอาดเรียบร้อยจากนั้นก็ไปอาบน้ำและอ่านหนังสือรอมารดาและยายกลับมาทานข้าวมื้อสายด้วยกัน 16.30 น. “แม่ครับ ผมขอเอาคุกกี้ไปส่งนะครับ” เด็กหนุ่มเตรียมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จเมื่อตอนบ่ายลงในถุงหิ้วใบใหญ่ “ไปส่งที่ไหน ของเยอะอย่างนั้นแม่ว่าให้แม่เอารถไปส่งดีไหม” “เยอะที่ไหนกันครับแม่ เอารถยนต์ไปส่งมันไม่คุ้มค่าน้ำมันนะครับ” “แล้วไทจะเอาไปส่งที่ไหน” “ที่โรงพยาบาลครับมา” คำตอบของไทธัชทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาอย่างไม่เข้าใจ “เมื่อวานที่ผมเอาคุกกี้แม่ไป พอดีว่าเจอพี่ชายของเพื่อนอีกคนเลยแบ่งให้เขาไปถุงหนึ่งครับ เขาติดใจก็เลยอยากสั่งไปกินกับเพื่อน ๆ ครับ” เขารีบบอกก่อนที่มารดาและยายจะงงมากไปกว่านี้ “แม่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนเรามีพี่ชายทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล” “แม่จำได้ไหมครับที่เดือนก่อนที่ผมขอแม่ไปงานศพเพื่อน” “จำได้สิลูก เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนคนนั้นเหรอ” “ครับแม่” “น่าสงสารครอบครัวของเขาเหมือนกันนะ แล้วไทไปรู้จักได้ยังไงล่ะไหนว่าไม่สนิทกับเพื่อนคนนั้น” “ผมบังเอิญเจอเขาที่โรงเรียนครับ เขามาเก็บของใช้ของน้องชาย” “อ้อ ถ้าเป็นคนรู้จักไทก็ลดราคาให้เขาด้วยนะ” “ครับแม่” 17.15 น. ไทธัชมาถึงร้านกาแฟที่นัดกับอคิราห์ไว้ก่อนเวลานัดเล็ก น้อย เขายืนมองป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟที่ติดอยู่หน้าร้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าสมัครงานเองเพราะอยากลองสมัครด้วยตนเองเสียก่อน ชายวัยกลางคนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรอยิ้มที่ดูใจดี “สวัสดีครับ” ไทธัชยกมือไหว้ “สวัสดี มาสมัครงานเหรอ” เพราะดูจากเวลาแล้วคงไม่มีใครเข้ามาร้านกาแฟในเวลาที่กำลังจะปิดร้านอย่างนี้ “ครับ ผมมาสมัครงาน” “นั่งก่อนสิ” “ขอบคุณครับ” ชายตรงหน้าแนะนำว่าเขาชื่อพีรพลหรือพี่พีท พี่พีทเป็นเจ้าของร้านกาแฟและเบเกอร์รี่แห่งนี้ ที่ร้านตอนนี้มีพนักงานทั้งหมด 3 รวมทั้งตัวเจ้าของร้านด้วย แต่เพราะอีกสองคนจะเข้ามาทำงานตอน 10 โมงเช้าพี่พีทเลยอยากหาคนมาช่วยเขาในช่วงเช้าเพราะในชั่วโมงเร่งด่วนบางครั้งเขาทำคนเดียวไม่ทัน “เรื่องเวลาผมไม่มีปัญหาครับ แต่เรื่องชงกาแฟ ผมชงทำไม่เป็นเลย” “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่สอนได้ ถ้าเราตกลงรับงานพี่จะได้ป้ายหน้าร้านออก” “ผมตกลงครับ” ไทธัชรีบตกลงทันทีเพราะถ้าเจ้าของร้านออกปากว่าจะสอนเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร พีรพลเดินไปหน้าร้านเขายังไม่ทันไปเอาป้ายรับสมัครพนักงานออก อคิราห์ก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี “มาช้าไปนิดนะซัน พี่คงรับเด็กฝากของซันไม่ได้แล้วล่ะ พี่เพิ่งได้พนักงานคนใหม่เมื่อกี้เอง” อคิราห์ผิดหวังที่เขาไม่สามารถฝากงานให้กับไทธัชได้ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนรุ่นพี่ “ไม่เป็นไรครับ” “ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ ไหน ๆ มาแล้วก็มาช่วยพี่ชิมกาแฟหน่อยสิ พี่กำลังจะฝึกเด็กใหม่ชงกาแฟพอดี” “ครับพี่” พีรพลเปิดทางให้อคิราห์เข้ามาด้านในร้านขณะที่ตัวเองดึงป้ายที่หน้าร้านออกมาทิ้งขยะ “ไท มาอยู่ที่นี่ยังไง” “สวัสดีครับพี่ซัน ผมมาสมัครงานครับ” “อ้าวสองคนนี้รู้จักกันเหรอ” เจ้าของร้านถามอย่างแปลกใจ “ก็คนนี้แหละที่ผมจะฝากให้ทำงานกับพี่” “อะ จริงเหรอ พี่ไม่รู้ เห็นเดินมาสมัครคุยถูกคอก็เลยรับไว้ แล้วน้องก็ไม่บอกนะว่าซันแนะนำมา” “ผมไม่แน่ใจนี่ครับว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่าที่พี่ซันบอกหรือเปล่า” “ได้งานแล้วพี่ดีใจด้วยนะ เห็นไหมมีงานอีกมากที่เหมาะกับนาย” “ครับ” “เอาคุกกี้มาด้วยไหม” คนที่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยงถามขึ้น “เอามาครับ” ไทธัชยื่นถุงคุกกี้ให้กับอคิราห์ที่พอรับไปก็แกะถุงออกมาทานทันที “หอมจัง เอามาชิมหน่อย” เจ้าของร้านกาแฟดึงถุงในมือของหมอหนุ่มแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นเล็กขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อยไหมครับ” เจ้าของคุกกี้ถามแล้วก็รอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น “อร่อยมาก ทำเองเหรอ” “แม่ทำครับ ผมแค่เป็นลูกมือ” “สนใจเอามาวางขายที่นี่ไหม” “ได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น “ได้สิ ปกติพี่ก็รับของคนอื่นมาวางขายเพราะทำไม่ไหว” “แล้วเจ้าอื่นเขาจะมาว่าเอาเหรอครับ” “ไม่หรอก เพราะพี่ไม่ได้ผูกขาดกับใคร เจอขนมร้านไหนถูกใจก็สั่งมาวางขาย” พีรพลเป็นคนง่ายๆ “ขอบคุณครับ วันนี้ผมโชคดีมากได้ทั้งงานและยังได้ออเดอร์ขนมไปฝากแม่อีก” ไทธัชยิ้มหน้าบาน เขาฝึกชงกาแฟอยู่อีกนับชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับเพราะวันนี้ไม่ได้บอกแม่ไว้จะกลับบ้านค่ำ “พี่ซันต้องกลับไปทำงานอีกเหรอครับ” ไทธัชถามชายหนุ่มขณะที่เดินมาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์ “อือ ตอนสองทุ่มมีผ่าตัด” “อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากออกมาหาผมเลย” พอรู้ว่าอีกคนออกมาจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังมีงานค้างอยู่ก็รู้สึกเกรงใจ “ไม่ลำบากหรอก พี่อยากแน่ใจด้วยว่างานที่นายทำมันเหมาะกับนายจริง” “ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง มีอะไรที่ผมจะทำให้พี่ได้บ้างไหม” ไทธัชถามด้วยสีหน้าจริงจัง ชายตรงหน้าเขานับว่าเป็นผู้มีพระคุณลำดับที่ 3 ของเขาเลยทีเดียว “ก็อย่างที่บอกไง เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน” “ครับ” “รถมาแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะแล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาทำงานนะ” “ครับ พี่ซันก็ตั้งใจทำงานนะครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปยังรถเมล์ที่อัดแน่นเหมือนปลากระป๋อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม