Episode 05 ยินดีจ่าย
ร่างบอบบางยังคงเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มโต๊ะต่างๆ อย่างขยันขันแข็ง ถึงแม้ตอนนี้จิตใจของเธอจะไม่ได้เข้มแข็งตามการแสดงออกของเธอเลยก็ตามที
“เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ” ใบหน้าหวานที่ยังคงแสดงให้เห็นถึงดวงตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้กับลูกค้าตามปกติ ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเงยหน้าเจอคนที่เหมือนจะคุ้นเคยก็ไม่เชิง จะรู้จักก็ไม่ใช่เพราะเธอเคยเจอหน้าเขาแค่สองสามครั้งเท่านั้น แต่เพราะบุคลิกที่ชัดเจน และแตกต่างจากคนอื่นทำให้เธอสามารถจำเขาได้เป็นอย่างดี “สวัสดีค่ะเสี่ย ขอให้สนุกนะคะ”
“จำฉันได้เหรอ” ราชสิงห์เอียงคอมองใบหน้าหวานด้วยสายตามีคำถาม ไม่ใช่เพราะสาเหตุที่เธอจำเขาได้ แต่เป็นเพราะร่องรอยร้องไห้บนใบหน้าของเธอจึงทำให้เขาอยากคุยกับเธอต่อ
“เราเคยเจอกันสองสามครั้งหนูเลยจำได้ค่ะ” มะลิตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะก้มศีรษะเป็นการกล่าวลาเล็กน้อยพร้อมกับถือถาดเดินกลับออกไป ไม่ได้อยู่สนทนาต่อให้มากความ
“สวัสดีค่ะเสี่ย รู้จักน้องพนักงานเสิร์ฟคนนั้นเหรอคะ” โฉมศรีที่บังเอิญเห็นราชสิงห์มานั่งดื่มที่นี่เพียงลำพังตั้งใจจะเดินเข้ามาทักทาย แต่ก็เว้นระยะเอาไว้เมื่อเห็นเขาพูดคุยอยู่กับมะลิก่อนหน้านี้ เมื่อมะลิเดินจากไปเธอถึงได้เดินเข้ามาทักทาย
“มาดื่มเหรอ” ราชสิงห์เลือกที่จะปฏิเสธการตอบคำถามของโฉมศรีด้วยการถามคำถามกลับไปแทน
“ก็ใช่น่ะสิคะ แอบมามองหาเด็กให้เสี่ยด้วย รอบนี้ส่งใครไปก็ไม่สนใจเลย” โฉมศรีแสร้งทำน้ำเสียงตัดพ้อ
“นั่นสิ กี่คนก็ไม่ถูกใจ ไม่มีใครแทนได้จริงๆ หงุดหงิดชะมัด” ราชสิงห์กระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชตัวเอง พร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบไปพลางๆ
“พูดแบบนี้หมายความว่าเสี่ยมีเด็กในใจแล้วเหรอคะ?” โฉมศรีตาเบิกโพลงทันทีที่ได้ยินราชสิงห์พึมพำออกมาแบบนั้น
“ก็ไม่เชิง แต่ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะมีแฟนแล้ว ฉันไม่ชอบแย่งของใคร และก็ไม่บังคับใครเธอก็รู้นี่”
“แบบนี้นี่เอง งั้นโฉมจะพยายามหาให้สุดความสามารถเลยนะคะ ว่าแต่ตอนนี้มีคนที่ถูกใจเสี่ยบ้างไหมคะ”
“ทำไม”
“อย่างเด็กคนเมื่อกี้ที่มาเสิร์ฟเครื่องดื่มหน้าตาก็ตรงตามที่เสี่ยบรีฟมาเลยไม่ใช่เหรอคะ แถมน้องยังนิสัยน่ารักมากด้วยนะคะ ว่านอนสอนง่ายแน่ๆ”
“หมายความว่าไง?” ใบหน้าคมคายขมวดหัวคิ้วหนาด้วยความข้องใจที่จู่ๆ โฉมศรีก็ดันพูดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา
“จริงๆ น้องมันก็เป็นเด็กดีอย่างที่โฉมบอกนั่นแหละค่ะ ไม่ได้อยากแนะนำให้น้องมันทำแบบนี้ แต่ที่บ้านน้องมีปัญหาต้องใช้เงินมาขอให้โฉมช่วยหางานให้ แต่โฉมก็ทำอยู่งานเดียวเลยไม่รู้จะแนะนำงานอะไรให้น้องมันดี” โฉมศรีอธิบายด้วยน้ำเสียงหนักใจ เพราะเอ็นดูมากเลยไม่อยากให้เธอต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ ถึงแม้ปากจะบอกว่าเต็มใจ แต่ถ้าทำไปเพราะจำใจมันก็ยากที่จะทำให้เธอยอมรับและมีความสุขกับมัน
“เด็กคนนั้นต้องการเท่าไหร่”
“เห็นบอกคร่าวๆ ว่าห้าแสนค่ะเสี่ย แต่โฉมก็ไม่ได้สนิทกับน้องมากขนาดจะให้ยืมเงินห้าแสนได้”
“ถ้าดีลเด็กคนนั้นมาได้ฉันจะให้เธอพิเศษด้วย และถ้าเด็กคนนั้นตกลงฉันยินดีจ่ายมากกว่าห้าแสน”
“สะ…เสี่ยพูดจริงเหรอคะ!” ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ หนำซ้ำก้อนเนื้อในอกยังเต้นระรัวเมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่ตัวเองจะได้เพิ่มจากเขา
“แต่จำไว้…ว่าฉันต้องการคนที่สมัครใจ และเต็มใจเท่านั้น”
“รับทราบค่ะเสี่ย เดี๋ยวโฉมจะลองไปคุยกับน้องมันให้ค่ะ” จากเดิมที่ลังเลจะชวนมะลิมาทำงานนี้ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนโฉมศรีจึงนึกถึงเพียงเม็ดเงินที่ตัวเองจะได้รับเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกเห็นใจมะลิที่ต้องทำงานแบบนี้อีกต่อไป เช่นเดียวกันกับราชสิงห์ที่กำลังใช้ความเห็นแก่ตัวของตัวเองเป็นข้ออ้างให้ได้หญิงสาวมาครอบครอง
ราชสิงห์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทว่าสายตาของเขายังคงจับจ้อง และมองไปตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาวตัวเล็ก ยิ่งได้เห็นแววตาแดงก่ำที่สะท้อนถึงความอ่อนแอ กับการแสดงออกที่แสร้งว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันยิ่งทำให้เขาอยากยื่นมือเข้าไปโอบอุ้มเธอเอาไว้
และถ้าเธอเลือกที่จะเดินมาหาเขาด้วยตัวเอง ผู้ชายที่เคยไปส่งเธอก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป เพราะตอนนี้ความต้องการของเขาในตัวเธอมันมากเกินกว่าที่เขาจะต้องมานั่งรู้สึกผิดชอบชั่วดีในเมื่อโอกาสที่เธอจะเป็นของเขามันเข้ามาหาเขาเอง