“ น้ำแตงโมปั่นที่เธอชอบ และนี่ก็ของเธอสองคน”
สิงหายื่นน้ำแตงโมปั่นให้ฉัน และยื่นน้ำมะพร้าวให้ใบพัดกับพู่กัน
“ ขอบใจนะแล้วนายกินอะไร”
“ กินน้ำเปล่าน่ะ เราไม่ค่อยชอบกินอะไรหวานๆ”
หลังสิ้นบทสนทนา พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว แต่คงจะเป็นฉันนี่แหละที่รีบกินกว่าเพื่อน เพราะไม่อยากทนกับสายตาที่จ้องฉันแบบนี้
“ เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หลังจากที่รีบกินรีบอิ่ม ฉันก็ลุกไปเข้าห้องน้ำทันที
ปั้ง!!
“ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้เนี่ย ”
อยู่มหาลัยติดกันก็สองปีกว่าแล้ว แต่ไม่เคยเจอเขาเลยสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่ามันซวยอะไร พอได้เจอกันครั้งหนึ่งแล้วก็เหมือนจะเจอกันอีกเรื่อยๆ
ซ่า!!
ฉันทำธุระเสร็จ ก็ส่องกระจกดูความเรียบร้อยสักหน่อย หน้าฉันก็ยิ่งโทรมเข้าไปทุกวันแล้ว ก็ผลจากการนอนดึกนั่นแหละ
ปึก!!
“ โอ้ยนี่นาย จะมายืนขวางฉันทำไมหลีกไปนะ”
พอฉันหันกลับมา ก็ชนเข้ากับปกป้องพอดี
“ ไอ้นั่นแฟนเธอหรอ มันก็ดูรวยดีนี่ ทำไมปล่อยให้แฟนไปทำงานแบบนั้น เป็นแฟนภาษาอะไรกัน”
“ เราไม่ใช่แฟนกัน เราเป็นเพื่อนกันจบไหม
ต่อให้เป็นแฟนจริง ฉันคงไม่เกาะแฟนกินไปตลอดหรอกนะ หลีกไปได้แล้ว”
ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่วางตา ไม่รู้เขาจะตามรังควานอะไรฉันนักหนา ขอโทษก็ขอโทษไปแล้ว
“ ผู้หญิงเห็นแก่เงินแบบเธอน่ะหรอ ที่จะไม่เกาะแฟนกิน ไอ้นั่นมันก็ดูชอบเธอมากกว่าเพื่อนอยู่แล้วนิ ทำไมไม่ขอเงินมันใช้ล่ะ ดีกว่าจะไปเปลืองตัวกับผู้ชายคนอื่น”
ที่เขาพูดออกมาแต่ละคำ มันใช้ได้ที่ไหนกัน
“ ฉันจะทำยังไง มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันมั้ย
แล้วนายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย หรือว่าจริงๆแล้วนายยังชอบฉันอยู่ ”
คราวนี้ฉันถามอย่างไม่ยอม จนคนที่เอาแต่ยืนขวางฉัน ถึงกับหน้าดำหน้าแดง ก็คงโกรธนั่นแหละที่ฉันพูดถึงเรื่องนั้น
“ อย่าสำคัญตัวให้มาก คนอย่างฉันไม่เอาผู้หญิงเห็นแก่เงินมาเป็นแฟนหรอก ”
พูดจบเขาก็เดินหนีไปด้วยความโมโห
“เฮ้อ!!”
ฉันได้แต่ถอนหายใจ ต่อไปคงไม่ออกมากินข้าวข้างนอกแล้วแหละ อะไรที่ไม่อยากเจอก็ได้เจอ
สุดกว่านี้มีอีกไหม ชีวิตของฉัน
“ อิ่มกันหรือยัง กลับกันเลยไหม”
พอออกจากห้องน้ำมา ฉันก็รีบชวนเพื่อนๆกลับ
“ ไปดิ อิ่มกันหมดแล้วเนี่ย รอเธอคนเดียวนั่นแหละไปเข้าห้องน้ำนานจัง ว่าจะให้ใบพัดไปตามอยู่แล้วเชียว”
สิงหาพูดขึ้น จนมีบางคนแอบมองอย่างหมั่นไส้
“ แหมก็ห่วงจนออกนอกหน้าเนาะ เพื่อนแค่ไปเข้าห้องน้ำจ๊ะสิงหา ไม่ได้ไปเข้าโรงแรมสักหน่อย”
ใบพัดพูดแซวอย่างหยอกล้อ
“ แพรกลับก่อนนะคะคุณไดจิ แล้วก็ทุกคนด้วยนะคะ”
ฉันรีบบอกลาโต๊ะเจ้านาย
“ ครับ/ค่ะ”
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับเข้ามหาลัย และฉันก็ซ้อนท้ายสิงหากลับเหมือนเดิม
“ พูดมาไอ้ปกป้อง มึงดูสนใจผู้หญิงคนนั้นเป็นพิเศษ”
พอกลุ่มของผ้าแพรกลับไป ไอ้ซันเดย์ก็เค้นถามผม เกี่ยวกับเรื่องของผ้าแพร
“ กูจะสนอะไร มึงก็ถามไอ้ไดจิดิ ก็แค่เด็กที่ร้านมัน เมื่อวานมันให้กูไปช่วยดูให้ ก็ได้พูดกันนิดหน่อยก็แค่นั้นเอง”
ผมคิ้วขมวดตอบเพื่อน
“ แค่นั้นจริงเหรอวะ แต่อาการมึงออกนะ
มึงสนใจเขาหรือเปล่า ”
คราวนี้เป็นไอ้ภูมิที่ถาม
“ แล้วมึงยุ่งอะไรด้วยสัส ไปเอาเด็กที่ห้องของมึงให้อยู่เถอะ ได้ข่าวว่าดื้อไม่ใช่หรอ”
ได้ทีเอาคืนเลยผม ไอ้พวกเพื่อนนี่ชอบเสือก
คนไม่ได้สนใจ ก็จะบังคับให้ผมสนใจอยู่นั่นแหละ
“ ไปกันได้แล้ว จะบ่ายโมงอยู่แล้วคุยกันอยู่นั่นแหละ”
และไอ้สายธารก็พูดขึ้น ส่วนพวกเวรนี่ก็ยังถามผมไม่ยอมหยุด จนตอนนี้มาถึงมหาลัยแล้ว
ไอ้ภูมิก็ยังเซ้าซี้ผมอยู่นั่นแหละ
“ ตอบมาไอ้ปกป้อง มึงชอบเธอคนนั้นหรอ
มึงตามเธอไปห้องน้ำกูเห็น อย่าให้กูต้องพูดกูไปดูดบุหรี่พอดี จะให้กูพูดไหมว่ามึงคุยอะไรกับเธอกูได้ยินหมด”
และไอ้ภูภูมิก็พูดขึ้น
“ เชี้ย!! แล้วมึงไปเห็นกูตอนไหนวะ”
ผมก็ว่ามองซ้ายมองขวาแล้วนะ ก็ไม่เห็นมีใครเดินตามไป แต่เพื่อนเวรก็ดันตาดีไปเจอ
“ ป่าวหรอกกูแกล้งมึง สรุปมึงสนใจคนนั้นเหรอวะ”
และมันก็เสือกฉลาดด้วย ผมจะทำยังไงกับไอ้เพื่อนเวรนี้ดี
“ กูไม่ได้สนใจ และกูก็ไม่คิดจะสนใจด้วย
จบป่ะ มีอะไรจะถามกูอีกไหม ”
“ เชื่อตายแหละสัส อาการโคตรออกแต่ไม่ยอมรับ ”
แล้วไงใครจะแคร์ สนใจแบบไหนก็ว่ากันอีกที
แต่คงไม่ได้สนใจในตัวเธอแน่ แค่อยากเอาคืน
“ กูไม่สนและกูก็ไม่ยอมรับ ไปเรียนได้แล้วบ่ายโมงแล้วเนี่ย”
ผมเริ่มหงุดหงิดละถามอยู่นั่นแหละ หลังจากเรียนเสร็จพวกเราก็ไปซ้อมบาสกันนิดหน่อย เพราะอาทิตย์หน้าพวกไอ้เจมส์ มาชวนแข่งบาส
แต่ไม่ได้อยู่มหาลัยเดียวกันหรอก มหาลัยข้างกันนี่แหละไม่ไกลกันมาก
“ นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพวกพี่ไปซ้อมแค่ชั่วโมงเดียวก็เสร็จ”
วันนี้แฟนของเพื่อนก็มานั่งเชียร์เต็มเลย พวกเราซ้อมกันประมาณชั่วโมงนึง พอมีกำลังหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
“ ไอ้ปกป้องวันนี้มึงเข้าผับป่าววะ”
ไอ้ไดจิก็ถามซะ เหมือนกับผมเป็นหุ้นส่วนอย่างนั้นแหละ
“ ไม่ได้เข้าอ่ะ วันนี้กูจะกลับบ้าน”
พักนี้ผมไม่ค่อยได้กลับบ้าน ป๊าจึงให้น้องชายตัวแสบของผมโทรมาตาม
“ เอองั้นกูไปก่อน”
หลังจากนั้นผมก็กลับไปอาบน้ำที่คอนโด และเตรียมตัวกลับบ้าน
“ พี่ปกป้องคะ”
ผมถึงกับยืนอึ้ง เมื่อได้ยินเสียงหวานของใครเรียกผมจากทางด้านหลัง ในขณะที่ผมกำลังจะขึ้นรถ เตรียมขับกลับบ้าน
“ พริ้มพลอย มาได้ไงครับ”
ผมถามขึ้นเสียงดัง เธอรู้จักคอนโดผมได้ไงกัน
“ พี่ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะว่าพริ้มมาได้ไง ทำไมพี่ไม่ตอบ LINE พริ้ม และพี่ก็ไม่อ่าน LINE ด้วย”
เธอยืนกอดอกทำหน้างอ จนผมสำนึกผิดแทบไม่ทัน
“ พี่ไม่ค่อยว่างจริงๆครับ อีกอย่างพี่ก็เรียนหนักมากด้วย เอางี้มั้ยเดี๋ยวพี่ไปเลี้ยงข้าว”
พอได้ได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็ยิ้มขึ้นมาหน่อย
“ ตกลงค่ะ”
และผมก็พาเธอไปเลี้ยงข้าว ก็แถวคอนโดผมนั่นแหละ เพราะผมยังต้องกลับบ้านอีกไปไหนไกลไม่ได้
“ อร่อยไหมครับ”
เธอพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู ก็แบบนี้จะให้ผมทำร้ายเธอลงได้ไง รู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวเสียมากกว่า
“ ทีหลังไม่มาหาพี่ที่นี่แล้วนะครับ ขืนไอ้ภูมิรู้มันเอาพี่ตายแน่ มันหวงน้องสาวจะตายพริ้มก็รู้”
ผมรีบอธิบายให้เธอฟัง ไม่อยากต้องไปมีปัญหากับเพื่อนทีหลัง
“ เข้าใจค่ะ แต่ต่อไปถ้าพริ้มไลน์มาพี่ต้องรับ
แต่ถ้าพี่ไม่รับ พริ้มก็จะมาหาพี่ที่คอนโดตกลงไหมคะ”
น้องไอ้ภูมิ ก็ดื้อเหมือนไอ้ภูมิไม่มีผิด
ผมต้องกุมขมับให้กับพี่ และก็ต้องกุมขมับให้กับน้องอีก เฮ้อ!!
“ ตกลงครับต่อไปพี่จะอ่าน LINE ทุกวันและก็ตอบทุกวันด้วย”
ผมไม่ค่อยอยากเข้าไปอ่านจริง รู้แหละว่าเธอ LINE มาทุกวัน แต่หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง เพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง
“ งั้นพริ้มกลับนะคะ”
ผมยืนรอจนเธอขึ้นแท็กซี่ไป และผมก็เดินมาที่รถตัวเอง และรีบขับกลับบ้าน เพราะตอนนี้ก็มืดมากแล้ว
“ ป๊าม๊าสวัสดีครับ”
พอกลับมาถึงบ้าน ป๊ากับม๊าก็นั่งดูทีวีรออยู่ที่ห้องรับแขก
“ กลับมาได้ซักทีนะ ไปเรียนอะไรไม่คิดจะกลับบ้านเลย ได้ข่าวว่าเที่ยวหนักเหรอช่วงนี้”
“ ม๊าไปฟังใครพูดมาครับ ผมเรียนหนักต่างหาก”
และนี่ก็เป็นทีเด็ดของผม พอกลับมาถึงก็อ้อนให้หนักเลย กอดด้วยหอมด้วยจนแก้มม๊าช้ำไปหมดแล้ว
ฟ้อด ฟ้อด ฟ้อด
“ เลิกทำตัวเป็นเด็กซะป๊ามีธุระจะคุยด้วย
ตามป๊าไปที่ห้องทำงาน ”
แกล้งม๊าได้ไม่นาน ป๊าก็บอกให้ตามขึ้นไปที่ห้องทำงาน ใช่ครับอีกไม่นานเท่าไหร่ผมก็จะจบปีสี่แล้ว
เตรียมออกมาช่วยงานป๊าอย่างเต็มตัว หลังจากนี้คงไม่มีเวลาเล่นแล้ว