‘ฟลินน์ เบรดฟอร์ด’ กวาดตามองเหล่าแขกเหรื่อที่ตอนนี้รายล้อมอยู่รอบๆ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ภายในบ้านพักตากอากาศสุดหรูในแฮมป์ตันของเขาด้วยความรู้สึกครึกครื้น บ้านของเขาหลังนี้ซื้อเอาไว้สำหรับพักผ่อน ถึงแม้ว่าร้อยละเก้าสิบของการมาพักที่นี่จะต้องมีปาร์ตี้พ่วงมาด้วยก็ตาม
เสียงดนตรีหนักๆ เป็นจังหวะเพลงสนุกสนานจากดีเจชื่อดังที่จ้างมาทำให้เจ้าของปาร์ตี้วันเกิดถึงกับยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความสนุกสนาน ข้างกายของเขาในตอนนี้มีหญิงสาวรูปร่างสุดเซ็กซี่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ เกาะอกตัวเล็กหมิ่นเหม่ดันทรวงอกอวบของเจ้าหล่อนขึ้นมาจนล้น และในตอนนี้ทรวงอกนั่นก็กำลังถูไถแนบชิดกับต้นแขนของเขาราวกับกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่
แน่นอนว่าฟลินน์ย่อมต้องสนใจคู่ควงของเขาอยู่แล้ว!
ชายหนุ่มก้มหน้าลงจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของหญิงสาวรินรดซอกคอของเขา ริมฝีปากอิ่มเย้ายวนกระซิบถ้อยคำข้างๆ หู
“ฟลินน์...” เสียงหวานเรียกชื่อเขาราวกับคราง ปลายนิ้วชี้กรีดลงบนอกที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมลวกๆ ไม่ติดกระดุมสักเม็ด เผยให้เห็นแผงอกแน่นกำยำและซิกแพ็กซ์ที่ได้มาจากความพยายามออกกำลังกายสามวันต่อสัปดาห์ของเขา
สัมผัสของปลายเล็บที่กรีดไปมาไปทั่วแผงอก ยั่วเย้าให้ฟลินน์
คลั่งไคล้และนึกอยากจะ ‘กิน’ เธอเดี๋ยวนี้เลย!
ฟลินน์เหยียดยิ้มแล้วใช้สองมือคว้าเอาเล็กคอดของอีกฝ่ายแล้วดึงเธอขึ้นมานั่งเกยบนตักของตัวเอง
เขาก้มหน้าลงจนชิดกับใบหน้าของอีกฝ่าย อีกนิดเดียวริมฝีปากของเขาก็จะสัมผัสกับกลีบปากนุ่มแสนเย้ายวนของนางแบบสาวสุดฮอตหนึ่งในนางฟ้าคนใหม่ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังแล้วแท้ๆ จู่ๆ เสียงเพลงที่เปิดดังไปทั่วทั้งงานก็ดับวูบ ฟลินน์ถึงกับหยุดชะงักแล้วมองไปทางเวทีที่ควรจะมีดีเจชื่อดังที่เขาจ้างมาคุมอยู่ คิ้วเข้มของเพลย์บอยหนุ่มขมวดมุ่น เมื่อบนเวทีนั้นกลับไม่ปรากฏร่างของดีเจคนนั้น
ทว่าก่อนที่จะเขาละความสนใจจากเวที จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพรวดพราดขึ้นไปอยู่บนนั้น ฟลินน์เห็นหน้าเธอไม่ชัดเพราะแสงไฟสลัว ทว่าวินาทีต่อมาไฟในงานก็สว่างจ้า เขาจึงได้เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวตัวเล็กมากดูแคระแกร็นเหมือนคนขาดสารอาหาร เธอดูสูงพ้นไหล่เขามาไม่เท่าไรเองกระมัง
ชายหนุ่มดันร่างนางแบบสาวให้ลงไปจากตักของตน สายตาจับจ้องไปทางเวทีเพื่อที่จะไปจัดการผู้บุกรุกที่เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้รับการ์ดเชิญของเขาแน่ๆ ทุกสิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำที่เธอจู่โจมยึดครองเวทีในงานวันเกิดของเขา!
ทว่ายังไม่ทันที่ฟลินน์จะได้ตรงไปจัดการตัวขัดขวางความสุข เจ้าหล่อนก็คว้าไมค์ขึ้นมาแล้วเรียกชื่อเขาดังลั่น
“มิสเตอร์ฟลินน์ เบรดฟอร์ด!”
น้ำเสียงของเธอกราดเกรี้ยว ฟลินน์ยังไม่ทันแม้แต่จะแสดงตัวเสียงของเธอก็ดังไปทั่วงานต่อไปว่า
“ฉันรู้ว่าคุณต้องได้ยิน และไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังจะมุดหัวอยู่กับยายโคนมที่ไหนก็ตาม...”
ยายโคนม ฟลินน์ขมวดคิ้ว ก่อนจะอดปรายตามองนางแบบสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้ แล้วพอเหลือบมองหน้าอกหน้าใจใหญ่โตล้นหลามนั่น ก็อดรับไม่ได้ว่ามันก็โตมากจริงๆ เฮ้ย! เขาไม่ควรคิดบ้าอะไรแบบนี้ เขาควรจะโทร.ให้บอดี้การ์ดสักคนโผล่หัวออกมาลากตัวยายบ้าที่ไปร้องแหกปากบนเวทีมากกว่าจะมาคิดถึงโคนมอะไรอย่างที่ยายนั่นกำลังพล่ามอยู่ในตอนนี้!
ทว่ายังไม่ทันแม้แต่จะคว้าเอาโทรศัพท์ที่น่าจะตกอยู่แถวๆ โซฟาที่นั่งอยู่ ฟลินน์ถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อยายบ้าบนเวทีประกาศออกมาเสียงดังลั่นว่า
“กรุณาโผล่หน้าของคุณออกมาพบหน้ากับ ‘เมีย’ ของคุณได้แล้ว!”
“…”
“ใช่! คุณฟังไม่ผิดหรอก คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ จะฟันแล้วทิ้งเหมือนพวกยายโคนมที่คุณเคยฟันไม่ได้!”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว ในขณะที่คนฟังตาพองด้วยความโกรธ หลายคนที่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนหันขวับมาทางเขาทันทีด้วยสีหน้าตื่นตะลึงเช่นเดียวกัน
‘จะตะลึงอะไรกันวะ! ฉันต่างหากที่ควรจะตกตะลึง! ยายบ้านั่นโกหก! ฉันไม่มีทางเอากระดานอย่างนั้นมาขึ้นเตียงเด็ดขาด!’
“แล้วกรุณาออกมารับผิดชอบกับการกระทำของคุณด้วยเพราะตอนนี้...”
“…”
“ฉัน-ท้อง-แล้ว!”
Holy shits[1]!
ฟลินน์ถึงกับสบถเสียงดังลั่นดวงตาพองจนแทบจะหลุดออกจากเบ้าในตอนที่ก้าวตรงไปยังหน้าเวที เผชิญหน้ากับคนที่มาประกาศว่ากำลังตั้งท้องลูกของเขา
‘ลูกของฉันน่ะเหรอ?!’
ไม่หรอก...ไม่มีทาง...มัน-เป็น-ไป-ไม่-ได้!
ฟลินน์เหวี่ยงร่างเล็กของคนที่สูงพ้นไหล่ของเขาไปไม่เท่าไรนักเข้าไปภายในห้องทำงานซึ่งอยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์หรู แล้วก้าวตามเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงปิดประตูเสียงดังสนั่นเป็นการระบายอารมณ์ โชคดีที่ประตูของห้องทำงานแข็งแรงมากพอมันจึงไม่ได้พังไปเพราะแรงกระแทกอย่างรุนแรงนั้นเสียก่อน แถมยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการตัดเสียงดนตรีอึกทึกจากข้างนอกไปจนหมดสิ้น ส่งผลให้ตอนนี้ภายในห้องทำงานอันกว้างขวางแต่ไม่เคยใช้ประโยชน์นอกจากเอาไว้เก็บเหล้าราคาแพงเท่านั้นมีแต่ความเงียบจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักผสมกับเสียงลมหายใจกระชั้นถี่ของ ‘ยายแคระ’ ตรงหน้า!
“สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะยายแคระ!” ฟลินน์เข้าไปประชิดร่างเล็ก ไล่ต้อนเธอที่พยายามถอยหนีไปเรื่อยๆ ด้วยท่าทีคุกคาม “ใครใช้ให้เธอมาก่อกวนฉันถึงที่บ้านหลังนี้ หา!” ตอนท้ายเขาตะโกนใส่เธอดังลั่น
แต่แทนที่จะกลัว เจ้าของดวงหน้าอ่อนใสมิหนำซ้ำยังดูอ่อนเยาว์เสียจนเขาไม่กล้าคาดเดาอายุของเธอเพราะเกรงว่ามันจะต่ำกว่าสิบแปดปีก็เชิดขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย ดวงตาโตๆ แต่ปลายหางตาชี้เฉียงขึ้นคล้ายกับดวงตาของแมวน้อยนั้นจ้องมองเขาเขม็ง เธอเชิดหน้าแทบจะขนานกับพื้นโลกแล้วกอดอก ตอบโต้เขาว่า
“ไม่มีใครใช้ทั้งนั้นแหละ แต่ฉันมาของฉันเองเพราะคุณควรจะ
ต้องรับผิดชอบ”
“รับผิดชอบอะไรมิทราบ?!”
มหาเศรษฐีหนุ่มย้อนด้วยความสงสัย กวาดตามองไปทั่วร่างของเธอด้วยสายตาพินิจพิจารณา โดยเฉพาะหน้าท้องแบนราบที่ตอนนี้ไม่ได้ดูมีท่าทีจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรนอกจากพยาธิในลำไส้ เธอไม่มีทางท้องอย่างที่ป่าวประกาศไปทั่วงานต่อหน้าคนครึ่งร้อยว่าเขาเป็นคนทำให้เกิดขึ้นหรอก!
แค่เห็นเธอเขาก็ขนลุกแล้ว
รสนิยมเขาคือบริโภคเนื้อ นม ไข่ กินแล้วให้พลังงานต่อร่างกาย ไม่ใช่เขมือบสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ราบเรียบประหนึ่งไม้จิ้มฟันตรงหน้าอย่างยายเด็กนี่!
“คุณทำให้ฉันท้อง”
คำพูดยืนยันอย่างหน้าด้านๆ ของเธอทำให้ฟลินน์ถึงกับตาพองโต เขาถลึงตาใส่เธอจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า
ชายหนุ่มเค้นเสียงรอดไรฟันที่ขบกันแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้หักคอยายจอมโกหกตรงหน้า “ฉันไม่เคยมีอะไรกับเธอ หน้าเธอฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ชื่อเธอฉันก็ไม่รู้จัก แล้วฉันจะไปทำให้เธอท้องได้ยังไง คิดว่าฉันเป็นปลากัดเหรอ ที่จ้องหน้าปุ๊บก็ท้องได้ปั๊บน่ะ ไม่สิ! ขนาดปลากัดจ้องตากันเฉยๆ ก็ไม่ได้ท้องเลย แต่เธอจะข้ามขั้นมาบอกว่าท้องกับฉันได้ยังไง?! หา!”
ยายแคระพอโดนเขาต้อนกลับไม่มีท่าทีหวาดหวั่น เขาเห็นเธอกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เชิดหน้า บิดริมฝีปากเหยียดยิ้มมองเขาอย่าง
ท้าทายก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยเป็นอย่างยิ่งว่า
“ถึงตอนนี้ไม่ท้อง อนาคตก็ท้องอยู่ดี”
“…”
“เพราะว่าฉันเป็น ‘เมีย’ ของคุณ”
Damn!
ฟลินน์ตาเหลือกแทบจะสำลักลมหายใจของตัวเองกับประกาศของหญิงสาว
บ้า…ยายแคระตรงหน้านี่ต้องเป็นบ้าแน่ๆ !
และจะต้องมีใครสักคนสมควรส่งเธอไปให้ตำรวจได้แล้ว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมาอาละวาดแล้วไล่กัดแพร่เชื้อบ้าใส่เขา พระเจ้า! บอกเขาทีว่านี่ไม่ใช่มุกตลกของวันเอพริลฟูล เดย์[2]หรอกนะ!
เขาขำไม่ออกนะโว้ย!
“ฉันไม่เคยขึ้นเตียงกับเธอ...” ฟลินน์โกรธจนหน้าแดงก่ำ เกิดมาเพิ่งโมโหผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้มาก่อน แม้แต่คนที่ทำให้เขาเสียใจอย่างลึกซึ้งยังทำให้เขาโกรธแบบนี้ไม่ได้เลย “ฉันมั่นใจว่าต่อให้ฉันสมองเสื่อมหรือเมาปลิ้นจนจำอะไรไม่ได้...ฉันก็ไม่คิดคว้าไม้กระดานอย่างเธอมานอนด้วยอย่างเด็ดขาด! เธอจะมาอ้างสิทธิ์บ้าๆ บอๆ แล้วยัดเยียดตัวเองมาเป็นเมียของฉันไม่ได้! ไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ฉันเสียหาย!”
“โอเค” เธอคลายมือที่กอดอกออก แล้วยกขึ้นเสมอไหล่ในท่ายอมแพ้ “ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับคุณ”
ใช่ไหมล่ะ! เขามั่นใจว่าคนทั่วทั้งอเมริกามากกว่าหนึ่งล้านคนจะเห็นด้วยว่ายายประสาทนี่โกหกว่าเป็นเมียของเขา
“แต่…”
แต่อะไรอีก หา!
[1] holy shit เป็นคำอุทาน แปลว่า แม่งเอ๊ย เวรเอ๊ย หรือประมาณ ฉิบหายแล้วกู
[2] วันเมษาหน้าโง่ (April Fool's Day) ตรงกับวันที่ 1 เมษายนของทุกปี โดยผู้คนจะเล่นมุกตลกและเรื่องหลอกลวงต่อกัน มุกตลกและคนที่ถูกหลอกจะเรียกว่าเป็น “คนโง่เดือนเมษา” ตามสำนักพิมพ์หรือสื่อต่างๆ อาจรายงานเรื่องหลอกลวงในวันนี้ และออกมาเฉลยในวันต่อมา