เสียงโทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดพร้อมกับส่งเสียงดังก้องนั้นชวนให้รู้สึกปวดหัวเป็นที่สุด มันส่งผลต่อการนอนและทำให้นิทราอันแสนสุขของมาริสาล่มสลาย เธอจำต้องผงกศีรษะขึ้นมาแล้วควานมือเปะปะไปทั่วเตียงเพื่อหาโทรศัพท์มือถือที่วางทิ้งไว้ก่อนจะนอนมารับสาย และเปลือกตาของเธอก็หนักอึ้งเกินกว่าจะหรี่ปรือขึ้นมามองดูหน้าจอสักนิดว่าใครโทร.มา
ฉันเพิ่งนอนไปได้ไม่ถึงสามชั่วโมงเองนะ! ทำไมต้องโทร.มาระรานกันตอนนี้ด้วย!
“ฮัลโหล!”
มาริสาส่งเสียงงัวเงียแหบพร่าลงไปในโทรศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้นก็แสดงออกชัดถึงความโมโหที่ถูกขัดเวลาพักผ่อน ดวงตาเรียวยาวที่ล้อมกรอบไปด้วยแพขนตาดกหนาสีเดียวกับเส้นผมหรี่ปรือ เปลือกตาทั้งสองหนักอึ้งเสียจนแทบลืมไม่ขึ้นจนในที่สุดหญิงสาวก็เลิกพยายามฝืนลืมตา ซุกหน้าลงกับหมอนใบนุ่มสีขาวเตรียมจะหลับต่อไปแทน
“ตื่นหรือยังมาริสา?”
ทว่าเสียงแหบพร่าบ่งบอกความสูงวัยของปลายสาย แถมก็ยังเต็มไปด้วยความเข้มงวดและจริงจัง จนทำให้คนที่กำลังเคลิ้มหลับเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเรียวยาวเบิกกว้าง ความง่วงกระเด็นหาย และเธอยังสามารถจินตนาการได้เลยว่าปลายสายน่าจะกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ แผ่นหลังเหยียดตรงสง่างามแม้จะอยู่ในวัยชรา ใบหน้าเหี่ยวย่นจะ
ต้องเชิดหยิ่ง ดวงตาสีฟ้าซีดคู่นั้นคมกริบจะมองเธออย่างตำหนิติเตียน ทำให้อดคิดภาพไม่ได้ว่าถ้าเธออยู่ตรงหน้าเขาคงจะถูกดวงตาคมคู่นั้นบาดเนื้อตัวเป็นริ้วๆ และความเหน็บหนาวจากจินตนาการก็แล่นไปทั่วร่าง จะว่าอุปาทานก็เป็นได้เพราะเธอเริ่มรู้สึกหนาวสันหลังจริงๆ แล้วใน
ตอนนี้!
“ตื่นแล้วค่ะคุณปู่!”
มาริสาตอบรับเสียงใสหลังจากเค้นเสียงพูดออกมาได้ในที่สุด
“อืม…” น้ำเสียงแหบพร่านั้นร้องมาแค่นั้น ราวกับเขาไม่ได้สนใจจริงจังหรอกว่าเธอจะเป็นยังไง เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือความต้องการของตนเองต่างหาก!
แล้วก็คิดไม่ผิดเลยสักนิด เมื่อกรินเดลถามสิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้แล้ว
“แล้วเรื่องนั่นล่ะ จัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
หญิงสาวหวนนึกถึง ‘เรื่องนั้น’ ที่อีกฝ่ายถามออกแล้วเม้มริมฝีปากแน่น แวบหนึ่งเธอก็อดอิจฉาไม่ได้ที่ผู้ชายคนนั้นได้รับความห่วงใยจากชายชรา ทว่าเธอที่มีสายเลือดของเขากลับไม่เคยได้รับมันและยิ่งกว่านั้นเธอไม่มีตัวตนสำหรับชายชราด้วยซ้ำไป จนกระทั่งสัปดาห์ก่อนที่เขามายื่นข้อเสนอบางที่ทำให้เธอต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ เธอถึงได้มีตัวตนในสายตาของเขา...
“หนูเข้าถึงตัวเขาแล้วค่ะ” และเป็นการเข้าถึงที่เธอรู้ว่าคนตรง
หน้าคงจะโมโหและสติแตกไปแล้วแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องสนใจ และมั่นใจว่าหลังจากนี้เธอคงจะทำให้เขาสติแตกได้มากกว่าเดิม...อย่าง-แน่-นอน!
“ฉันหวังว่าเธอจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยตามที่เราตกลงกันเอาไว้”
ปลายสายกล่าวอย่างเนิบนาบ และเธอก็รู้สึกได้ถึงความไม่ไว้วางใจในน้ำเสียงของเขา
คุณปู่เกลียดเธอ...เกลียดแม่ของเธอ เขาถึงไม่เคยมีความไว้วางใจให้เธอเลย
บางครั้งมาริสาก็สงสัยว่าเธอจะต้องมาทำงานพวกนี้ให้เขาทำไม ถึงเงินค่าจ้างของเขาจะสูงลิบแต่ใช่ว่าทุกวันนี้เธอจะอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ และเธอยังสามารถเลี้ยงแม่ได้ด้วย ต่อให้เขาตัดขาดความช่วยเหลือเธอก็ดิ้นรนเอาตัวรอดได้สบาย
แต่นั่นแหละ...สิ่งที่ทำให้เธอลาออกจากงานที่เริ่มไปได้สวยก็เพราะคุณปู่ล้วนๆ !
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยโดยเร็วที่สุดค่ะ”
หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงเฉยชาไม่ต่างกัน เธอไม่ควรคิดอะไรนอกจากทำสิ่งที่ถูกร้องขอให้สำเร็จ
คำขอร้องที่เธอไม่ได้อยากตอบรับ...ถ้าไม่เป็นเพราะอยากจะทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นปู่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนไร้ความสามารถทำอะไรไม่สำเร็จ!
“แม่อยากให้หนูช่วยคุณปู่สักครั้ง...แม่เชื่อว่าลูกทำได้นะมารีน”
“แต่หนูเกลียดเขา”
เธอตอบมารดากลับไปอย่างนั้น ทว่าท่านกลับคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้เธอ ส่ายหน้าแล้วจุปากด้วยท่าทีปรามเมื่อเธอเริ่มแสดงออกถึงความ
ดื้อดึงที่ท่านเห็นว่าไม่สมควร
“หนูไม่ควรจะเกลียดคุณปู่...ท่านรักหนูมากนะ”
“ไม่จริงหรอกค่ะ!” เธอไม่เชื่อหรอก ถ้ารักเธอจริงทำไมพอพ่อตาย คุณปู่ถึงไม่เคยสนใจมาดูดำดูดีเธอกับแม่เลย ไม่สิ! เขาไม่เคยสนใจตั้งแต่เธอเกิดมาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยแสดงออกได้อย่างชัดเจนเท่ากับตอนที่พ่อตาย!
“แล้วสักวันหนูจะรู้ความจริง” แม่บอกเธอพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
แต่มาริสาเหยียดริมฝีปากออกเป็นเชิงเยาะหยัน “คงต้องรอวันที่หนูตายล่ะค่ะ”
“แต่ก่อนที่หนูจะตาย แม่อยากให้หนูรับปากช่วยคุณปู่ เข้าใจไหมมารีน ช่วยคุณปู่เถอะนะ”
“ฉันหวังว่าเธอจะทำได้อย่างที่ถือดี”
ปลายสายดังขึ้นแทรกภวังค์ความคิดของมาริสา หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เมื่อรับรู้ว่าเธอเผลอคิดถึงอดีตจนแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่ปลายสายพูด
ประโยคเกือบกึ่งจะเป็นดูถูกนั้นทำให้หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคือง
“แล้วคุณปู่จะได้เห็นค่ะว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยตามที่คุณปู่ต้องการ”
มาริสาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วก็ถอนหายใจยาวเมื่อกรินเดลวางสายไปแล้วโดยไม่มีแม้แต่คำล่ำลา
เพราะถูกปลุกตั้งแต่เช้า แถมบุคคลที่โทร.มาก็ทำให้มาริสาตาสว่างเกินกว่าจะข่มตาหลับต่อไป เธอหยิบเอาไอโฟนของตัวเองที่วางกระแทกกับเตียงก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้ง กดดูเวลาที่หน้าจอแล้วพบว่าตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจ ยกมือขึ้นเสยผมยาวของตัวเองขึ้นลวกๆ ปรายตามองหมอนใบนุ่มสีขาวแล้วก็ตัดใจไม่นอนต่อแล้ว
มาริสาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้ตาสว่างมากกว่านี้ ก่อนจะแปรงฟันแล้วเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายซึ่งเป็นเสื้อกล้าม
สีขาว กางเกงวอร์มสีดำ สิบห้านาทีต่อมาเธอก็ฉวยหยิบเอาโทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ใบเล็กใส่ในกระเป๋ากางเกงวอร์ม ก้มลงหยิบเอารองเท้าวิ่ง
ออกมาเพื่อเตรียมไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นต์
ของเธอมากนัก
อันที่จริงมาริสาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงเดือน เธอลาออกจากงานเดิมเพราะ ‘ธุระสำคัญ’ บางอย่างที่ต้องการจัดให้เสร็จ โชคดีที่ปู่ไม่คิดจะใช้งานเธอฟรีๆ เพราะท่านเสนอค่าใช้จ่ายรายเดือนมาให้ แน่นอนว่ามาริสาต้องรับไว้อยู่แล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายทำให้เธอต้องออกจากงาน ก็ต้องจ่ายเงินชดเชยซึ่งเป็นเรื่องสมควรแล้วและโชคดีที่แม่ของเธอไม่รู้ ไม่อย่างนั้นท่านคงบ่นเธอหูชาแน่ๆ
ตอนที่เรแกนเพื่อนสนิทของเธอรู้ว่าเธอต้องย้ายมาอยู่ที่แมนฮัตตัน
ชั่วคราว จึงได้ชักชวนให้มาอยู่ร่วมกัน แต่มาริสาชินกับการอยู่ลำพัง จาก
รูมเมทร่วมห้องเรแกนจึงกลายเป็นเพื่อนห้องตรงข้ามกันแทน เธอกับอีกฝ่ายคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย เรแกนได้งานทำที่แมนฮัตตันเมื่อปีกลาย อพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ตอนนี้เพื่อนสนิทจึงเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด
หญิงสาวจัดการล็อกห้อง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก เหตุผลที่เธอเลือกเช่าที่นี่ทั้งๆ ที่ห้องเล็กไปหน่อย แถมวันดีคืนดีเครื่องทำน้ำอุ่นก็เสียจนทำให้เธอแทบอาบน้ำไม่ได้ แต่โดยรวมก็ถือว่าดีมากสำหรับย่านที่เธออยู่ในตอนนี้และราคาก็ไม่ได้มากถึงขั้นเธอสู้ไม่ไหว ถึงแม้ว่าคุณปู่จะเสนอให้เธออยู่อพาร์ทเม้นต์ของท่านหรือให้เธอส่งใบเสร็จไปเบิกได้ก็ตาม แต่มาริสาก็ไม่อยากรับเกินกว่าเงินที่เธอควรจะได้เท่านั้น
มาริสาจัดการเสียบสายสมอลทอร์ค ก่อนตัดการรับรู้อื่นๆ ด้วยการเปิดเพลงแล้วเริ่มวิ่ง เธอมักจะตื่นเช้ามาวิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้ง รอบกายเธอตอนนี้ก็มีคนมาออกกำลังอยู่เช่นเดียวกัน
ถึงจะพยายามสลัดความหงุดหงิดออกไปจากใจมากเท่าไร ทว่าอันที่จริงแล้วมาริสาก็พบว่าตัวเองทำอย่างนั้นไม่ได้ การตอบโต้กับชายชราเมื่อช่วงเช้าดูเหมือนจะทำให้วันนี้ของเธอไม่ได้สดใสเสียแล้ว
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วเริ่มออกวิ่งเร็วๆ มากขึ้น ทว่าในสมองก็อดคิดถึงการกลับมาติดต่อกันอีกครั้งหลังจากที่เธอไม่เคยติดต่อกับปู่ตั้งแต่ก่อนจบไฮสคูลจนกระทั่งเรียนจบ!