4

1296 คำ
“กรี๊ดดด! จริงเหรอ!” เสียงกรีดร้องของเพื่อนสนิทดังขึ้นมาตามสายโทรศัพท์ในยามเที่ยงวันหลังจากที่เธอโทร.ไปหาเพื่อยกเลิกนัด และเล่าให้เรแกนฟังว่าเธอมีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องผิดนัดเย็นนี้ ซึ่งพออธิบายให้ฟังแทนที่ เรแกนจะโกรธ กลับกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นเสียอย่างนั้น “อือ” มาริสาตอบรับอย่างเฉยชา กลอกตาไปมาด้วยความระอาและไม่เข้าใจกับอาการตื่นเต้นของเพื่อนสาว ทว่าถึงอย่างนั้นก็คิดภาพออกเลยว่าเรแกนคงดีใจจนเนื้อเต้นๆ แน่ๆ กับสิ่งที่เธอบอกไปเมื่อครู่นี้ “ฉันเสียใจอะ!” เรแกนโวยวายมาตามสาย “ทำไมเธอต้องมาบอกวันนี้ ทำไมไม่รู้ตั้งแต่ก่อนหน้า ฉันอยากจะลางานแล้วกลับไปช่วยเธอเลือกชุด ต้องแต่งหน้าเทรนด์ใหม่ของปีนี้ เธอผิวขาว ถ้าแต่งโทนแดงต้องดูเด่นมากแน่ๆ แล้วหุ่นแบบเธอต้องราตรียาวโชว์เรียวขา งบจำกัดไหม จริงๆ น่าจะเลือกชุดราตรีของดิออร์คอลเลคชั่นล่าสุดไง ตัวที่เปลือยหลังอะ โอ๊ย…สวยสุดๆ !” “ใจเย็นๆ เรแกน อย่าเพิ่งมโนเพ้อเจ้อไปไกลได้ไหม” มาริสาปรามเพื่อนสนิท ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำงานในนิตยสารแฟชั่นชั้นนำระดับโลก แต่เพื่อนก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง ก่อนจะมโนว่าเธอควรแต่งหน้าแบบไหน ใส่ชุดอะไรไปงานเลี้ยงคืนนี้ ควรเป็นห่วงที่เธอเดินเอาตัวเองเข้าปาก ‘เสือ’ ไหม? เฮ้...ไม่ทราบว่ายังเป็นเพื่อนฉันอยู่หรือเปล่าเรแกน! “ขอโทษที ฉันตื่นเต้น ฉัน…” เพราะทำงานในนิตยสารแฟชั่นและแน่นอนว่ารวมถึงข่าวกอสสิปซุบซิบ เรแกนจึงรู้เรื่องงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ดีกว่าเป็นงานสำคัญมากแค่ไหน และตื่นเต้นกับสิ่งที่เพื่อนสนิทจะต้องทำ เสียดายจังที่เธอลางานไม่ได้ แถมไม่มีสิทธิ์ เข้างานนั้นเพราะคนชั้นกลางไก่กาอย่างเธอไม่ได้มีสิทธิ์เสนอหน้าในงานเลี้ยงหรูหราของเหล่าเซเลบริตี้! แต่เธออยากช่วยเพื่อนแต่งตัวให้เฉิดฉาย ให้ปังๆๆๆ แล้วสะดุดตาผู้ชายคนนั้นจนหน้าทิ่มจริงๆ ! “ไม่ต้องตื่นเต้น งานนี้ฉันคงไม่เละหรอก ‘เขา’ บอกว่าจะส่งสไตล์ลิสต์มาให้น่ะ ฉันแค่ลากตัวเองไปตามนัดก็พอ” แล้วมาริสาก็ได้ยินเพื่อนสนิทถอนหายใจมาตามสาย “โล่งอกไปที ฉันนึกว่าเธอจะแต่งตัวเป็นแม่ชีเข้างานเสียแล้ว นอกจากจะทำให้ถูก รปภ.ไล่ออกจากงานแล้ว เธออาจถูกมองว่าเป็นคนไร้มารยาทเพราะแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ บอกตามตรงว่าฉันล่ะกลัวใจเธอจริงๆ” คำพูดของเรแกนทำให้เธอค้อนขวับใส่ปลายสายแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เห็นก็ตาม “ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกน่า” เธอโวยวายอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย “แล้วได้ผลเป็นยังไงเธอต้องส่งข่าวบอกฉันนะ ฉันจะรอทั้งคืนเลย ไม่นอน!” เรแกนย้ำสำทับถึงสามรอบจนมาริสาใจอ่อนยอมรับปากจนได้ “ได้…ไม่ต้องย้ำอีกหรอก ฉันจะรายงานเธอทุกอย่าง โอเคนะ” “โอเค” “ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปเตรียมตัว แล้วถ้ามีอะไรด่วนหรือฉุกเฉินฉันจะโทร.หาเธอนะเรแกน” “ได้ ฉันจะสแตนบายคอยช่วยเธอเอง” สาวผมบลอนด์ทองรับปาก ซึ่งทำให้มาริสาคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจแล้วตัดการติดต่อไป จากนั้นมองนาฬิกาแล้วพบว่าเธอน่าจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับงานเลี้ยงนี้เสียหน่อยเพื่อหาทางหนีทีไล่ แล้วจากนั้นจึงเดินทางไปยังโรงแรมที่นัดหมายเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ----------------- ‘จะทำอะไรต้องมีแผนอยู่เสมอ’ คำพูดติดปากของพ่อทำให้มาริสาท่องจำอยู่ตลอดและจำได้อย่างขึ้นใจจนมันกลายเป็นนิสัยของเธอไปแล้ว บางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ดี บางครั้งมันก็ทำให้เธอเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำและต้องการความสมบูรณ์แบบจนเกินไป และไม่ชอบอะไรที่อยู่นอกแผนเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อนและไม่ได้วางแผนสำหรับการควบคุมมัน จากนิสัยนี้ทำให้มาริสาที่พอรับปากคุณปู่ว่าเธอจะต้องไปทำหน้าที่พี่เลี้ยงดูแลคนคนหนึ่งจึงได้ทำการหาข้อมูลนั้นด้วยความอคติและใจริษยา...ใช่ เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกอย่างนั้นในตอนที่ได้ยินและได้เห็นความห่วงใยที่ปู่มีต่อคนคนนี้ แต่ไม่มีให้กับเธอที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ...หลานสาวในสายเลือดของเขา แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ มันเป็นความริษยาแบบเด็กๆ ที่เธอไม่ควรมีมันแต่ไม่คิดกำจัดออกไปจากใจ เพราะเธอมั่นใจว่าเธอจะแยกแยะมันออกไปได้ว่าอันไหนคืองาน อันไหนคือเรื่องส่วนตัว ทว่าเมื่อได้รับรู้หลังจากที่หาข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร หญิงสาวร่างโปรเจ็กต์นิวฟลินน์ขึ้นแล้วหลังจากนั้นก็รู้ว่าถ้าจะไล่ตามจัดการคนคนนี้เธอควรจะมีทีมงานที่ดี นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่เธอย้ายมาอยู่ใกล้กับเรแกน นอกเหนือจากการสนับสนุนอย่างลับๆ ของเหล่าผู้ลงขันจัดการกับความเหลวแหลกของผู้ชายคนนี้...เธอต้องการผู้ช่วยและต้องการคนที่คุ้นเคยกับนิสัยของพวกคนดังร่ำรวย โดยเฉพาะคนดังร่ำรวยนิสัยร้ายกาจอย่างฟลินน์ เบรดฟอร์ด... เรแกนคือข้อมูลเชิงลึกชั้นดีและที่ปรึกษาชั้นยอดที่ช่วยให้เธอสามารถเจาะหาข้อมูลหรือข่าวซุบซิบที่สามารถกลั่นกรองได้ว่าเรื่องไหนเรื่องจริง เรื่องไหนเป็นเพียงแค่ข่าวลือในระยะเวลาอันรวดเร็วเพื่อที่เธอจะได้สามารถวางแผนต่อไปได้ อย่างแผนการล่มงานวันเกิดของฟลินน์เมื่อสามวันก่อน เธอก็ได้ข่าวนี้มาจากเพื่อนสนิท และเรแกนก็เป็นพาเธอไปที่บ้านหลังนั้นตามที่อยู่ ที่ได้รับมา และล่มงานปาร์ตี้มั่วเซ็กซ์ฉลองวันเกิดของฟลินน์ตามคำสั่งนั่นแหละ ซึ่งไม่มีอะไรหยุดยั้งผู้ชายคนนั้นได้ด้วยสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดตามที่เธอได้รับข้อมูลจากผู้ว่าจ้าง ‘ภรรยาและลูก...’ คือสิ่งที่มหาเศรษฐีหนุ่มจอมวายร้ายไม่ต้องการมี ‘ฟลินน์แค่กลัวความผูกพัน’ ใครคนนั้นบอกเธอในประโยคต่อมา อันนี้เธอไม่เห็นด้วยแต่ไม่โง่พอจะโต้แย้ง ‘จริงๆ งานนี้ไม่มีอะไรมาก...พวกเราก็แค่อย่างให้คุณช่วยฟลินน์ ช่วยให้เขาเลิกมองโลกในแง่ร้าย แค่เปลี่ยนทัศนคติของเขาก็พอ...’ ‘…’ ‘ผมกับปู่ของคุณก็แค่อยากให้ฟลินน์เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ก็แค่นั้น ตอนแรกผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะสำเร็จตอนที่ปู่คุณมาปรึกษาผม แต่เราต้องเสี่ยง...แต่พอเห็นคุณผมกลับเชื่อว่าคุณจะทำได้สำเร็จ’ เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้ลงเรียนวิชาจิตวิทยาพื้นฐานเหมือนเธอแน่ๆ หรือไม่ก็ลงเรียนแล้วก็ลืมไปแล้ว ทัศนคติประกอบขึ้นด้วยการรับรู้ ความรู้สึก และประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ ตามหลักการแล้วการเปลี่ยนทัศนคตินั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก แต่ไม่เป็นไร...เพราะตามหลักจิตวิทยาเหมือนกันนั่นแหละ เราสามารถวางเงื่อนไขขึ้นเพื่อบงการและควบคุมคนๆ นั้นได้ และเธอจะทำอย่างนั้นเพื่อให้ฟลินน์ เบรดฟอร์ดเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้ให้จงได้!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม