“ที่รักจ๋า” เสียงร้องเรียกหวานหูดังขึ้นมาแต่ไกล ก่อนเจ้าของเสียงจะมาถึงเสียด้วยซ้ำ ร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเจ้าของชื่อที่ตัวเองเรียกหา
ส่วนเจ้าของชื่อก็ส่งยิ้มทักทายกลับไป มองเพื่อนรักที่เดินยิ้มมาอย่างอารมณ์ดีก็นึกอิจฉารอยยิ้มสดใสแบบนี้ รอยยิ้มที่ไม่รู้หายจากเธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอยิ้มกว้างแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ
ต้อง คือน้องสาวของบุริศร์และเป็นเพื่อนของสุดที่รัก ทั้งสองคนสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ เพราะครอบครัวของทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่สมัยเป็นวัยรุ่น
“รอนานไหม รถติดเป็นบ้า เมื่อไหร่บ้านเมืองเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้สักทีนะ” คนเพิ่งมาถึงบ่นอุบถึงปัญหาการจราจรที่ไม่สามารถแก้ให้หายได้ของประเทศบ้านเกิด ทั้งที่ต่างประเทศสามารถจัดการปัญหาจราจรได้ดีไปถึงไหนต่อไหน
“ไม่นาน แล้วแกกินอะไรมาหรือยัง ไปหาอะไรกินก่อนไหมหรือจะเดินดูของก่อน”
“เดินดูของก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเราค่อยเอาท้องไปฝากไว้ที่ร้านชาบูกัน”
“งั้นก็ไป” สิ้นเสียง สองสาวเพื่อนรักก็จับมือกันเดินเลือกซื้อสินค้า เข้าร้านนั้นออกร้านนี้จนมาถึงร้านขายเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ สุดที่รักจึงจับมือต้องเข้าไปในร้าน
“ต้องแกช่วยฉันคิดหน่อยสิ ว่าฉันจะซื้ออะไรให้พี่ตามดี อาทิตย์หน้าก็วันเกิดพี่ตามแล้ว แต่ฉันยังไม่มีของขวัญให้พี่ตามเลย” คนเป็นน้องสาวของผู้ชายที่สุดที่รักพูดถึง ทำหน้าครุ่นคิดพลางกวาดสายตามองดูเสื้อผ้าข้าวของที่เป็นของผู้ชาย ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“ไม่รู้อะ เท่าที่มองดูพี่ตามก็มีหมดแล้ว อีกอย่างพี่ตามเรื่องมากจะตาย ยิ่งพวกเสื้อผ้ายิ่งพิถีพิถัน กลัวซื้อไปแล้วไม่ถูกใจ จากที่จะชอบจะยิ่งเป็นไม่ชอบมากกว่าเดิม เราลองไปดูพวกที่เป็นของขวัญไหม ประเภทของที่มีชิ้นเดียวอะไรแบบนี้ เผื่อพี่ตามจะชอบ”
“แล้วจะซื้ออะไรล่ะ ถ้าเป็นนาฬิกาแกว่าพี่ตามจะชอบไหม”
“อย่าเลย พี่ตามรสนิยมสูงปรี๊ดทะลุเพดาน ถ้าเป็นของใช้ฉันว่าอย่าซื้อเลย เพราะซื้อไปอาจจะไม่ถูกใจ พอไม่ถูกใจก็จะถูกเก็บไว้ไม่ได้ใช้ เสียดายเงินเปล่าๆ”
“ก็จริงของแก เกิดซื้อไปไม่ถูกใจก็คงถูกวางทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น งั้นเดี๋ยวฉันขอกลับไปคิดก่อนแล้วกันว่าจะซื้ออะไรดี ถ้าอย่างงั้นไปกินข้าวกันเลยไหม หรือว่าแกอยากเดินดูของก่อน” ว่าแล้วก็เตรียมจะเดินออกจากร้านไป ทว่าต้องกลับคว้ามือเพื่อนสาวไว้
"เดี๋ยวรัก" เอ่ยเรียกเพื่อนไว้ ในขณะที่สายตาเพ่งมองออกไปนอกร้าน
"มีอะไรหรือเปล่าแก" ต้องไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับ แต่ครั้งนี้กลับดึงมือสุดที่รักให้เดินออกมาจากร้านด้วยความเร็ว ไปยังทิศทางที่เธอเห็นใครบางคนเดินไป
"มีอะไรหรือเปล่าต้อง"
"ฉันว่าฉันเห็นพี่ตาม" สุดที่รักรีบหันมองไปรอบกาย เพื่อหาเจ้าของชื่อที่เพื่อนสาวเอ่ยออกมา เช่นเดียวกับต้องก็มองหาไปรอบๆ บริเวณเช่นเดียวกัน ก่อนสายตาของต้องจะไปสะดุดกับผู้ชายและผู้หญิงที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร
"นั่นไง จริงๆ ด้วย มากับพี่นุ่นอีกแล้ว" เอ่ยออกไปเสียงห้วน แววตาฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เมื่อเห็นพี่ชายมากับผู้หญิงคนอื่นและยังเป็นผู้หญิงที่พี่ชายตัวเองชอบอีกด้วย
สุดที่รัก มองภาพบาดตาด้วยความเจ็บ รอยยิ้มที่บุริศร์ยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น การดูแลเทคแคร์ต่างๆ ที่เขาแสดงออกมา เป็นสิ่งที่เธอแทบจะไม่เคยได้รับจากเขา
และที่น่าเจ็บใจที่สุด คือเขาเพิ่งทานอาหารกับเธอมา และยังสามารถมาทานกับผู้หญิงคนอื่นได้อีก ต้องสำคัญขนาดไหนถึงไม่กล้าปฏิเสธผู้หญิงคนนั้น
"ไปรัก ไปทักทายพี่ตามกัน ทำแบบนี้ได้ยังไง" ฉวยข้อมือดึงให้เดินตามตัวเองไปยังร้านอาการนั้น ทว่าสุดที่รักกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตามไป
"อย่าเลยต้อง อย่าไปขัดขวางความสุขเขาเลย ถ้าพี่ตามเห็นหน้าฉันจะพลอยกินอะไรไม่ลง" คนถูกห้ามหันขวับมองเพื่อนอย่างขัดใจ ที่เพื่อนของเธอดูจะใจดี ใจกว้าง ใจเย็นเสียเหลือเกิน ที่ยอมปล่อยให้คู่หมั้นนั่งทานข้าวกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา
"แต่พี่ตาม..."
"แกยังไม่ชินอีกเหรอ ไม่ใช่ว่าเขาทำครั้งนี้ครั้งแรกซะเมื่อไหร่ เขาทำมาตลอดตั้งแต่หมั้นจนถึงวันนี้" ความเศร้า ความเจ็บที่ส่งผ่านมาทางน้ำเสียง ทำให้ต้องอยากจะดึงเพื่อนสาวเข้ามากอดเสียตอนนี้
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอเจ็บมากแค่ไหนกับสิ่งที่พี่ชายเธอกระทำลงไป ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นั้นแทบจะไม่ใช่คู่หมั้นกันเสียแล้ว โดยเฉพาะพี่ชายของเธอ ที่ไม่เคยสนใจไยดีความรู้สึกของสุดที่รักเลยแม้แต่น้อย
"ว่าแต่ฉันไม่ชิน แกเองก็ไม่ชินไม่ใช่เหรอ" สุดที่รักฝืนยิ้ม ทั้งที่จริงอยากจะร้องไห้มากกว่า หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายออกมาถ่ายรูปบุริศร์กับนุ่นที่กำลังนั่งทานอาหารด้วยกันไว้สองสามรูป
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอแอบถ่ายรูปเขากับนุ่นเก็บไว้ เธอถ่ายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีเป็นเกือบยี่สิบสามภาพ และเธอก็เปิดดูภาพเหล่านั้นซ้ำๆ เพื่อให้ตัวเองเจ็บปวดเล่นๆ เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันความเจ็บให้ตัวเอง ดั่งเช่นมันคือยาต้านความเจ็บที่เธอต้องทานทุกวัน เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บมากไปกว่านี้