น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับใจของคนจะไม่หวั่นไหว....
ประโยคนี้คงคุ้นหูกันอยู่บ่อยๆ และคงเป็นประโยคที่ใช้หลอกตัวเองอยู่ทุกวี่วันมาเนิ่นนาน จนกลายเป็นประโยคที่ใช้ปลุกความฮึกเหิมให้ตัวเองแทบทุกวัน นับจากวันหมั้นจนถึงวันนี้ แต่ก็ไม่รู้หินที่ว่านั้นจะกร่อนลงเมื่อใด หรือน้ำที่หยดลงจนหยดสุดท้ายจนหมดไป หินก้อนนั้นก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นเดิม
ร้านอาหารชื่อดังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาบนชั้นบนสุดของร้าน บรรยากาศเปิดโล่งรับลมเย็นที่พัดผ่านในยามค่ำคืน มีนักดนตรีบรรเลงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ประดับประดาตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีแดงสด ชวนให้บรรยากาศโรแมนติก เหมาะสำหรับคู่รักที่จะมาเติมความหวานดินเนอร์ในค่ำคืนสุดพิเศษ
เช่นเดียวกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ร่างผอมเพรียวสะโอดสะองมีส่วนเว้าส่วนโค้งยั่วยวนตาภายใต้ชุดเดรสสีขาวน่ารัก ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบาแลดูเป็นธรรมชาติ ผมดำยาวถูกรวบรัดขึ้นไปครึ่งศีรษะมีโบสีขาวน่ารักเข้ากับชุดติดประดับไว้ ยิ่งทำให้หญิงสาวดูเป็นสาวหวานน่ารักน่าทะนุถนอม
ทว่าตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชะเง้อคอมองทางเดินเพื่อมองหาคนที่นัดกับไว้
นาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือเล็กที่พี่ชายซื้อให้เป็นของขวัญ ในวันที่เธอสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ด้วยเกียรตินิยมถูกยกขึ้นดูเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าคนที่นัดไว้ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
มือถือเครื่องหรูยกขึ้นมาหมายจะโทรหาคู่หมั้น แต่คิดไปคิดมาก็ต้องตัดใจไม่โทรหา แต่เลือกที่จะเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์เพื่อดูว่า คู่หมั้นของตนนั้นได้เปิดอ่านไลน์ที่ส่งไปให้หรือไม่ และสิ่งที่เห็นคือ บุริศร์เปิดอ่านแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้อยู่ร่ำไป นั่นก็แสดงว่าชายหนุ่มรับรู้ว่าเธอนัดให้เขามาทานอาหารเย็นด้วยกันในค่ำคืนนี้
“สงสัยเคลียร์งานยังไม่เสร็จล่ะมั้ง” นั่นคือข้ออ้างที่ดีที่สุด ที่จะไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่มากไปกว่านี้
“คุณผู้หญิงจะให้เสิร์ฟอาหารเลยไหมครับ” เสียงบริกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อถึงเวลาที่สุดที่รักแจ้งไว้ ให้นำอาหารมาเสิร์ฟ
“ยังค่ะ ฉันขอน้ำส้มสักแก้วก่อนนะคะ”
“ได้ครับ” สุดที่รักมองตามหลังบริกรที่เดินออกไป พร้อมกับลมหายใจที่ถูกถอนออกมาเบาๆ เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมืออีกครั้ง
สามทุ่ม...เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมง