เมื่อบ่าวสาวเข้ามาในงาน ก็เรียกเสียงปรบมือดังกึกก้อง ห้องบอลรูมปิดไฟให้เหลือแต่ดวงเล็ก ๆ กับแสงไฟบริเวณทางเดินเข้ามาในงาน เป็นสายทางยาวคล้ายทางช้างเผือกเข้ากับธีมงานหนึ่งดาวหนึ่งเดียว เพราะเจ้าสาวที่ชื่อหนึ่งดาว
สายตาแดงก่ำที่บวกกับดื่มเหล้าเพื่อย้อมใจไม่รู้แก้วที่เท่าไหร่ และความเสียใจที่ไม่อาจจะร้องไห้ออกมาให้ใครเห็นน้ำตาลูกผู้ชายได้ จึงแสดงความรู้สึกที่เจ็บปวดออกมาทางดวงตาจนไม่เหลือพื้นที่สีขาวในดวงตาคู่นั้น
พ่อเลี้ยงตฤณ มองไปยังสองบ่าวสาวที่เดินควงแขนเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันแสนสุข แล้วคิดอย่างอนาถใจ
ที่ตรงนั้นควรเป็นของเขา
หนึ่งดาวเขารักมาก่อนไอ้กิต แต่ทำไมมันถึงได้หัวใจเธอไป
เขาตั้งชื่อลูกไว้ตั้งแต่จีบเธอด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเดียวที่เขารัก!
ขณะที่ทุกสายตาจดจ้องไปยังบ่าวสาว แต่เทียนไขนั้นกลับมองไปยังผู้ชายไร้มารยาทคนนั้น
‘อกหักสินะ!’ มองจากสายตาที่แสนเจ็บปวดยามมองไปยังบ่าวสาว เธอพอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นคนในดวงใจของเขา
‘สมน้ำหน้าสันดานไม่ดีก็นกแบบนี้’
เมื่อเห็นเขาเจ็บปวด แต่เธอกลับรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก มือเรียวยกแก้วเครื่องดื่มคอกเทลสีสวยอย่างสบายอารมณ์ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่านายนั่นมันกินแห้วไว้เจอกันที่รถ แล้วจะสมน้ำหน้าอีกหนก็แล้วกัน
ชุติพลเดินมาทางเทียนไข เขาตั้งใจที่จะเดินอ้อมมา เพื่ออยากพูดคุยกับลูกสาวบ้าง อย่างน้อยก็ถามเรื่องการงานบ้างก็ยังดี
แต่เมื่อเดินจนถึงโต๊ะแล้ว ก็ยังได้รับการเมินเฉยจากลูกสาวของตัวเอง จนต้องเอ่ยทัก
“เทียน” เสียงเรียกอย่างไม่ดังนัก แต่ทำให้ทั้งสามหันมา ซึ่งเทียนไขหันมาแล้วก็สะบัดหน้ากลับไป
ความอึดอัดตรงนี้ทำให้มัทนากับบุษบาหันมองไปยังมารดาให้มาช่วยเหลือ
“ไม่คิดจะทักพ่อบ้างเลยหรือไง” เสียงเข้มดุขึ้น
“คุณพ่อใครคะ ได้ข่าวว่าลูกสาวคุณชื่อแพรไหมนะ” เทียนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ แล้วพูดขณะมองแก้วทรงสวยในมือ เงาสะท้อนจากแก้วเป็นใบหน้าผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“นี่ยังไม่ลืมอีกหรือไง” ชุติพลไม่ได้มีความอดทนนัก เมื่อเจอคำพูดร้าย ๆ ของลูกสาวก็โมโหขึ้นมา
เขาอุตส่าห์ลดตัวลงมาทัก ยังมาทำหยิ่งยะโสโอหังนัก ไม่รู้ว่ากรองแก้วสอนกันมายังไง ถึงไม่ได้มีมารยาทอย่างนี้
“เป็นคนลืมยากค่ะ เกลียดแล้วก็ไม่อยากมองแม้แต่หน้า”
“นี่!” ชุติพลเผลอตัวง้างมือขึ้น แต่เสียงหนึ่งก็เข้ามาแทรกเสียก่อน
“ตายจริง...คุณชุติพลมาคนเดียวเหรอคะ คุณปารมีอยู่ไหนเอ่ย ปล่อยให้สามีเดินคนเดียว ระวังนะคะสาว ๆ จะฉกไป” คุณหญิงพุดจีบ เจ้าของร้านเพชรมารดาของมัทนาก้าวเข้ามาถึงก่อนจึงดักทางไว้
คิดจะมาทำร้ายลูกที่ตัวเองไม่ไยดี ทุเรศสิ้นดี!
“เอ่อ...คุณหญิงพุดจีบ” ชุติพลต้องรีบลดมือลง เพราะตอนนี้คุณหญิงพุดจีบนั้นมีชื่อเสียง หากเรื่องนี้รู้ไปถึงคนภายในสังคม ธุรกิจที่เขาเพิ่งเริ่มทำจะสะดุดไปด้วย
“อ่าวยายบุษ มานั่งกับหนูเทียนเองหรอกหรือ แม่ก็ตามหาเสียนาน” คุณหญิงรำไพ แม่ของบุษบามาสมทบด้วยอีกคน ทำให้ชุติพลยิ้มเก้อ
ไม่คิดว่ายายลูกตัวดีคบเพื่อนไฮโซทั้งนั้น
“แม่คะ คุณลุงคนนี้เขาจะมาทำร้ายเทียนค่ะ” บุษบาแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แต่รู้ว่าเป็นพ่อของเทียนไข และก็ไม่ชอบขี้หน้าด้วยกันทั้งสามคน
เรียกว่าเพื่อนเกลียด ก็เกลียดด้วย
“ตายจริง! จะทำร้ายเทียนไขเพื่อนลูกฉันเหรอคะ นี่คุณชุติพล...!” รำไพหวีดร้องเสียงดังพาให้กลุ่มเพื่อนไฮโซเงียบเสียงเงี่ยหูฟังกันทันที
“เอ่อ...คงเข้าใจผิดกันแล้วมั้งครับ”
“แม่กี้ยังเห็นยกมือนี่คะ” พุดจีบรู้เข้าก็เริ่มไม่ยอม เพราะทั้งคู่ไม่ชอบสองผัวเมียคู่นี้อยู่แล้ว ชอบทำตัวเด่นขี้อวดจนเกินพอดี
“มีอะไรกันเหรอคะ” ปารมีเห็นเสียงหวีดร้องของรำไพกับพุดจีบ แล้วก็สามีเธอยังยืนยักแย่ยักยันเหมือนกำลังโดนไล่ต้อนก็ไม่ปาน
“คุณปารมีมาก็ดี ล่ามสามีไว้ดี ๆ หน่อยนะคะ จะมาหาเรื่องในงานใหญ่อย่างนี้ได้อย่างไร” รำไพได้โอกาสก็แอบด่าอ้อม ๆ เสียเลยที่สามีกัดไม่เลือกหน้าเหมือนหมา
“นี่คุณ!” ปารมีเสียหน้าที่โดนแม่รำไพเสียดสีเข้า แม้ตัวเองจะอายุน้อยกว่า แต่ว่าก็ไม่ยอมให้ใครมาฉีกหน้าง่าย ๆ นักหรอก