6. กังวล

1391 คำ
ฟู่จินเมื่อได้ยินชายาตนพูดเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้คิดว่าชายาของตนจะยิ่งรังเกียจตนมากขึ้นไปอีก " เฉินห้าวเจ้าก็จัดการหากระโจมใหม่ให้พระชายาให้เร็วที่สุด " " พะยะค่ะท่านอ๋อง " เฉินห้าวรับคำสั่งก่อนที่จะสั่งให้นายกองเตรียมจัดหากระโจมใหม่สำหรับพระชายา เหม่ยอิงเดินหนีออกไปทางลำธาร และนั่งลงที่ริมลำธาร ฟู่จินยืนมองคนตัวเล็กที่เดินนี้ตนไป ในใจก็อดคิดกังวลไม่ได้ " พี่เสี่ยวจูที่นี่ทิวทัศน์งดงามจริงๆพี่ว่าไหม " " พระชายาเพคะ ทรงกำลังคิดถึงเรื่องหญิงในกระโจมอยู่ใช่ไหมเพคะ พี่ดูแลพระชายามาตั้งแต่เล็ก จะไม่รู้ได้ยังไงว่าทรงคิดอะไรอยู่ " " คิดแล้วข้าจะทำอะไรได้ ในเมื่อข้าและท่านอ๋อง ก็เพียงแต่อภิเษกตามรับสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น " " ทรงน้อยใจท่านอ๋องใช่หรือไม่เพคะ " " ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หรอก แค่ท่านอ๋องเมตตาข้า ยอมอภิเษกกับข้า ให้ข้าอยู่ในตำหนักอย่างสุขสบาย ก็ถือว่าเมตตาข้ามากแล้ว " เสี่ยวจูมองเจ้านายของตนก็ทำให้รู้สึกสงสาร " แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ ท่านก็กลายมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้วนะเพคะ " " ถึงข้าจะเป็นพระชายา แต่ก็เพราะท่านอ๋องอยากจะช่วยข้า ความสุขของท่านอ๋องข้าคงไปขัดไม่ได้หรอก " เหม่ยอิงนั่งอยู่ที่ริมลำธารนานจนกระทั่ง เฉินห้าวเดินมาบอกว่ากระโจมเรียบร้อยแล้ว เหม่ยอิงจึงเดินกลับไปที่กระโจมหลังใหม่ ฟู่จินยืนมองชายาของตนโดยที่ไม่กล้าเอ่ยอะไร หลังจากวันนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดจากัน จวบจนการเดินทางมาจนถึงเมืองใหม่ อ๋องฟู่จินสั่งให้เฉินห้าวนำทางพระชายาเข้าพักที่เรือนรับรอง ส่วนตนเองนั้นพาเจ้าเมืองคนใหม่ ไปตรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะรับราชโองการในวันถัดไป " ใต้เท้าเฉิงอวี้ ท่านคิดว่าที่นี่เป็นเช่นไร " " ช่างเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และซับซ้อนพะยะค่ะ ท่านอ๋องทรงพระปรีชาสามารถมาก ที่สามารถตีเมืองกลับคืนมาได้ " " ทหารของแคว้นชิงเหว่ย ต่างก็เข้มแข็งและเก่งกาจ จึงทำให้แคว้นของเราได้รับชัยชนะ " " แต่หากไม่ใช่ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพ ก็อาจจะไม่ชนะเช่นนี้ก็ได้พะยะค่ะ " " อย่ามัวแต่เยินยอข้าเลย ท่านเองก็เดินทางมาเหนื่อยไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน " " หม่อมฉันมีโอกาสได้เจอกับพระชายาแม้จะห่างไกล แต่ก็ได้เห็นถึงความงดงาม ท่านอ๋องโชคดีมากนะพะยะค่ะ ที่มีพระชายางดงามราวกับเทพธิดาถึงเพียงนี้ " " หึ นั่นสินะข้าโชคดีที่มีพระชายาที่งดงาม " อ๋องฟู่จินเอ่ยตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ภายในใจกลับหม่นหมอง " เจ้างดงามราวกับเทพธิดาจริงๆนั่นแหละ แต่จะมีสักครั้งไหม ที่ข้าจะมีโอกาสได้สัมผัสเจ้าเหม่ยอิง " ฟู่จินคิดอยู่ในใจ ยิ่งนึกถึงสีหน้าของคนที่เดินออกมาจากกระโจมเมื่อสองวันก่อน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลจากคนตัวเล็กมากขึ้นกว่าเดิม " ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเรือนรับรองเลยหรือไม่พะยะค่ะ " "ยังหรอกข้าอยากจะขี่ม้าออกไปดูรอบๆเมืองเสียหน่อย มาอยู่ครั้งก่อนข้าเห็นอยู่ที่หนึ่งน่าสนใจมาก" " ท่านอ๋องคงจะหมายถึงน้ำตกใช่หรือไม่ขอรับ คิดที่จะพาพระชายาไปใช่หรือไม่พะยะค่ะ " อ๋องฟู่จินยิ้มให้กับคนสนิทของตน ที่รู้ใจตนดีมาก เฉินห้าวเดินออกไปเพื่อเตรียมม้าให้กับอ๋องฟู่จิน ภายในเรือนรับรอง เหม่ยอิงและเสี่ยวจู กำลังแอบผู้ติดตามและบ่าวรับใช้ เพื่อหนีออกจากเรือนรับรอง " พี่เสี่ยวจูเร็วๆหน่อยสิเดี๋ยวพวกบ่าวกับผู้ติดตามก็เห็นเข้าหรอก " " พระชายาเพคะจะออกไปจริงๆหรือเพคะ ถ้าท่านอ๋องรู้มีหวังต้องโกรธมากแน่ๆ " “ท่านอ๋องไม่ได้สนใจว่าข้าจะอยู่หรือข้าจะไปที่ไหนอยู่แล้ว และอีกอย่างเราก็แค่จะออกไปสำรวจเมืองเท่านั้น ไม่นานก็กลับมา ท่านอ๋องคงจะยังไม่กลับมาหรอก” เหม่ยอิงรีบเดินออกจากเรือนและมุ่งตรงไปที่ตลาด ที่ได้ผ่านเข้ามาเมื่อตอนเข้าเมือง เสี่ยวจูถึงกับต้องส่ายหัวกับความดื้อความซนของพระชายาที่แก้ไม่หายตั้งแต่เล็ก " นี่เจ้าดูหญิงสาวสองคนนั้นสิ ยิ่งอีกคนนึงงดงามเรากับเทพธิดาเลยเจ้าเห็นหรือไม่ " " นั่นสิบ้านเมืองของเราไม่เคยมีหญิงสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ นางเป็นใครกันนะ หรือว่าจะมากับขบวนเสด็จของท่านอ๋องฟู่จินกันแน่ " " คงไม่หรอกอาจจะเป็นหญิงสาวจากต่างเมือง ที่เดินทางตามพ่อแม่มาในขบวนแลกเปลี่ยนสินค้าก็ได้ เพราะถ้าหากว่ามากับท่านอ๋องฟู่จินจริงๆ ข้าก็เชื่อว่าท่านอ๋องคงจะไม่ปล่อยให้ออกมาเดินเช่นนี้แน่นอน " " นั่นสินะเจ้านี่ฉลาดจริงๆ" ชาวเมืองต่างซุบซิบพูดคุยกันถึงหญิงสาวที่มาเดินตลาด เมื่อย่างกลายไปที่ใดก็มีแต่คนเหลียวมอง เพราะความน่ารักสดใสและยังผิวขาวผุดผ่องงดงามหาหญิงใดเทียบไม่ได้ " แม่นางท่านมาจากที่ใดกัน ข้าคิดว่าท่านคงไม่ใช่ชาวเมืองที่นี่หรอกใช่หรือไม่ " " นี่คือพระ อื้อ " เสี่ยวจูกำลังจะเอ่ยบอกถึงฐานะของพระชายา แต่ก็ถูกอีกคนเอามือปิดปากไว้เสียก่อน " ข้าก็เป็นชาวเมืองของเมืองใกล้ๆนี่แหละ พอดีติดสอยห้อยตามท่านพ่อท่านแม่มาเที่ยวที่เมืองนี้ " " คงจะเป็นลูกของขุนนางใหญ่ ถึงได้ดูมีสง่าราศีเช่นนี้ " เหม่ยอิงยิ้มให้กับแม่ค้าที่พูดคุยกับตน ก่อนที่จะเดินเที่ยวดูจนทั่วตลาด " เราควรจะกลับกันได้แล้วนะเพคะพระชายา " เสี่ยวจูเอ่ยบอกกับเหม่ยอิง แต่เหม่ยอิงกลับยังสนุกกับการเดินเที่ยวเล่น " ข้ายังไม่อยากกลับไปที่เรือนรับรองเลยพี่เสี่ยวจู เราเดินเที่ยวกันอีกสักหน่อยเถอะนะ ข้าเห็นมีหอน้ำชาอยู่เราไปที่หอน้ำชากันเถอะ " เหม่ยอิงจูงมือพี่เลี้ยงเข้าหอน้ำชาไป ภายในมีลูกค้ามากมายที่นั่งดื่มกินทั้งชาสุราและอาหาร เนื่องจากเป็นโรงน้ำชาที่มีขนาดใหญ่ ยังมีอีกส่วนที่เป็นสวน มีศาลาขนาดเล็กที่ตั้งเรียงเพื่อสำหรับลูกค้าที่มานั่งดื่มจิบชา และสุราอาหาร " เรานั่งกันตรงนี้แหละ ดูเงียบสงบดี " เหม่ยอิงเคยบอกกับพี่เลี้ยงของตน ก่อนที่จะนั่งลง " แม่นางทั้งสองคงมาจากเมืองอื่นเพราะข้าไม่เคยพบเห็น ท่านทั้งสองจะรับอะไรดีขอรับ " เหม่ยอิงและเสี่ยวจูสั่งอาหารและสุรา " พระชายาเพคะจะทรงดื่มสุราจริงๆหรือเพคะ เดี๋ยวก็เมาเอาหรอก " " ข้าแค่อยากลองชิมเฉยๆพี่เองก็ลองชิมดูนะ ข้าอยากรู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง " " แค่นิดเดียวนะเพคะเดี๋ยวจะเมา " " อืม ข้ารู้น่าไม่เมาหรอกเหล้าแค่เหยือกเดียวจะทำให้ข้าเมาได้ยังไง " ทั้งสองลองชิมเหล้ามักดอกท้อของหอน้ำชาที่ขึ้นชื่อ และดูเหมือนว่ารสชาติจะถูกใจทั้งสองสาวเป็นอย่างมาก เหม่ยอิงเริ่มหน้าแดงก่ำ และเริ่มรู้สึกว่าพี่เลี้ยงของตนนั้นนั่งไม่ตรง " พี่เสี่ยวจูทำไมพี่ถึงมีสอง หัว เอ๊ะ นั่นท่านอ๋องนี่นา แอบหนีมาที่โรงน้ำชานี่เอง แล้วทำไมถึงมีหญิงอื่นอยู่ด้วย หึ แอบมาทำเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม