อ้ายพญาน่ะของกู

1202 คำ
“สามผี! กินเรียบจ้ากินเรียบ เอามา” เสียงโห่ร้องดังคับวง ในตอนที่ฉันฟาดไพ่ลงบนผ้าถุงลายดอก ที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยไพ่เรียงอยู่หลายใบ “เซา ๆ เปลี่ยนผู้อื่นเป็นเจ้าแนสู อีนาวมันเอาเงินกูเบิดดากแล้ว” (พอ ๆ เปลี่ยนคนอื่นเป็นเจ้ามือเถอะ อีนาวเอาเงินกูไปหมดแล้วเนี่ย) หนึ่งในวงเอ่ยขึ้นอย่างเซ็ง ๆ พร้อมกับล้วงเงินในกระเป๋าออกมาให้ดูว่ามีไม่ถึงยี่สิบบาท “สูกะมาเปลี่ยนตี้ล่ะ มาอีตอง มึงมาเป็นเจ้า” (พวกมึงก็มาเปลี่ยนสิ มาอีตอง มาเป็นเจ้ามือ) พูดพร้อมกับรวบไพ่ทั้งหมดยื่นส่งให้กับใบตองที่นั่งอยู่ข้างกัน “ซุมสูพากันเห็นอ้ายอันนั่นบ่ ที่มาอยู่เฮือนตาพวงน่ะ” พวกมึงเห็นพี่คนนั้นยังวะ ที่มาอยู่บ้านตาพวงน่ะ) แตนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยพูด ในขณะที่เอื้อมมือมาตัดไพ่หลังจากที่ตองโชว์สเตปการสับไพ่ขั้นเทพเสร็จ จากนั้นก็เริ่มแจกไพ่รอบที่หนึ่ง “กะอ้ายอันนี่ล่ะ ที่ซุมกูไปเจออยู่บ้านดอนน่ะ” (ก็พี่คนนั้นแหละ ที่พวกกูไปเจออยู่บ้านดอนน่ะ) แหวนเอ่ยพลางทำหน้าเหมือนจะตาย เมื่อเปิดไพ่ขึ้นและพบว่าแต้มที่เผยให้เห็นไม่เป็นที่น่าพอใจ ต่างจากฉันที่เปิดออกมาก็ขึ้นเลขเก้าเลย คนมันดวงดี จะเป็นเจ้าเป็นขามันก็สามารถเฮงได้หมดนั่นแหละ “กูขับรถผ่านมื่อเซ่า เลาออกมาใส่บาตรพอดี ตาสะออนคัก หล่อว่าแมนดารา” (กูขับรถผ่านเมื่อเช้า เขาออกมาใส่บาตรพอดี อื้อหืออ แม่งโคตรหล่อ นึกว่าดาราเสียอีก) “อ้ายพญาน่ะของกูจ้าสาว กูจองแล้ว” (พี่พญาน่ะของกูจ้า กูจองแล้ว) พูดพร้อมกับวางไพ่ลง แล้วรอรวมเงินจากใบตองที่เป็นเจ้ามือคนใหม่ “ของมึงอีกแล้วติ รอบอ้ายสิงห์มึงกะเว่าจังซี่ เป็นได๋ อีเพื่อนรักมึงมาแย่งไปซ่ำ” (ของมึงอีกแล้วเหรอ รอบพี่สิงห์มึงก็พูดแบบนี้ เป็นไงล่ะ อีเพื่อนรักมึงแย่งไปแล้ว) “สิตบปากเจ้าของฮึสิให้กูลุกขึ้นไปตบ” (มึงจะตบปากตัวเองหรือจะให้กูลุกขึ้นไปตบ) นิ้วมือกรีดขึ้นชี้หน้าคนที่อยู่ตรงกันข้ามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ส่งผลให้บรรยากาศภายในวงตึงเครียดขึ้นมาทันที แตนกดดันจนประหม่า ก่อนจะยอมยกมือขึ้นตบปากตัวเองอย่างลวก ๆ แทนการถอนคำพูด “อย่าเว่าจังซี่อีก กูบ่มัก อีมินตรามันบ่ได้แย่งของไผ แล้วอ้ายสิงห์เลากะบ่แมนของกู แต่อ้ายพญาน่ะ... ของกู” (อย่าพูดแบบนี้อีก กูไม่ชอบ อีมินตรามันไม่ได้แย่งของใคร แล้วพี่สิงห์ก็ไม่ใช่ของกู แต่พี่พญาน่ะ... ของกู) “เลิศ!” แหวนปรบมืออย่างภูมิใจในความแรดของเพื่อน ไอ้เรื่องไม่ดีนี่สนับสนุนกันนัก ฉันใช้เวลาตั้งแต่บ่ายจรดค่ำในการเล่นไพ่ จวนกระทั่งฟ้ามืดก็ขอตัวกลับบ้าน เพื่อนคนอื่น ๆ จึงแยกย้ายกันกลับด้วยเช่นเดียวกัน “มาทันพาข้าวพอดีเลยตั้วหนิ กะเวลาแม่นอิหลี” (มาทันข้าวเย็นพอดีเลย กะเวลาแม่นจริง ๆ) ฉันยิ้มร่าตรงเข้ามาใต้ถุนบ้าน ก่อนจะหย่อนก้นลงบนแคร่และชะโงกหน้าไปส่องอาหารที่วางเรียงอยู่สองสามอย่าง “ไปเอาหน่อไม้มาแต่ไสแม่” (เอาหน่อไม้มาจากไหนเหรอแม่) พูดโดยไม่สนใจหันไปมอง รีบเปิดกระติบข้าวแล้วจ้วงตักแกงหน่อไม้คำใหญ่ใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ตามด้วยข้าวเหนียวร้อน ๆ ทันที “ผู้ใหญ่เพินเอามาให้” (พ่อผู้ใหญ่เขาเอามาให้) คำตอบของแม่ทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบตีมึนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แล้วเลาไปใส คือบ่มากินนำกัน” (แล้วเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่มากินด้วยกัน) พูดพร้อมกับชะเง้อคอมองไปที่บ้านไม้หลังใหญ่ที่อยู่ติดกัน ซึ่งปกติพ่อผู้ใหญ่จะมากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ แต่อยู่ ๆ เขาก็หายหน้าหายตา คงตั้งแต่... ที่ฉันขึ้นเสียงตะคอกใส่เขาในวันนั้นที่บ้านของตาพวง “แล้วมึงไปปากหมาอิหยังใส่เลา” (แล้วมึงไปปากหมาอะไรใส่เขาล่ะ) “...” นี่เขาพูดถึงเหตุการณ์นั้นให้พ่อกับแม่ฉันฟังด้วยเหรอเนี่ย “ปากหมาหยัง กะเว่าความจริง เลามีแต่ป้อยมีแต่ด่า เฮ็ดโตน่ารำคาญ” (ปากหมาอะไร ก็พูดตามความจริง พ่อผู้ใหญ่มีแต่บ่นมีแต่ว่า ทำตัวน่ารำคาญ) “เลาป้อยเลาด่าเลากะหวังดีนำมึงนั่นล่ะ คันเลาบ่ฮักบ่แพงเลาบ่ส่งเสียมึงจนเรียนจบสูงปานนี่ดอก เบิดบ้านนี่ไผสิได้เรียนสูงซำมึง กูกับแม่มึงสิมีปัญญาส่งมึงไปได้ดีปานนั่นบ่” (เขาบ่นเขาว่าก็เพราะหวังดีกับมึง ถ้าไม่รักไม่เอ็นดูเขาคงไม่ส่งเสียให้มึงเรียนจบสูงขนาดนี้หรอก หมดหมู่บ้านนี้ใครจะเรียนสูงได้เท่ามึง กูกับแม่มึงจะมีปัญญาส่งให้เรียนสูงขนาดนั้นไหม) “ข่อยขอเลาติ เลาอยากส่งเรียนเองตั้ว สิมาทวงบุญคุณหยัง” (ฉันขอเหรอ? เขาอยากส่งเสียให้เรียนเอง จะมาทวงบุญคุณเพื่ออะไร) ฉันชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ตามนิสัยคนเจ้าอารมณ์ “เลาบ่เคยทวงบุญคุณจักเทือ มีแต่กูหนิอยากให้มึงสำนึกบุญคุณแน อย่าหัดเป็นคนเนรคุณหลาย” (เขาไม่เคยทวงบุญคุณสักครั้ง มีแต่กูนี่แหละที่อยากให้มึงสำนึกบุญคุณ อย่าเป็นคนเนรคุณให้มันมาก) แกร๊ง! “บ่กินแล้ว รำคาญ” (ไม่กินแล้ว รำคาญ) ช้อนกระทบลงขอบชามเสียงดัง ก่อนที่ฉันจะเดินกระแทกเท้าขึ้นมาบนบ้าน โดยมีเสียงพ่อตะโกนด่าไล่หลัง “ปากดีจังซี่กูน่าสิเอาขี้เถ้ายัดปากมึงเนาะ บ่น่าเลี้ยงมึงมาเลย เสียข้าวสุกคัก ซางบ่ตายแทนเอื้อยกูเนาะ” (ปากดีแบบนี้กูน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากมึงเนอะ ไม่น่าเลี้ยงมึงให้เสียข้าวสุกเลย มึงน่าจะตายแทนพี่กูแต่แรก) “เฒ่า เอาล่ะ ใจเย็น ๆ” (พี่ พอแล้ว ใจเย็น ๆ) ปัง! ฉันปิดประตูเสียงดังจนบ้านสะเทือน ก่อนจะทิ้งตัวลงเตียงด้วยอารมณ์เดือดดาล โมโหกับทุกสิ่งอย่างที่จัดการไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปหรอกนะ แต่หากจะให้ไปขอโทษก่อน มันก็ไม่ใช่นิสัยของฉันอีก ยิ่งมาถูกด่าซ้ำแบบนี้ยิ่งเตลิดไปใหญ่ คอยดูเถอะ จะงอนไม่พูดกับใครทั้งสิ้นเลย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม