บทที่ 2 นาเดียร์คนเดิม

1927 คำ
บทที่ 2 นาเดียร์คนเดิม  “เห็นพาสาวมาด้วยเราเลยเกรงใจ คนนั้นเป็นแฟนใช่ไหมอะ?” ดวงตาของคนถามไหววูบเล็กน้อยทว่าก็กลับมาเป็นปกติเมื่อได้ฟังคำตอบ “ไม่ใช่แฟน” “ไม่ใช่แฟนแล้วพาเข้าห้องได้ยังไง” “นั่งอยู่ร้านแถวนี้ น้องเลยขอขึ้นมาฉี่” “แสดงว่าสนิทมาก” จะสนิทเท่าเธอหรือเปล่า? นาเดียร์อยากถามแต่ยั้งปากไว้ทัน เธอต้องเว้นระยะห่าง เมื่อกี้ก็เผลอกอดไปแล้ว ถ้าเซ้าซี้ขี้บ่นจอมทัพอาจรำคาญจนถึงขั้นไล่ไปอยู่ที่อื่น “ไม่ได้สนิทมาก เพิ่งเริ่มคุย” “คุย?” เอียงคอทำสงสัย ‘คุย’ หมายถึงอะไรเขาต้องขยายความ เผื่อเจอคนนั้นอีกเธอจะได้ทำตัวถูก “คนคุยไง เพิ่งคุยได้เดือนเดียวเอง” “อ๋อ” หญิงสาวทำเสียงรับรู้พร้อมทำความเข้าใจ เป็นปกติที่จอมทัพมีสาวเข้ามาพัวพัน ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มเขาไม่เคยขาดหญิง หลายคนวนเวียนเข้ามา คุยจริงจังบ้าง คุยเล่นบ้าง ถ้าให้นับก็หลายสิบคน เธอเลยชินกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ทำให้อยากเว้นระยะห่าง คงเป็นวันที่เจอถุงยางในคอนโซลกลางรถตอนเรียนปีหนึ่งที่ขอนแก่น ยอมรับว่าวันนั้นช็อกมาก จอมทัพเองก็ไม่ปิดบัง เขายอมรับว่าก่อนมารับเธอไปกินข้าวเพิ่งไปหาสาวที่หอพักมา นับจากนั้นโลกของนาเดียร์ก็หม่นหมอง เธอวางตัวไม่ถูก เริ่มไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้า กอปรกับผู้ใหญ่เตือนเรื่องความเหมาะสม สุดท้ายนาเดียร์ก็แยกตัวออกมา เธอไม่คุยกับจอมทัพ ตอนเช้าก็ไม่ไปปลุก ทำตัวห่างเหิน พยายามหาเพื่อนใหม่ เลิกเกาะติด เลิกทำตัวสนิทสนม แต่เมื่อถูกง้อ โดยเขาสัญญาว่าเธอจะเป็นที่หนึ่งเสมอ นาเดียร์จึงกลับมาเกาะติดจอมทัพเหมือนเดิม กระทั่งทะเลาะกันเพราะเธอเลือกย้ายไปอยู่ภูเก็ต ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจึงหยุดชะงักอีกครั้ง “แค่คุย..ไม่รู้จะได้คบหรือเปล่า” เขาขยายความอีกครั้ง “ได้คบล้านเปอร์เซ็นต์ ทัพออกจะหล่อ เอาใจก็เก่ง ใจดีที่สุด ใครไม่ชอบถือว่าโง่มาก” “งั้นคงมีคนโง่ 1 อัตราแล้วล่ะ” “ใครโง่? เรายังไม่เคยเห็นทัพจีบสาวแล้วพลาดสักคน” “เราเคยจีบใครที่ไหน” “อย่าโม้ เห็นจีบตลอด บางทีก็คุยซ้อนตั้งสามสี่คน เราต้องออกหน้าเคลียร์ปัญหาให้ตั้งหลายที ผู้หญิงจะตบกันก็ตั้งหลายหน อย่าพูดว่าไม่เคยจีบหน่อยเลย” “ผู้หญิงมาชอบเอง แล้วก็เขม่นกันเอง ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” “ไม่เกี่ยวแต่ก็พาหญิงเข้าม่านรูดไม่พักเนี่ยนะ!” ตอนนั้นเธอเห็นเขาพกถุงยางเป็นกะตั้ก คนในมหา’ ลัยยังเม้าท์ว่าจอมทัพใช้บริการม่านรูดบ่อยเสียจนได้ส่วนลดค่าห้องสามสิบเปอร์เซ็นต์ ลองคิดดูว่าเขาเจ้าชู้และสำส่อนขนาดไหน “พูดไปเรื่อย “ชายหนุ่มกลอกตามองบนเมื่อเห็นแววคาดโทษจากเพื่อนตัวน้อย แล้วไอ้ที่บอกว่าตัวเองเคลียร์ปัญหาให้ คือน่าจะสร้างปัญหาเพิ่มให้เขามากกว่า “ทัพน่ะร้าย ทำให้ผู้หญิงหยุมหัวกันตลอด ตอนเราไม่อยู่ไม่รู้ยังทำเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า” "เฮ้อ ตามนั้นแล้วกัน" คนเจ้าชู้ขี้เกียจแย้งเลยทำเป็นยอมรับ เขาเบื่อจะเถียงจึงมองสำรวจร่างผอมบางแทน ดูไปเรื่อยจนสะดุดเข้ากับจุกเล็ก ๆ บนตำแหน่งหน้าอกกลมโต หากเป็นเมื่อก่อนคงไล่หญิงสาวไปใส่ชั้นใน ทว่าตอนนี้คงไม่ อาหารตามาป้อนให้เห็นถึงที่ใครจะไม่มอง ถึงไม่เหมาะสมและไม่ควรทำ แต่หนุ่มวัยคะนองก็ไม่อาจหักห้ามสัญชาตญาณผู้ชายได้ “มีอะไร?” หญิงสาวรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กับสายตาที่มองมา “ไม่มี๊” ปากบอกไม่มีแต่มองพุ่งไปยังเนินเนื้อเจ้าปัญหา เพียงเท่านั้นเจ้าของเต้านมก็รู้ตัวทันที “ทะลึ่งนะ! ผีบ้าจริง ๆ เลย!!” นาเดียร์ยกมือปิดส่วนเต่งตึงพร้อมหันหลังทันที จังหวะนี้ไม่ใช่แค่หน้าแดง เธอแดงไปทั้งตัวแล้วต่างหาก ด้วยความเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังนั่งเป่าผม พอได้ยินเสียงกดรหัส เธอจึงวิ่งออกมาต้อนรับเจ้าของห้อง ไม่ทันนึกถึงเสื้อยืดตัวบางไร้ชั้นในกับกางเกงขาสั้นที่สวมใส่อยู่ จอมทัพน่ะเจ้าชู้ตาไว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นกับเธอด้วย ทั้งที่เคยกอดเคยหอมมานับไม่ถ้วน ทว่าครั้งนี้นาเดียร์กลับเขินอายจนแก้มจะแตก เดาไม่ถูกว่าเขาแค่อยากแกล้ง หรือตั้งใจทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ แต่ที่แน่ ๆ เธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งร่างกาย “เธอไม่ใส่เสื้อในเองนะ” “จะใส่ ไม่ใส่ ทัพก็ห้ามมอง!!” หญิงสาวเอี้ยวหน้ามาแว้ดด้วยอาการฉุนเฉียว กระนั้นจอมทัพก็ไม่สะทกสะท้าน เขายักไหล่ก่อนหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ทรงสูง สายตายังจับจ้องหลังบอบบางไม่วางตา นาเดียร์มีรูปร่างผอมเพรียว คงเพราะเป็นคนกินยากจึงน้ำหนักน้อย แขนขาไม่ถึงกับเล็กจนน่าเกลียด แต่ถ้าเทียบกับมนุษย์ร่างควายอย่างเขาก็คนละไซซ์ ทว่ามีบางส่วนที่ใหญ่เกินตัว หน้าอกตูม ๆ กับก้นงอนเช้ง สองสิ่งนี้ดึงดูดแมลงตัวผู้ให้มาตอมได้ไม่ยาก สมัยเรียนที่ขอนแก่นด้วยกัน ไม่ใช่แค่เขาที่ฮอตจนได้สัมภาษณ์ลงเพจมหา’ ลัย นาเดียร์ก็ฮอตไม่แพ้กัน หนุ่มจากทั่วสารทิศต่างให้ความสนใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมีอาการหวาดวิตกเมื่อถูกคนไม่สนิทเข้าใกล้ เธอคงมีแฟนไปแล้ว ไม่ใช่เอาแต่เกาะติดเขาเป็นลูกลิง เขาไปไหนเธอไปด้วยหมด ไม่เว้นกระทั่งไปเที่ยวแบบผู้ชาย ๆ เจ้าตัวก็ยังดื้อขอตามไป “ได้งานทำที่ร้านหนังสือคืออะไร?” “ก็เราต้องทำงานไง" เธอตอบเสียงเบาและยังคงกอดอกยืนหันหลังให้เขาเหมือนเดิม “ไม่ได้เรียนต่อใช่ไหม?” “ไม่ได้เรียน” คนถูกซักไซ้ยอมรับเสียงอ่อย “น้าดวงจะส่งเรียนจนจบป.ตรีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเธอต้องทำงานล่ะเดียร์” นัยน์ตาคมลุกวาวด้วยความไม่พอใจ โกรธที่แม่ของเพื่อนกลับกลอก ไม่ยอมทำตามที่รับปากพ่อของเขาไว้ “แม่ไม่มีเงิน มหา’ ลัยที่ภูเก็ตค่าเทอมแพง เราเองแหละที่ไม่อยากเรียน อยากหาเงินช่วยแม่มากกว่า ไว้เก็บเงินได้สักก้อนเราจะลงเรียนใหม่เอง” เสียงของเธอขาดห้วงคล้ายสะเทือนใจ แต่ยังอุตส่าห์หันมายิ้มหวานให้เขา จอมทัพได้แต่ส่ายหน้าระอากับคนมองโลกในแง่ดี แต่ชะตากรรมของตัวเองแทบติดลบ อาภัพมาตั้งแต่เด็กก็ว่าได้ แม่ของเขาเล่าให้ฟังว่า ดวงใจท้องกับเพื่อนในหมูบ้านแต่ผู้ชายไม่ยอมรับ จึงต้องย้ายที่อยู่เพื่อหนีอาย ยายแท้ ๆ ของนาเดียร์พอมีเงิน จึงย้ายครอบครัวเข้าเมือง ซึ่งก็เป็นบ้านหลังที่ติดกับบ้านของเขา พอคลอดลูกได้หกเดือนดวงใจก็ไปทำงานภูเก็ต ปล่อยให้นาเดียร์อยู่กับยาย ส่งเงินให้นิดหน่อย มาเยี่ยมไม่บ่อยนัก ถึงยายเดือนมียอดเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง แต่ยอดเอาแต่กินเหล้าเมาหัวราน้ำ ไม่ทำงานแถมยังเป็นภาระ ไม่มีเงินกินเหล้าก็ทุบตีแม่ ซึ่งนาเดียร์เห็นน้าชายทำร้ายยายทุกครั้ง พอหญิงสาวอายุสี่ขวบยอดก็ถูกจับ ไม่นานก็ตายในคุก บ้านนี้จึงเหลือแค่ยายกับหลาน ยอดตายไปแล้วแต่ร่องรอยความรุนแรงก็ยังอยู่ นาเดียร์มีอาการหวาดกลัวเป็นช่วง ๆ เมื่อถูกเพศชายเข้าใกล้ เพราะเธอมีภาพจำอันเลวร้ายในวันวาน ส่วนยายเดือนก็ไม่แข็งแรง เนื่องจากถูกทุบตีหลายครั้ง ต้องไปหาหมอเป็นประจำ เงินทองก็ร่อยหรอ จึงทำให้ยายหลานขัดสนเรื่อยมา วันไหนไปหาหมอตามนัด ยายเดือนมักเอานาเดียร์มาฝากให้แม่ช่วยดู จึงทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่จำความได้ ครอบครัวของเขาให้ความช่วยเหลือยายเดือนหลายอย่าง นานวันเข้าก็เหมือนญาติสนิท ถ้อยทีถ้อยอาศัย แม่เลี้ยงเขาอย่างไรก็เลี้ยงนาเดียร์อย่างนั้น รักไม่ต่างจากลูกสาวแท้ ๆ “น้าดวงขายบ้านพร้อมที่ดินได้ตั้งสามล้าน เงินไปไหนหมด” ซึ่งก็เป็นพ่อใหญ่จอมทองซื้อไว้ จ่ายสดไม่มีต่อรองสักสลึง ภายในหนึ่งปีดวงใจผลาญจนหมดเลยเหรอ “ไม่รู้” หญิงสาวตอบด้วยความสัตย์จริง “แล้วที่รู้มีอะไรบ้าง?” “เราไม่ค่อยรู้อะไรหรอก” “เดียร์!!” จอมทัพกดเสียงให้หนักเพื่อคาดคั้นคนดื้อ “จะดุทำไมอะ” หญิงสาวทำหน้ามุ่ย “เธอดื้อไง” “ถ้าป้านัทยังอยู่ ทัพคงไม่กล้าดุเรา” “ไม่ต้องเอาแม่มาอ้าง” แม่ของจอมทัพจากไปตอนเขาอายุสิบสองปี ตอนนั้นเขากับพ่อเสียใจมาก ถ้าไม่ได้ยายเดือนกับนาเดียร์คอยปลอบก็คงสาหัส เหตุนี้จึงทำให้สองครอบครัวแน่นแฟ้นมากขึ้น พอปีที่แล้วยายเดือนมาจากไปอีกคน สถานการณ์ก็กลับมาหม่นหมองอีกครั้ง ซ้ำนาเดียร์ยังเลือกย้ายไปอยู่กับแม่ แทนที่จะอยู่ด้วยกันอย่างที่เคยสัญญา เขากับพ่อจึงเคว้งคว้าง กว่าจะตั้งหลักได้ก็นานหลายเดือน “ย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะมีปัญหากับน้าดวงใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำ “ง่วงจังเลย เราไปนอนดีกว่า” “เดียร์!!” “ฝันดีนะจอมทัพสุดหล่อ” “เดี๋ยว!!! ชิท์” ปัง! ห้ามไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนตัวเล็กวิ่งหนีเข้าห้อง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงล็อกประตู เธอคงป้องกันไม่ให้บุกเข้าไปถาม เป็นแบบนี้ก็คงปล่อยไปก่อน ด้วยความสนิทชิดเชื้อ นาเดียร์เลยทำตามใจได้เสมอ คอนโดของเขาก็เหมือนคอนโดของเธอ ถ้าให้เดาเพื่อนตัวน้อยคงสำรวจทุกซอกทุกมุมเป็นที่เรียบร้อย น่าจะมาถึงตอนเขาออกไปเรียน จึงมีเวลาจัดการสัมภาระที่เตรียมมา นาเดียร์คงรู้ว่าต้องนอนห้องไหน เลยจัดแจงทุกอย่างในเวลาอันรวดเร็ว ดีที่เพิ่งจ้างคนมาทำความสะอาด ไม่งั้นคงถูกบ่นหูชากับความรกรุงรังตามประสาชายโสดแต่ไม่สดเช่นเขา “เฮ้อ” จอมทัพหลับตาแล้วถอนหายใจ หวนนึกถึงความทรงจำระหว่างกันในอดีตแล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏ เขากัดมุมปากเมื่อภาพวันวานย้อนกลับมาในความคิด นาเดียร์ติดเขามาก ติดมาตั้งแต่เด็ก นึกไม่ออกว่าตอนที่ไม่มีเขา เธอดำเนินชีวิตอย่างไร แม้อาการหวาดวิตกจะดีขึ้นมาก แต่ยังหลงเหลืออาการให้เห็นเป็นพัก ๆ เขาห่วงเรื่องนี้ที่สุด อยู่ทางโน้นเธอสนิทกับใครบ้าง? ยังขี้กลัวอยู่ใช่ไหม? ยังอ้อนเก่งอยู่หรือเปล่า? ยังงอแงเวลาถูกขัดใจใช่หรือไม่? คงเป็นคำถามที่ไม่มีวันรู้ หากเขาไม่พิสูจน์ด้วยตัวเอง..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม