ตอนที่ 7 ข้ามขั้น

1815 คำ
“ดิน ไปกินข้าว” “หืม วันนี้นายลงข้างล่างเหรอ” “อือ เฟิร์นอยากไปกิน” “คุณเฟิร์น.....” “คะ” “ซนเหมือนกันนะครับเนี่ย” “ใช่เหรอคะ” สองหนุ่มสาวพากันเดินออกมาด้านนอก ก็พบว่าดนัยกำลังเก็บของเตรียมตัวจะเข้าไปถามพวกเขาพอดีว่าจะกินอะไร จึงพากันชวนให้ดนัยไปด้วยกัน “ถ้าผมไปด้วย จะเป็นก้างขวางคอไหมครับ” “จะไปหรือไม่ไป” วชิรวิษแกล้งถามเสียงเข้ม “ไปครับ” “เออ” หทัยชนกหัวเราะเมื่อเห็นทั้งสองคนแกล้งกัน ดนัยเองก็แกล้งทำปากเบะ วชิรวิษจึงหยิบปากกาบนโต๊ะใกล้มือขว้างไปใส่เขา และเขาก็รับได้พอดีราวกับเคยชิน “โหดร้ายจังเลยนาย ระวังคุณเฟิร์นหนีนะ” “นายสิระวัง เฟิร์นโหดกว่าฉันอีก” “โอเค งั้นผมยอมแพ้ เชิญครับ” ทั้งสามคนพากันลงลิฟต์ไปยังห้องอาหารของพนักงาน ปกติถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่ยุ่งมากก็จะลงมากินมื้อเที่ยงกับดนัยที่นี่ แต่ถ้าวันไหนงานเยอะเขาจะให้ดนัยซื้อของกินไปให้ข้างบนแทน “คนมองคุณเฟิร์นเต็มเลยครับ” “แหงสิ คนดังนี่นา” วชิรวิษเห็นด้วยกับลูกน้องคนสนิท “เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชินกันค่ะ” “จะมาบ่อยๆเหรอคะ” ชายหนุ่มจับมือนุ่มของเธอเอาไว้ “ก็อาจจะนะคะ” “อาจจะ…..” “ไปหาที่นั่งกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปสั่งอาหารให้ครับ” หลังจากดนัยเดินแยกออกไปวชิรวิษก็พาหญิงสาวไปหาที่นั่งมุมที่คนไม่เยอะมาก เพื่อให้หญิงสาวไม่รู้สึกอึดอัดหากมีคนมองเวลากินข้าว ไม่นานดนัยก็เดินกลับมาพร้อมกับยกถาดอาหารเข้ามาด้วย เขาสั่งเป็นกับข้าวและสั่งข้าวเปล่ามา 3 จาน เพราะโดยปกติแล้วทั้งตัวเขาและวชิรวิษก็จะกินข้าวกันแบบนี้ “ลงมือเถอะจ้ะ” บนโต๊ะอาหารมีเสียงพูดคุยเบาๆสลับไปกับการกินข้าวของแต่ละคน โชคดีที่พวกเขาพูดคุยกันถูกคอ มื้ออาหารจึงไม่เงียบและไม่น่าอึดอัด จนกระทั่งใกล้ได้เวลา จึงพากันกลับขึ้นไปชั้นบนและเตรียมตัวเข้าประชุม หทัยชนกพยักหน้าให้เขาสบายใจเมื่อวชิรวิษมองเธอก่อนออกไป หญิงสาวนั่งเล่นอยู่คนเดียวก็เริ่มเบื่อ จึงสแกนลายนิ้วมือเข้าไปยังห้องส่วนตัว และนอนเล่นโทรศัพท์จนกระทั่งหลับไป “เดี๋ยวนายไปจัดการรวบรวมเอกสารของแต่ละแผนกมาด้วยนะ” “ครับ แล้วนายจะลงไปตรวจสอบที่โรงงานไหมครับ” “ไป แต่เดี๋ยวต้องหาวันลงไปอีกที” “ครับผม” “ไปทำงานต่อเถอะ” “ครับ” หลังจากเดินมาถึงที่ห้องทำงาน ดนัยวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะ และหลังจากรับคำสั่งเรียบร้อย เขาก็เดินออกจากห้องไป มือใหญ่ปลดกระดุมเม็ดบนกับดึงเนกไทให้หลวมเล็กน้อย ก่อนจะสแกนลายนิ้วมือห้องพักผ่อนแล้วเปิดประตูออก เห็นหญิงสาวกำลังหลับสนิทก็ไม่ได้กวน เขาทำเพียงล้างหน้าให้สดชื่นขึ้นแล้วกลับออกมานั่งทำงานตามเดิม ไม่นานหทัยชนกก็รู้สึกตัวตื่น เธอลุกขึ้นหลังจากที่มองนาฬิกาที่ปลายเตียง ร่างบอบบางเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานก็กลับออกมาด้วยใบหน้าที่เปียกชื้น “ผ้าผืนไหนใช้ได้ล่ะเนี่ย…..” “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” ประตูถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงทุ้ม “ค่ะ พี่คิว ผ้าผืนไหนใช้ได้คะ เฟิร์นจะเช็ดหน้า” “เปิดตู้ในห้องน้ำเลย มีผ้าผืนเล็กอยู่ พี่จะเอาไว้ใช้เช็ดหน้า” ร่างบอบบางหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องน้ำ เปิดตู้ที่อยู่ข้างอ่างล้างหน้า หยิบผ้าผืนเล็กออกมาแล้วซับใบหน้าเบาๆโดยมีร่างสูงเดินตามเข้ามา “ประชุมเสร็จนานแล้วเหรอคะ” “สักพัก ก่อนเฟิร์นตื่นไม่นาน” ร่างสูงขยับมายืนซ้อนแผ่นหลังบอบบาง มือสองข้างเคลื่อนมากอดร่างเล็กเอาไว้หลวมๆ “คะ?” “ปีนี้เฟิร์นอายุ 22 แล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ” “แต่งงานกันเถอะ” “…..” หญิงสาวหน้าเหวอเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอลดมือที่ถือผ้าผืนเล็กลง แล้วมองสบตาเขาผ่านกระจก “แต่งเงียบๆก็ได้ ถ้าเฟิร์นกลัวคนรู้” “อารมณ์ไหนคะเนี่ย” “อารมณ์อยากอยู่ด้วยครับ” “คบเฉยๆเปลี่ยนใจได้นะคะ ถ้าแต่งงานแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะคะ” “ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจนี่ครับ” “…..” “ครอบครัวพี่ไม่มีใคร พ่อแม่พี่เสียชีวิตหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่เคยติดต่อกับใครเลย พี่สร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยตัวของพี่เอง พี่ไม่ได้จำเป็นต้องแคร์ใคร แต่พี่รู้ว่าเฟิร์นแคร์แฟนๆของเฟิร์น” “ยิ่งแคร์พวกเขาก็ยิ่งต้องบอกพวกเขานะคะ” “แล้วแต่เฟิร์นเลยจ้ะ” “…..” “เอาเป็นว่าตกลงแล้วนะ” “…..ค่ะ แต่คงต้องไปบอกกล่าวกับผู้ใหญ่ทางช่องด้วย” “อื้ม จะไปวันไหนก็บอกพี่” ร่างสูงโน้มตัวเล็กน้อย ซบใบหน้าหล่อเหลาลงบนไหล่บอบบางเบาๆ ทั้งคู่ส่วนสูงไม่ได้ต่างกันมาก อาจจะเพราะหทัยชนกเป็นนักแสดง เธอสูงถึง 170 เซนติเมตร แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อวชิรวิษมากนัก เพราะตัวเขาเองก็สูงถึง 190 เซนติเมตร จึงเป็นส่วนสูงที่ค่อนข้างพอดีสำหรับทั้งสองคน หญิงสาวปล่อยให้เขากอดเธอหลวมๆอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายปล่อยเธอเอง ทั้งคู่จึงพากันออกมาด้านนอก หทัยชนกเดินไปหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟา เป็นจังหวะเดียวกับที่ดนัยเปิดประตูเข้ามาพอดี “นาย มีปัญหาครับ สงสัยคืนนี้เราจะได้นอนที่นี่อีกแล้วล่ะครับ” ดนัยนำเอกสารดังกล่าวมาวางลงบนโต๊ะพร้อมกับบอกสีหน้าเจื่อน “อืม ไม่เป็นไร” “ครับ” ดนัยพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป “เฟิร์น พี่คงไม่ได้กลับบ้านแล้วล่ะ” ชายหนุ่มหันมาบอกคนรักสาวที่เพิ่งตอบตกลงแต่งงานกับเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เดี๋ยวเฟิร์นอยู่ด้วยค่ะ เฟิร์นไม่มีงานอยู่แล้ว” “ไม่เป็นอะไรเหรอ” “ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวเฟิร์นส่งข้อความบอกป๊า” “งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเราสั่งอะไรมากินก็แล้วกันเนอะ” “ค่ะ พี่ทำงานไปเถอะ เฟิร์นเอาหนังสือมาด้วย เดี๋ยวเฟิร์นลงไปเอาที่รถ” “จ้ะ ขอโทษนะคะ” “ขอโทษทำไมคะ เรื่องงานนี่คะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาสบายใจ เธอไม่มีปัญหาเลย ถึงแม้เขาจะไม่มีเวลาให้เธอ เพราะถ้าเขามีเวลาว่าง เขาจะไปหาเธอที่บ้านเสมอ “เดี๋ยวเฟิร์นมานะคะ ลงไปเอาหนังสือที่รถก่อนค่ะ” “เอารถมาจอดที่ชั้นผู้บริหารดีกว่านะ มาจอดที่จอดของพี่ มีล็อกว่างอยู่” “ค่ะ” “ใช้บัตรนี้ผ่านเข้าออกนะคะ” ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักแล้วหยิบบัตรวีไอพีของเขาส่งให้หญิงสาวที่เดินมารับ ก่อนจะเปิดประตูออกไป หลังจากหทัยชนกออกไป ดนัยก็เปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง เขามีสีหน้าไม่ค่อยดี จนเมื่อได้รายงานปัญหากับเจ้านายหนุ่มและได้รับคำสั่ง เขาก็รีบออกไป นานหลายสิบนาที กว่าที่หทัยชนกจะกลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อกลับเข้ามาเธอได้เห็นว่าทั้งดนัยและวชิรวิษกำลังทำงานสีหน้าเครียด เธอจึงไม่ได้รบกวนและนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ที่โซฟา และระหว่างที่รอทั้งคู่ทำงานหญิงสาวกดสั่งอาหารเตรียมเอาไว้สำหรับทั้งเธอและพวกเขา หลายชั่วโมงกว่าที่วชิรวิษและดนัยจะได้เงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ พวกเขามีสีหน้าเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” “เอกสารข้อมูลการนำเข้าโดนแฮกน่ะ ตอนนี้ฝ่ายไอทีกำลังเร่งเปลี่ยนรหัสและตามหาต้นทางที่แฮกข้อมูลอยู่” “ดีที่นายตั้งรหัสไว้ 3 ชั้นนะครับ ไม่งั้นก็คงแก้ไขไม่ทัน” ดนัยพูดสมทบด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “แล้วตอนนี้ถึงไหนแล้วคะ” “ยังหาต้นทางไม่ได้เลย แต่ป้องกันระบบได้แล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นคลึงขมับตัวเองเบาๆ “เฟิร์นช่วยไหมคะ” “หืม…..” วชิรวิษกับดนัยส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะทำหน้าเหวอเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมาดึงให้เจ้าของห้องลุกออกไปจากเก้าอี้ “เห็นอย่างนี้ก็จบไอทีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะคะ รบกวนต่อสายผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวหันไปบอกร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอเชิงคำสั่ง ชายหนุ่มหันไปพยักหน้ากับดนัย เขาจึงรีบยกโทรศัพท์แล้วต่อสายหาหัวหน้าฝ่ายไอทีที่ตอนนี้ทั้งทีมกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา หลังจากที่หทัยชนกได้พูดคุยสอบถามกับทางทีมไอที เธอได้สั่งอะไรบางอย่างกับเขา และเธอก็จัดการเข้าระบบไฟล์ที่ต้องการ เพียงไม่กี่วินาทีเสียงกดแป้นพิมพ์รัวเร็วก็ดังขึ้นพร้อมกับทางทีมไอทีก็ทำไปพร้อมกับเธอเช่นเดียวกัน สองหนุ่มหันมองหน้ากันด้วยสีหน้าอึ้ง วชิรวิษขยับตัวเดินมาอยู่ด้านหลังเก้าอี้ด้วยความเงียบ เขามองภาพที่หญิงสาวกำลังใช้คอมพิวเตอร์ของเขาจัดการถอดรหัสเพื่อตามหาต้นทางที่ทำการแฮกข้อมูลของบริษัทเขาด้วยแววตานิ่งลึก เป็นเวลานานกว่าที่หญิงสาวจะผ่อนความเร็วมือที่กำลังกดแป้นพิมพ์ จนกระทั่งเธอหยุดลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เป็นยังไงบ้าง” “รอทางไอทีติดต่อมาได้เลยค่ะ” ร่างบอบบางลุกออกจากเก้าอี้เพื่อคืนที่นั่งให้กับเจ้าของ ก่อนที่เธอจะเดินไปหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาเพื่อรอ ไม่นานทางฝ่ายไอทีก็ติดต่อกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรายงานผล วชิรวิษกับดนัยมองหญิงสาวที่นั่งยิ้มหวานด้วยความอึ้ง “อะไรคะ” “…..เปล่าครับ” สองหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองเพื่อทำงานต่อ “เฟิร์นสั่งมื้อเย็นไว้ให้ทั้งสองคนแล้วนะคะ” “ครับ” และเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองหนุ่มตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน หทัยชนกมองพวกเขาที่หายตกใจและทำงานต่อสีหน้าเคร่งเครียดด้วยแววตาเป็นห่วง อย่างน้อยการที่เธออยู่ที่นี่ต่อก็ยังสามารถช่วยงานพวกเขาได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม