บทที่ 03 สองขีด

1635 คำ
สามเดือนผ่านไป "สะ สองขีด…" พรึ่บ! ที่ตรวจครรภ์ร่วงหล่นจากมือบางของคนยืนนิ่งสนิทเพราะร่างกายยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นผลตรวจจากอุปกรณ์ที่ใช้กับร่างกายปรากฏชัดว่าเธอมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและตั้งใจ แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวกลับทำให้ชีวิตเธอพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ "แน่ใจนะ เพราะถ้าผมเริ่มแล้ว หยุดไม่ได้แล้วนะครับ" "ฉันแน่ใจค่ะ" ภาพในวันนั้นฉายเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถ้าวันนั้นเธอเลือกที่จะหยุดมันและเลิกประชดชีวิตวันนี้ก็คงไม่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและลำบากใจอย่างเช่นวันนี้ "แตม…ฉันมาแล้ว~" เสียงหวานของคนมาใหม่ทำให้เฌอแตมรีบคว้าที่ตรวจครรภ์แล้วซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าห่มแทบไม่ทัน เพื่อนสนิทหอบของพะรุงพะรังกดเข้าห้องโดยไม่ได้คิดจะเคาะประตูขออนุญาตตามประสา "ฉันเห็นนะ แกซ่อนอะไรไว้ยัยแตม" ทอฝันรีบวางของแล้วเดินมาจับผิด "ปะ เปล่าไม่มีอะไร" ขณะที่เฌอแตมส่ายหัวจนตัวสั่นไปหมด แน่นอนว่าทำอย่างไรเธอก็ยังแสดงพิรุธออกมาอย่างคนที่โกหกไม่เก่งเช่นเคย "แกเอาของของไอ้ภามมาดูใช่ปะ สามเดือนแล้วยังไม่ลืมมันอีกเหรอ!?" ทอฝันเริ่มขึ้นเสียง "ไม่ใช่ ฉันจะคิดถึงไอ้เลวนั่นทำไม" ทว่าเพื่อนสนิทกลับส่ายหัวหน้าซีด "ถ้าไม่ใช่แล้วแกปิดบังอะไรฉัน" ทอฝันยังไม่หยุดที่จะคาดคั้นเพื่อหาความจริง เพียงเท่านั้นคนปิดบังก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ จึงล้วงมือไปใต้ผ้าห่มแล้วหยิบเอาของบางอย่างที่ซ่อนไว้ส่งให้เพื่อนดู "แกติดโควิดเหรอ?" เฌอแตมส่ายหัว "ถ้าไม่ใช่ที่ตรวจโควิดแล้วมันคือ…" "ที่ตรวจครรภ์" คนตัวเล็กพูดจบก็ถอยหลังไปพิงเก้าอี้ปล่อยตัวปล่อยใจอย่างคนหมดแรง "ฮะ ฮ้ะ!?" "ฉันท้อง…" "กะ แกท้อง!?" ทอฝันเบิกตากว้างตกใจสุดขีด ทั้งที่เพื่อนครองโสดตลอดสามเดือนที่เลิกกับแฟนเก่า แต่วันนี้เธอกลับบอกว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง งั้นก็คงแปลว่า… "แกท้องกับไอ้ภามเหรอ!?" คนถามเบิกตาโต "ฉันไม่เคยมีอะไรกับภาม" เท่านั้นทอฝันก็อ้าปากค้างขมวดคิ้วยุ่ง เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็งุนงงหนักกว่าเดิม "แต่แกมีแฟนเป็นไอ้ภามคนเดียว หรือแกมีแฟนใหม่แต่ปิดบังฉัน" "เปล่า" "แล้วเป็นใครยัยแตม พ่อของลูกแกเป็นใคร?" "ฉะ ฉันไม่รู้…" เฌอแตมตอบเพื่อนเสียงแผ่วเบา ผู้ชายคนนั้นเธอไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียง อายุ หรือหน้าที่การงาน จำได้แค่หน้าตาที่หล่อเหลา เสียงที่ไพเราะ และการพูดคุยกันที่ถูกคอและเข้าขา นิสัยดูเป็นคนอบอุ่น เธอรู้เพียงแค่นี้จริง ๆ "ยัยแตมอะไรของแกเนี่ย…" ทอฝันท้อใจไม่ต่างจากเพื่อน ใบหน้าของเฌอแตมว่างเปล่าจนเธอพลอยรู้คำตอบไปด้วย "ฉันมีวันไนท์แสตนด์" สุดท้ายร่างเล็กก็ยอมรับ อย่างไรเสียทอฝันก็รู้เรื่องหมดแล้ว ให้รู้อีกสักเรื่องจะไม่เป็นไร "ยัยแตม!!!" ทอฝันร้องเสียงหลง แน่นอนว่าเธอไม่คิดว่าเฌอแตมจะทำเรื่องแบบนี้ "ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าฉันไม่อยากเป็นคนเดิมอีกแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้" "แล้วแกรู้จักเขาหรือเปล่า?" เฌอแตมส่ายหัว… "ได้ป้องกันหรือเปล่า" เฌอแตมก็ส่ายหัวอีกครั้ง… "แล้วแกก็ไม่กินยาคุมเหรอ?" แน่นอนว่าครั้งนี้เธอก็ส่ายหัวอีกเช่นเคย จนกระทั่งคำถามสุดท้ายจากเพื่อน "แกจะเอายังไงต่อไป?" คนตัวเล็กสั่นหัวเป็นครั้งที่สี่ หลังจากเห็นผลตรวจชีวิตก็มืดมิดอย่างหมดหนทางไปหมด คิดอะไรไม่ออก หัวตื้อ บอกไม่ถูกเหมือนทุกอย่างมันจุกอยู่ที่อกจนพูดออกมาไม่ได้ "ยัยแต๊ม…แกจะส่ายหัวทุกครั้งไม่ได้!" ทอฝันเปล่งสุดเสียง เพราะเธอเอาแต่ไม่พูดแสดงออกด้วยการสั่นหัวเป็นเจ้าเข้าคนถามจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา "ฉันทำอะไรได้ล่ะฝัน ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีเขา หลังจากเรามีอะไรกันฉันก็หนีเขาออกมาเลย" ตอนนั้นเธอเหมือนคนเพิ่งได้สติ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิทข้างกายก็ยิ่งรู้สึกกระดากอายกับสิ่งที่ทำลงไป "แต่เขามาแล้วไงแตม ถึงแกจะไม่เต็มใจแต่เขามาแล้ว แกคงจะไม่ทำแท้งหรอกใช่ไหมยัยแตม" "ฉันไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นนะฝัน" คำตอบของเฌอแตมพลอยทำให้เพื่อนรักถอนหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายเธอก็ไม่ได้คิดทำอะไรโง่ ๆ เกินกว่าเพื่อนอย่างเธอจะต้องด่าตักเตือน "ถ้างั้นก็ไปตรวจกับหมอให้รู้แล้วรู้รอด ฉันจะพาแกไปเอง บางทีผลมันอาจจะผิดพลาดก็ได้" "มันดึกแล้ว" "งั้นก็พรุ่งนี้" "พรุ่งนี้ฉันเริ่มงานวันแรกแกก็รู้" "งั้นวันหยุดตกลงไหม อย่าหาข้ออ้างอีก" "อะ อือ" เฌอแตมรับปากเพื่อนแล้วทำหน้าครุ่นคิด ขอเพียงแค่การตรวจในครั้งนี้เป็นแค่ผลที่คลาดเคลื่อนของที่อุปกรณ์ ชีวิตของเธอจะต้องไม่แย่ไปกว่านี้… "ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยแกเลี้ยงเอง" ทอฝันขยับมากอดเพื่อนปลอบใจ เข้าใจดีว่าเฌอแตมกำลังขวัญเสีย เพราะนี่เป็นเรื่องแรกที่เธอทำเรื่องผิดพลาด และพลาดใหญ่ที่สุดในชีวิตเท่าที่จะเกิดมายี่สิบห้าปี เช้าวันต่อมา (ถึงที่ทำงานหรือยัง?) ปลายสายดังเข้ามาในหูของฉันทันทีที่รับสาย จะเป็นใครไม่ได้นอกจากทอฝันที่โทรมาถามไถ่ทุก ๆ ห้านาที "ถึงแล้วกำลังเข้าไป" (แกต้องระวังให้ดีนะยัยแตม แกไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนะ) "แกพูดประโยคนี้จะสิบรอบแล้วทอฝัน" ฉันถึงกับส่ายหัว ขนาดยังไม่มั่นใจว่าท้องหรือเปล่าว่าที่คุณน้าก็บงการชีวิตฉันทุกฝีก้าว (ก็แกทำอะไรไม่ค่อยคิด ฉันก็เป็นห่วงหลานของฉัน แกอย่าลืมแจ้งหัวหน้าแกด้วย ตอนนี้แกท้องอยู่ แกจะเดินเยอะไม่ได้) "อืม…รู้แล้ว แค่นี้ก่อนฉันถึงที่ทำงานแล้ว" ฉันวางสายจากทอฝันแล้วเข้าไปในสำนักงานของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งตำแหน่งใหม่ที่ฉันได้งานคือภัณฑารักษ์ คอยดูแลรักษาพิพิธภัณฑ์ศิลปะหรือแกลอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก รวมไปถึงผลงานศิลปะที่มีคุณค่าของแกลอรี่ และจัดแสดงนิทรรศการภาพวาดที่เกิดขึ้นทุกปี ถึงจะไม่ได้เปิดนิทรรศการของตัวเองแบบที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อยก็ได้เป็นภัณฑารักษ์ใกล้ชิดกับงานศิลปะไม่ต่างกัน "คิดเสียว่าเป็นการศึกษาเพื่อต่อยอด ผมว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ" คงต้องขอบคุณกำลังใจจากคนแปลกหน้าคนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนสายงาน ออกจากกรอบเดิม ๆ และตัดสินใจมาทำงานที่นี่ตามคำแนะนำ "พนักงานใหม่ใช่ไหมคะ?" ฉันออกจากความคิดแล้วปรายมองหญิงวันไล่เลี่ยกันที่เดินเข้ามาทัก เธอกดมองลอดผ่านแว่นตาทรงกลม ฉันจึงยกมือไหว้เธอแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมตอบคำถาม "ใช่ค่ะ หนูเป็นภัณฑารักษ์คนใหม่ค่ะ" "จ้ะ…พี่ใหม่นะเป็นภัณฑารักษ์ White coat gallery เหมือนกัน" พี่ใหม่ยิ้มให้ฉันเป็นอย่างดี รวมถึงพี่พนักงานคนอื่น ๆ อีกสี่คนที่ยิ้มต้อนรับไม่ต่างกัน "แตมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ฉันกลับไปนั่งโต๊ะตำแหน่งที่ว่างและถูกจัดเตรียมมาเพื่อพนักงานใหม่โดยเฉพาะ แค่วันแรกก็รู้สึกสังคมการทำงานดีกว่าที่เก่าเป็นบ้า ชื่อแกลอรี่ก็น่าดึงดูด เพื่อนร่วมงานไม่เยอะ อยู่แบบง่าย ๆ ในโลกของตัวเอง คิดไม่ผิดเลยที่เลือกที่นี่ "เลขาฝากบอกให้แตมรายงานตัวกับบอสพรุ่งนี้นะ วันนี้บอสไม่เข้าบริษัท" "ขอบคุณค่ะพี่ใหม่ ว่าแต่บอสเป็นคนยังไงเหรอคะ แตมต้องเตรียมตัวอะไรหรือเปล่า?" ตั้งแต่สมัครงานสัมภาษณ์งานฉันยังไม่เคยเจอกับประธานหรือเจ้าของแกลอรี่เลยด้วยซ้ำ "พี่ไม่อยากจะเมาท์เลยน้องแตม แต่มาพี่จะเล่าให้ฟัง" คำว่าไม่อยากจะเมาท์ฉันเจอมาเยอะ สุดท้ายก็ฝอยรัว ๆ ไม่เป็นอันทำการทำงานแทบทุกคน "บอสของเราหล่อมาก เท่มาก แต่ก็เนี๊ยบมากเหมือนกัน" "เป็นผู้ชายเหรอคะ?" "ใช่จ้ะ ที่สำคัญบอสของเราโสดด้วยนะ สาว ๆ วิ่งตามกันเป็นแถบ ๆ แต่บอสของเราก็ไม่เคยสนใจ ท่านงานเยอะน่ะสำนักงานเราก็เป็นแค่งานรอง สร้างมาเพราะใจรัก แต่งานหลักพี่ก็ไม่แน่ใจว่าทำอะไร บางเดือนก็ไม่เข้าบริษัทเลยนะ เราโชคดีมากที่มาไม่กี่วันได้เจอบอสพอดี" "ท่านดุไหมคะ?" "ดุไหมเหรอ…พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เราต้องเจอเองแล้วแหละ" ทำไมคำถามนี้ถึงตอบไม่ได้ แปลว่าท่านประธานคงจะอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ สินะ ทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้วหวังว่าคงจะไม่จบที่ท่านประธานนะ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม