4
ขอนอนด้วยคนนะ
แล้วคิดว่าเขาควรจะข่มตาหลับภายในห้องที่มีประวัติคนตายอย่างนั้นเหรอ?
ไม่มีทาง!
ทันทีที่คลายจากความเหวอ พ่อซุปตาร์ก็วิ่งหน้าตั้งกลับไปที่กระต๊อบ 104 คว้ากระเป๋าเป้ได้ก็พรวดพราดลงบ้านแล้ววิ่งปรู๊ดมาที่เรือนต้อนรับ สุดปัญญาจะสืบหาความจากใครว่าหล่อนพูดจริงหรือหลอกเล่น กันต์ดนัยได้แต่เข่นเขี้ยวเจ็บใจ ป่านนี้ยัยตัวร้ายคงหัวเราะงอหงายที่แกล้งเขาสำเร็จ
กันต์ดนัยหอบหายใจพร้อมกระเป๋าเป้ในอ้อมอก ตาคมเจือฉุนแหงนมองบันไดไม้ที่ทอดยาวสู่ชั้นสอง ยิ่งความมืดโรยตัวเข้มขึ้นเท่าใด บรรยากาศในรีสอร์ตร้างยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น กันต์ดนัยสงสัยว่าสองแม่ลูกอยู่กันได้อย่างไร พนักงานชายที่ชื่อนายต้องก็อีกราย กันต์ดนัยไม่เห็นหน้าค่าตาเขานับตั้งแต่ช่วงเย็นมาแล้ว
“วังเวงขนาดนี้ ใครมันจะไปนอนคนเดียวได้”
ดาราหนุ่มตัดสินใจก้าวขาขึ้นไปบนชั้นสอง ลงน้ำหนักฝีเท้าให้เบาเยี่ยงแมว ด้วยความที่พื้นปูด้วยแผ่นไม้ทั้งหลังจึงเสี่ยงต่อการเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด
ร่างสูงหยุดนิ่งกลางทางเดิน สายตามองฝ่าความสลัวและพบว่าเยื้องไปทางซ้ายมือคือห้องโล่งลักษณะน่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนประตูสองบานที่อยู่ตรงข้ามกันก็สุดปัญญาจะทำนายว่าห้องไหนคือห้องของเจนนินทร์หรือเรไร
ด้วยความที่ยังไม่รู้จะเอาอย่างไร เกรงว่าหากเดินไปเคาะโต้งๆ ก็คงโดนไล่ ร่างสูงจึงเบี่ยงปลายเท้าไปทางห้องนั่งเล่น หย่อนสะโพกบนเก้าอี้ไม้ขัดเงาวาววับ สองแขนกอดกระเป๋าแนบอกในขณะกวาดตาหวาดหวั่นทั่วห้องกว้าง
น่ากลัวเป็นบ้า อยู่กันได้ยังไงวะเนี่ย
กันต์ดนัยทำท่าสยองพองเกล้าขจัดอารมณ์ด้านลบแล้วหยิบมือถือมาเล่นเกม ผ่านไปนับยี่สิบนาทีก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น เสียงเปิดประตูห้องตามมาด้วยน้ำหนักฝีเท้าที่ก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง กันต์ดนัยชะเง้อมองตามจนเห็นว่าเป็นเจนนินทร์
ดาราหนุ่มไม่รอช้า ลุกจากที่นั่งแล้วตรงไปยังโซนห้องพักด้วยความเร็วดั่งแสงวิ่งผ่าน ประตูบานหนึ่งที่แง้มไว้คงเป็นห้องเจนนินทร์ไม่ผิดแน่ รอยยิ้มเบาใจคลี่กว้างแล้วเร้นร่างเข้าไปด้านใน พร้อมเมียงมองหาจุดซ่อนตัว
ไม่กี่นาทีต่อมาเจนนินทร์ในชุดนอนกระโปรงสีขาวก็กลับมาที่ห้อง เมื่อครู่เธอลงไปล็อคบ้านทั้งประตูด้านหน้าด้านหลัง รวมถึงตรงระเบียงอย่างแน่นหนา คืนนี้มีเพียงเธอกับมารดาที่นอนเฝ้ารีสอร์ตตามลำพัง ส่วนนายต้องกลับไปค้างกับภรรยาที่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึงสามร้อยเมตร
ร่างบางปิดประตูห้องนอน ยังไม่ทันเอะใจกับบางสิ่งที่แฝงกายหลังประตู เจ้าตัวเล็กในครรภ์ก็ส่งแรงเตะจนคุณแม่ชะงักค้างพร้อมนิ่วหน้าเล็กน้อย
“หนูดิ้นทักทายแม่เหรอคะ” ฝ่ามืออ่อนโยนลูบท้องตอบลูกขณะยังยืนอยู่ตรงประตู
“ลูกดิ้นเหรอ”
“กรี๊ด!”
เจนนินทร์ร้องลั่นตกใจ กันต์ดนัยพุ่งออกมาจากที่ซ่อนพร้อมมือที่วางบนหน้าท้องนูนอย่างถือโอกาส เจนนินทร์ทั้งงงทั้งตกใจ และกว่าจะคิดได้ว่าเขาไม่ควรแตะต้องลูกของเธอก็ปล่อยเวลาผ่านไปหลายวินาทีแล้ว
“นี่คุณเข้ามาได้ยังไง”
“ไม่ปีนหน้าต่างเข้ามาหรอกนะ สูงจะตาย”
“ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ แอบเข้าห้องฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันอุตส่าห์ยอมให้คุณเป็นแขกของที่นี่แล้ว อย่าให้มันมากเกินไป เชิญกลับไปที่ห้องคุณเดี๋ยวนี้เลยคุณกันต์ดนัย”
ดวงหน้าคมคายคล้ายหน่ายระอา ลูกตาดำกลอกกลิ้งมองบน ทั้งยังจิ้มนิ้วแคะหูไปมา “ฉันๆ คุณๆ ฟังไม่เข้าหูเลย เรียกพี่เหมือนเดิมก็ได้นะไม่ว่าอะไร”
“ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นค่ะ ดีแค่ไหนแล้วที่ใช้แทนตัวว่าคุณกับฉัน”
“ทำไมเหรอ ใจอยากใช้คำหยาบกว่านี้ล่ะสิ”
“เจนไม่ใช่คนหยาบคาย ถึงจะเกลียดขี้หน้าแค่ไหนก็ไม่พูดหยาบด้วย”
“แต่ถ้าตบตีลงไม้ลงมือก็ไม่แน่ใช่ไหม”
“ค่ะ!”
และในเมื่อเขาชี้โพรงให้กระรอกเสียขนาดนี้ เธอจะไม่ทำตามก็กระไรอยู่ คนท้องก้าวฉับๆ ไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนหมุนตัวกลับมาพร้อมไม้แขวนเสื้อ
“เฮ้ๆ หยุดๆ ไม่เอาน่า ใจคอจะตีกันให้ตายเลยหรือไง” กันต์ดนัยรีบยกการ์ดป้องกันในขณะที่เจนนินทร์ง้างไม้แขวนค้างกลางอากาศ คนท้องอะไรไม่อ่อนโยนสักนิด
“ไม่อยากเจ็บตัวก็ออกไปสิคะ”
“ไม่อะ ให้ตายยังไงก็ไม่ไป เธอมาหลอกพี่ว่าห้องนั้นมีคนตาย แล้วคิดว่าคนกลัวผีขึ้นสมองอย่างพี่จะนอนได้เหรอ”
“ใจเสาะ”
“เออครับ ยอมรับ เอาเป็นว่าขอนอนด้วยคนนะ” กันต์ดนัยกลายร่างเป็นคนหูตึงไม่ยินไม่ยลกับเสียงไล่ของหญิงสาว และหันไปค้นเสื้อผ้าในเป้ของตัวเอง จากนั้นก็หายตัวเข้าไปในห้องน้ำ
หน้าด้านเข้าไว้ หล่อนด่าก็แค่เจ็บนิดๆ
คนท้องแบมือที่เมื่อครู่กำเสียแน่นพร้อมผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวลึก ณ ชั่วเวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับตัวอ่อนในครรภ์อีกแล้ว
นับตั้งแต่ทราบการมีอยู่ของอีกสิ่งมีชีวิตในร่างกาย เจนนินทร์ก็พร้อมละทิ้งทุกสิ่ง ปลีกตัวจากทุกอย่างและทุกคนที่เคยผูกพัน สลัดเรื่องบ้าบอออกไปจากสารบบ พร้อมปฏิญาณตนว่าต่อจากนี้จะขอรับบทแม่ที่ดี จะดูแลเขาตั้งแต่นอนอยู่ในท้อง เจนนินทร์ไม่ประสงค์ให้อารมณ์ด้านลบของตัวเองส่งผลถึงลูกแม้เพียงน้อยนิด
นับสี่เดือนที่ใช้ชีวิตในภูพราวดาวรีสอร์ตเธอไม่เปิดทีวี ไม่เล่นโซเชียล มีเดียเดียวที่เสพคืออ่านบทความพัฒนาจิตใจและฟังเพลงกล่อมลูก
ทว่าการมาของกันต์ดนัยกำลังกะเทาะเกราะที่เธอสร้างเพื่อทารก
กันต์ดนัยคือคนที่มีผลต่อทั้งจิตใจและอารมณ์ของเจนนินทร์ เป็นผู้ชายที่เธอรักจนหมดใจ และเป็นคนที่ทำให้เจ็บปวดนักหนาที่สุดเช่นกัน สี่เดือนผ่านมาแม้ยังมีใบหน้าเขาเวียนเข้ามาในห้วงคะนึง แต่เจนนินทร์พยายามไม่ถลำไปกับความคิดถึง ปล่อยให้เขามีตัวตนเพียงในความทรงจำ ไม่เอาความเจ็บช้ำมาเป็นตัวตั้งต้นใดๆ อีก
เขาไม่น่ากลับมาเลย
“สบายตัวจัง” เสียงเข้มส่อถึงความผ่อนคลายดังขึ้นขณะก้าวออกมาจากห้องน้ำ เจนนินทร์รีบเช็ดน้ำตา ใจเธอคงวูบหล่นไปอยู่ในห้วงมืดนานเลยสินะ จมกับเงาอดีตตั้งแต่เขาเข้าไปในห้องน้ำ กระทั่งตอนนี้ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมด้วยกลิ่นกายหอมฉุย
“ร้องไห้เหรอ”
“เปล่าค่ะ”
ก็เห็นอยู่ว่าทั้งดวงตาและจมูกแดงปื้น ไหนจะทำหลบหน้าหลบตาแบบนั้นอีก ร่างสูงหย่อนกายใกล้คนที่นั่งอยู่ปลายเตียง พอหญิงสาวทำท่าจะลุกหนีก็ตวัดแขนรั้งไว้
“ขอร้องล่ะค่ะ อย่าแตะเนื้อต้องตัวกันได้ไหม” เจนนินทร์พยายามแกะมือที่เกาะแขนเธอออก แต่กันต์ดนัยไม่คิดปล่อย
“ก็คุยกันดีๆ ก่อนสิครับ”
“ไม่มีอะไรต้องคุยอีกแล้ว หลายเดือนก่อนเจนทำทุกอย่างเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง พยายามอธิบายทั้งวาจาและหลักฐาน ผู้ชายแสนดีแต่โง่ก็ไม่เคยเชื่อเลย ตอนนี้มันสายไปแล้ว เจนไม่เหลือโอกาส ไม่เหลือหัวใจ และไม่ต้องการอะไรจากพี่อีก”
เจ็บ เจ็บมาก เจ็บทุกดอก!
กันต์ดนัยมีข้อโต้แย้งมากมายในหัว แต่ไม่จาระไนออกไป เขาห่วงความรู้สึกคนท้อง เอาแต่ใคร่ครวญว่าคำถามนี้จะดีหรือไม่ พูดออกไปเธอจะรู้สึกอย่างไร สุดท้ายก็กลายเป็นเงียบกริบ
“เอาเถอะค่ะ คืนนี้จะนอนห้องนี้ก็นอนไป ถึงยังไงหลังจากวันพรุ่งนี้เราก็จะไม่เจอกันอีก ต่างคนต่างอยู่ ต่างมีเส้นทางของตัวเอง” เจนนินทร์ลุกจากอ้อมกอดที่คลายหลุดแล้วเดินไปหยิบหมอนอีกใบเอาไปวางบนพื้นข้างเตียง “โซฟาในห้องนี้เล็กเกินไปนอนไม่ได้หรอก นอนพื้นล่ะกันนะ แต่ขอโทษด้วยผ้าห่มมีแค่ผืนเดียว ถ้าอยู่ไม่ได้ก็อัญเชิญกลับห้อง 104 ค่ะ”
“อยู่ได้ อากาศไม่หนาว” ในเมื่อเธอเปลี่ยนเรื่องไม่ประสงค์จมกับความเสียใจเขาก็เอาด้วยเหมือนกัน
เจนนินทร์แค่นเสียงหยันขึ้นจมูกแล้วหยิบรีโมทแอร์คอนดิชั่นมาเปิด นี่คือการกลั่นแกล้งซึ่งหน้าชัดๆ
“เปิดแอร์ทำไมอะ อากาศก็ไม่ได้ร้อนนี่”
“ให้อากาศมันโฟลว์ ไม่เปิดแอร์นอนไม่ได้”
“อย่างน้อยก็สัก 25 องศาไหม”
ติ๊ดๆ
คนตัวเล็กกดรีโมทปรับอุณหภูมิตามคำเรียกร้อง กันต์ดนัยกระเถิบเข้าใกล้ชำเลืองมองตัวเลขในรีโมทแล้วส่ายหน้า เธอไปลดให้อุณหภูมิมันเย็นขึ้นกว่าเดิมอีก ใจร้ายจริงๆ ผู้หญิงคนนี้
“หน้าอกใหญ่ขึ้นนะ เหมือนอัพขึ้นตั้งสองไซส์เลย อึดอัดเหรอเลยโนบรา”
“ลามก! นิสัยไม่ดี”
เจนนินทร์ถอยห่างพลางยกสองแขนป้องหน้าอก เขามันนิสัยไม่ดีจริงๆ น่ะแหละ มีอย่างที่ไหนมาชะโงกจ้องหน้าอกผู้หญิง เธอเองก็ลืมเสียสนิทว่าโนบรามาตลอดเวลาที่เขาอยู่ในห้อง ก็มันเป็นความเคยชินนี่นา ก้อนเนื้อตรงส่วนนี้ขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดของท้องแถมยังรู้สึกคัดตึงไปหมด ยามอยู่ตามลำพังจึงเลือกไม่ทำให้อึดอัดด้วยการไม่ใส่บรา
“ลามกอะไร ก็พูดไปตามที่เห็น ทำเป็นเขิน เคยเห็นเคยจับตั้งหลายครั้ง” กันต์ดนัยยังไม่เลิกแหย่ ทำชะโงกหน้าจ้องอยู่อย่างนั้น กระทั่งโดนฝ่ามือเล็กตีเพี๊ยะที่ต้นแขนอย่างสุดจะทน
“ถ้าอยากนอนที่นี่ก็เลิกทำตัวน่าเกลียดได้แล้ว” คนท้องตวัดตาขุ่นแล้วเดินหนีขึ้นเตียง เปิดโคมไฟดวงเล็กก่อนออกคำสั่งกับแขกเจ้าปัญหา “ปิดไฟในห้องให้ด้วยค่ะ”
กันต์ดนัยทำตามคำสั่งก่อนมานั่งชันเข่าข้างเตียง แลมองคนท้องที่ค่อยๆ เอนตัวไปกับหมอนข้างสีเทาสำหรับรองรับสรีระสตรีตั้งครรภ์ กันต์ดนัยเห็นเธอเอื้อมหาผ้าห่มอย่างทุลักทุเลก็เลยช่วยดึงคลุมร่างให้
นัยน์ตาไม่ระบุความนัยมองสบเพียงวินาทีก็ปิดความสว่างที่หัวเตียง กันต์ดนัยจึงล้มตัวนอนบนหมอนหนุน กอดตัวเองที่ขนหนาวเริ่มลุกกรูเพราะอุณหภูมิสิบแปดองศา
“ทำไมท้องแล้วไม่บอกพี่สักคำ”
เจนนินทร์ทิ้งช่วงเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนถอนหายใจออกมา “ก็คุณโกรธ...”
“ขอทีได้ไหม เรียกพี่เถอะ ไม่ชอบอะเวลาเจนเรียกว่าคุณๆ” ไม่เพียงรู้สึกห่างเหินแต่เหมือนเขาไม่เคยเป็นคนสำคัญในชีวิตเธอ
“พี่โกรธเกลียดเจนขนาดนั้นบอกไปแล้วทุกอย่างมันจะเปลี่ยนจากที่เป็นอยู่ตอนนี้เหรอ เดาได้เลยว่าพี่คงไม่ยอมรับว่าเจ้าก้อนในท้องนี้เป็นลูกของพี่”
“แล้วตกลงว่าเป็นลูกพี่จริงไหม”
“อยากได้คำตอบแบบไหนก็ขึ้นอยู่ที่ว่าพี่อยากเชื่อแบบไหน”
หลายเดือนก่อนเธอพร่ำอธิบายและรั้งเขาไว้อย่างสุดใจ แต่กันต์ดนัยให้น้ำหนักเพียงสิ่งที่ตาเห็น ใจเธอเจ็บอย่างไรเขาจะรู้บ้างไหม
“เลิกกันไปก็ดีอยู่แล้ว ไม่ควรมายุ่งกันให้เดือดร้อน อนาคตดีๆ ของพี่อย่าให้มีมลทินเลย”
“แล้วจะเลี้ยงลูกคนเดียวแบบนี้น่ะเหรอ เจนเป็นเด็กกำพร้าเกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงไม่ใช่เหรอ พี่เองก็โตมาอย่างขาดๆ เกินๆ ไม่มีพ่อเหมือนกัน มีแม่ก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้า แต่ละวันได้เห็นแค่ห้านาทีก่อนเข้านอนเท่านั้น เราสองคนก็น่าจะรู้ดีมั้งว่าการโตมาโดยถูกทอดทิ้งมันรู้สึกยังไง เจนมีตัวเลือกให้ลูกแล้วทำไมถึงไม่เลือกล่ะ ไม่ว่าเขาหรือพี่ที่เป็นพ่อของลูกในท้องก็ควรแสดงความรับผิดชอบ”
ไม่ว่าอย่างไรกันต์ดนัยก็ไม่ยอมเชื่อว่าตลอดหนึ่งปีที่คบหาดูใจกันเธอไม่เคยมีใครอื่น ถึงอย่างไรก็มั่นคงเพียงสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตา เขาไม่ยอมเชื่อเลยว่าวันนั้นเธอถูกจัดฉากวางยา
เจนนินทร์พอแล้ว ไม่ขออธิบายอะไรทั้งนั้น หากพูดอีกรอบมันจะกลายเป็นครั้งที่พันกับการแก้ต่างให้เหตุการณ์นั้น แค่คิดจะเอ่ยซ้ำถึงเรื่องบ้าๆ ก็คล้ายว่าเส้นเสียงไม่มีแม้แต่แรงจะเอื้อน
“เจนไม่อยากยัดเยียดความรับผิดชอบให้ใคร ยัยหนูคนนี้แกจะเติบโตขึ้นโดยที่ไม่โหยหาความรักจากพ่อ”
“ลูกสาวสินะ พี่ว่า...”
“ไม่อยากคุยแล้วค่ะ ช่วยเงียบด้วย” ยิ่งต่อบทกันก็ยิ่งเพิ่มระดับความชาในหัวใจ ตลอดทั้งวันมานี้ยัยหนูตัวน้อยก็รับอารมณ์เชิงลบไปเยอะแล้ว
ภายในห้องนอนที่กรุด้วยแผ่นไม้ทั้งหลังจึงมีเพียงเสียงหึ่งไม่ดังนักของเครื่องปรับอากาศ เจนนินทร์พอมองเห็นว่าคนด้านล่างนอนตัวงอเป็นกุ้งพลางลูบท่อนแขนไปมา แม้เธอทั้งขุ่นทั้งโกรธแต่ก็อดสงสารไม่ได้
“ขึ้นมานอนข้างบนเถอะค่ะ”
“ได้เหรอครับ เจนไม่กลัวพี่แล้วเหรอ” กันต์ดนัยเด้งลุกราวกับตุ๊กตาติดสปริง ดวงตาเป็นประกายมองไปทางเธอปริบๆ
“กลัวทำไมคะ คิดว่าที่ให้นอนข้างล่างเพราะเจนกลัวพี่จะทำมิดีมิร้ายเหรอ เอาอะไรมาคิด นี่คนท้องนะ อีกอย่างผู้หญิงน่ารังเกียจหลายใจอย่างเจนพี่จะแตะต้องลงเหรอ”
กันต์ดนัยสะอึก คำพูดนั้นเขาเคยใช้ต่อว่าเธอก่อนเลิกราจากกัน เขาหาว่าเธอหลายใจ น่ารังเกียจกับความมั่วไม่รู้จักพอ
“จะนอนไม่นอนคะ”
โทนเสียงเย็นเยือกเรียกกันต์ดนัยให้ปีนขึ้นเตียง วางหมอนสีขาวเคียงข้างซุกกายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เขาส่งยิ้มให้เธอภายใต้ความสว่างในห้องที่มีอย่างจำกัด เจนนินทร์วางสีหน้าราบเรียบแล้วปิดเปลือกตาลง ยิ่งค้นคิดใจยิ่งขุ่น ปล่อยให้เศษความเจ็บช้ำตกตะกอนไปตามกาลเวลาเถอะ