3
ท้องกับใคร
ภายหลังทำการเช็คอินเรียบร้อย นายต้องพนักงานคนเดียวของภูพราวดาวรีสอร์ตก็นำนักท่องเที่ยวหนุ่มมาที่บ้านพักหมายเลข 104
ห้องพักของที่นี่มีลักษณะเป็นกระท่อมน้อยตั้งโดดเดี่ยวเป็นหลังๆ ด้านหน้าของตัวบ้านปลูกไม้ดอกไม้ประดับขนาดย่อม ให้แขกผู้เข้าพักรู้สึกราวกับอาศัยอยู่ในนิเวศสถานอันมีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
กันต์ดนัยดันแว่นลงจากระยะสายตาเล็กน้อยก่อนดันกลับที่เดิม บรรยากาศรอบรีสอร์ตสงบเงียบ แม้แดดส่องจ้าแต่มีลมโชย เลยออกไปราวห้าเมตรเป็นสระบัวเวิ้งว้างที่น้ำค่อนข้างขุ่นเพราะขาดการดูแล พร้อมด้วยเรือไม้ลำเล็กจอดเทียบอยู่ตรงศาลาท่าน้ำ
ช่วงเวลารุ่งเรืองของที่นี่คงสวยงามน่าดู
“หลังนี้แหละครับ คุณขึ้นไปได้เลยนะครับ ส่วนกุญแจอยู่กับคุณเจนครับ” นายต้องกล่าวเพียงเท่านั้นก็หันหลังกลับไปยังเรือนต้อนรับ
ส่วนกันต์ดนัยผู้รอโอกาสนี้มานานไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิด เพียงแค่ก้าวข้ามบันไดทีสามขั้นเท่านั้น
เจนนินทร์เหลียวไปทางประตูเมื่อหูสดับกับเสียงฝีเท้า พอเห็นว่าเป็นแขกจอมตื๊อก็เบือนหนีแล้วหยิบรีโมทมาเปิดม่านที่ห่มคลุมโซนห้องนั่งเล่นเป็นลักษณะครึ่งวงกลม ร่างสูงถอดรองเท้าผ้าใบไว้หน้าประตูก่อนก้าวเข้ามาพร้อมวางเป้สีขาวบนโซฟา ผ้าม่านเนื้อซาตินหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อเลื่อนเปิดจนสุดทาง เผยให้ธรรมชาติเขียวสดผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่รอบทิศทางขนาดครึ่งวงกลม สายตาภายใต้เลนส์สีดำกวาดสำรวจบรรยากาศอย่างพึงพอใจ
“เป็นห้องที่สวยมากเลยครับ”
คุ้น! เสียงคุ้นมากๆ
เจนนินทร์หันขวับไปทางแขกที่คลี่ยิ้มตื่นตากับบรรยากาศ นาทีนี้เริ่มมีชื่อคนคุ้นเคยในใจแล้ว ส่วนสูงของผู้ชายตรงหน้าคงมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร สัดส่วนเรือนกายพอดิบพอดีกับผู้ชายที่เธอเคยคบหา ไหนจะน้ำเสียงชื่นชมบรรยากาศเมื่อครู่ที่ราวกับลืมคุมโทนไปชั่วขณะ
“ถ้าถอดแว่นดำออกบรรยากาศก็จะสวยขึ้นอีกสิบเท่าเลยนะคะคุณลูกค้า” เจนนินทร์หรี่มองเขาอย่างไม่ละสายตา
“ฝุ่นมันเยอะ แดดที่นี่แรง ผมแสบตาน่ะ”
ยัง...ยังไม่เลิกเล่นอีกนะ
เจนนินทร์ไม่ยื้อเวลาแห่งความอดทน ร่างเล็กก้าวดุ่มเข้าไปใกล้พร้อมกระชากหมวกบักเก็ตจากศีรษะ ต่อด้วยดึงแว่นกันแดดแบรนด์หรูออกจากกรอบหน้าได้สำเร็จ ชายหนุ่มตกใจ แต่ความเร็วของเขาช้ากว่าคนท้อง มือบางแย่งกระชากหน้ากากอนามัยเพื่อเพิ่มความกระจ่างชัด แม้กันต์ดนัยพยายามยื้อแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายใบหน้าฟ้าประทานก็ปรากฏออกมาอย่างหมดจด
“ใช่จริงๆ ด้วย ไปเลยนะ! มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” เจนนินทร์ตวาดไล่พร้อมชี้มือไปทางประตู
กันต์ดนัยเบะปากหน้าตายและเดินออกไปตามนิ้วของเธอจริง ทว่าสิ่งที่เขาทำคือการปิดประตูห้อง แล้วเดินมาฉวยรีโมทจากมือบาง ทำการกดให้ผ้าม่านห่มคลุมห้องจนมิดดังเดิม
“คำตอบคือไม่ไป! ถ่อมาจนถึงนี่แล้วคิดว่าจะยอมกลับง่ายๆ เหรอ” ริมฝีปากรูปกระจับแดงเรื่ออย่างธรรมชาติกระตุกหยันใส่คนท้อง
ระดับอารมณ์ของเจนนินทร์พุ่งปรี๊ด มือเล็กทั้งสองกำแน่นข้างลำตัวก่อนก้าวไปหยิบไม้กวาดแล้วหวดใส่เขาทันที
“โอ๊ย! เจ็บนะ หยุดๆ!”
“ไป! ออกไปนะ บอกให้ไปไง”
ไม่มีการออมแรงที่ใช้กระหน่ำฟาด กันต์ดนัยทำได้เพียงใช้สองแขนเป็นโล่ป้อง กระทั่งสบโอกาสได้จังหวะกระชากไม้กวาดมาจากเธอ กันต์ดนัยลืมตัวออกแรงมากไปหน่อยเจนนินทร์จึงเสียการทรงตัวในขณะปล่อยมือจากไม้กวาด คนท้องเกือบหงายหลังล้มหากกันต์ดนัยไม่ปล่อยไม้กวาดทิ้งแล้วรีบปรี่ไปรับ
เจนนินทร์ยอมรับว่าใจหายใจคว่ำอยู่ไม่น้อย มือบางประทับตรงหน้าท้องอย่างทันท่วงที หากเมื่อครู่ล้มตึงจริงคงไม่เป็นผลดีแน่ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเธอก็พาจักรยานล้มไปทีหนึ่งแล้ว โชคดีที่ไม่กระทบกระเทือนต่อทารก เจนนินทร์ผละออกจากเขา สองมือลูบสัมผัสครรภ์อย่างหวงแหน ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นแรงอย่างไม่หายกังวล
“นั่งก่อนไหม”
“เชิญคุณหยิบกระเป๋าและไปจากที่นี่ซะ”
“ไล่ให้ตายยังไงก็ไม่ไป...มานั่งคุยกันก่อน” ไม่เพียงใช้คำพูดชักชวน เขาถือโอกาสดึงเธอไปนั่งตรงโซฟา จากที่เอาแต่กระหน่ำฟาดเขาจนเกือบล้มคงทำให้เธอทั้งเหนื่อยและตกใจ ดวงหน้าสวยแทบไร้เลือดตอนที่ตัวเองเซเสียหลัก
เจนนินทร์ยอมนั่งบนโซฟาบุนวม แต่เขยิบออกห่างจนชิดพนักวางแขนอีกฝั่ง
“รู้ได้ยังไงว่าอยู่ที่นี่”
“แขกรายล่าสุดของรีสอร์ตนี้ สองผัวเมียที่มาฮันนีมูนน่ะ รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร” เจนนินทร์ไม่ปริปากเอ่ย แต่ใช้สายตาแทนคำถาม “ภรรยาของคุณปรวีร์ก็คือฝนแก้ว รุ่นน้องของพี่ไง”
“อ๋อ ฝนแก้วคนนี้เองสินะ แฟนเก่าที่คุณรักมาก”
ตลอดสามวันที่ปรวีร์และภรรยาพักอยู่ที่นี่ เจนนินทร์พยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเขา โดยเฉพาะผู้เป็นภรรยาที่เจนนินทร์ไม่อยากพบปะอย่างมีนัยสำคัญ เธอสัมผัสได้ถึงสายตาของฝนแก้วที่ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าเธอใช่คนที่สงสัยหรือไม่
เจนนินทร์หวั่นจะถูกจำได้ว่าเคยโลดแล่นในวงการบันเทิงมาก่อน ทว่ากลับลืมไปเสียสนิทว่าปรวีร์เป็นลูกชายของเพื่อนบิดาที่ต้องการซื้อรีสอร์ตแห่งนี้ ดังนั้นนักธุรกิจที่จัดเจนเช่นเขาคงสืบทราบประวัติของเธอมาบ้างแล้ว
โลกกลมจนน่าหงุดหงิดจริงๆ ลำพังหากปรวีร์และฝนแก้วรู้ว่าเธอเป็นดาราคงไม่กระไร แต่นี่ทั้งสองดันรู้จักกับกันต์ดนัยด้วยนี่สิ
“แล้วถ่อมาถึงที่นี่เพื่ออะไร”
“ก็มาดูให้รู้ว่าใช่เธอหรือเปล่า”
“แค่เนี้ย? จะอยากรู้ไปทำไม การที่ฉันหายหน้าไปและเปลี่ยนเบอร์ใหม่มันยังไม่ชัดเจนพออีกเหรอคะว่าฉันไม่อยากอยู่ตรงนั้น ไม่อยากอยู่บนโลกที่มีคนเคยรู้จัก...เอาล่ะ ในเมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้วก็เชิญคุณกลับไปซะ”
“ไล่เข้าไป ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ค่าห้องก็จ่ายไปแล้วตั้งห้าพัน”
“เดี๋ยวคืนให้เต็มจำนวนค่ะ”
“จะ-อยู่-ที่-นี่” กันต์ดนัยย้ำชัดทีละคำพลางเขยิบเข้าใกล้ ครั้นเจนนินทร์จะล่าถอยก็ไร้ทางหนีเพราะเธอนั่งชิดพนักอยู่แล้ว “ถ้าเธอไม่ให้อยู่ พี่จะแฉว่าดาราสาวเจนนินทร์ท้องและหนีมาอยู่ที่ไหน”
คำขู่ของเขากระตุกความเจ็บปวดในใจมากกว่าสร้างความกังวล ที่ผ่านมาเธอยังเป็นเหยื่อสังคมไม่พออีกเหรอ ยังโดนโจมตี ถูกป้ายสีเกลียดชังไม่สาแก่ใจเขาใช่ไหมถึงจะโยนให้เธอเป็นเหยื่อแร้งทึ้งอีกครั้ง ลำพังตัวเธอไม่หนักหนาอะไรแต่เห็นใจมารดาบุญธรรมมากกว่า ผู้หญิงคนนั้นกำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้า ความเจ็บช้ำใดๆ เจนนินทร์ไม่ปรารถนาให้กล้ำกลายเรไรอีก
“เจนพี่...” กันต์ดนัยเพิ่งรู้ตัวว่าพูดพล่อยๆ ออกไปเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของเธอ เจนนินทร์เบือนหนีพลางกะพริบตาถี่ๆ ขจัดไล่ความร้อนผ่าวก่อนเอ่ยออกไปด้วยโทนเสียงแสนเย็นชา
“ฉันยอมให้คุณอยู่ที่นี่แค่คืนนี้ และพรุ่งนี้เช้าต้องเช็คเอาท์ออกไปทันที”
ดาราหนุ่มไม่ตอบรับ เงียบเสียงสนิทและมองเสี้ยวหน้าที่ราวกับพยายามกดกลั้นน้ำตา เจนนินทร์กำลังจะลุกแต่เขารั้งให้อยู่ที่เดิม
“ท้องกับใคร”
หึ! นี่ต่างหากล่ะสิ่งที่เขาอยากรู้ เจนนินทร์ไม่แปลกใจ ไม่แม้แต่จะรู้สึกเจ็บปวด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอซักซ้อมรับมือไว้แล้วในกรณีที่บังเอิญเจอเขา และโดนทิ่มแทงด้วยคำถามนี้
“ไม่ได้ท้อง แต่เป็นเนื้องอก”
“ห๊ะ! เนื้องงเนื้องอกอะไร ท้องก็บอกว่าท้องดิ” ชัดเจนขนาดนี้แล้วยังจะพูดจากวนประสาทอยู่ได้
“ทำไมเหรอคะ หรือตามมาถึงที่นี่เพราะคิดว่าเป็นลูกของคุณ?”
เขานั่งคิดนอนคิดมาแล้วและพบว่ามีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้สูง หากว่าที่ผ่านมาเธอแอบมีอะไรกับคนอื่นแต่ผ่านการป้องกัน ดังนั้นโอกาสเป็นลูกคนอื่นก็น้อยลงตามไปด้วย ในส่วนของเขา ยอมรับว่าเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว มองความสุขทางเพศเป็นสำคัญ ดื้อดึงไม่ยอมสวมถุงยางก็หลายครั้ง
“หรือไม่ใช่”
“ค่ะ ไม่ใช่!”
ตอบชัดเจนเถรตรงเสียขนาดนี้ต่อให้เอามีดมาปักอก กันต์ดนัยก็คงไม่เจ็บแสบเท่าคำตอบของเธออีกแล้ว
“แล้วพ่อเขาอยู่ไหนล่ะ”
“ตายไปแล้ว” คนท้องสะบัดหน้าหนีพรืดแอบกรีดนิ้วปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ กันต์ดนัยไม่ทันเห็นเพราะมองไปทางอื่นด้วยใจที่ครุ่นคิด
“ท้องกี่เดือน”
“อีกสามเดือนก็คลอดแล้ว”
“หา?” หมายความว่าไงกัน เธอกับเขาเพิ่งเลิกกันได้สี่เดือนเองนี่นา
“ไม่เคยรู้ตัวว่าท้อง กระทั่งโดนสังคมรุมสาปและหายมาอยู่ที่นี่ เลยเพิ่งรู้ว่าท้องได้สองเดือนแล้ว”
“แล้ว...”
“พอ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ” เจนนินทร์กางฝ่ามือเป็นสัญญาณห้าม ก่อนพยุงตัวลุกจากที่นั่ง “คุณจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป ฉันไม่อยากคุยอะไรอีก เวียนหัว ยิ่งเห็นหน้ายิ่งอยากอ้วก”
คนท้องเดินไปคว้าถังอุปกรณ์ทำความสะอาด เมินไม่เก็บไม้กวาดที่นอนแอ้งแม้งบนพื้นเพราะท้องที่ขยายใหญ่ทำให้ยากต่อการก้ม เจนนินทร์ถือถังไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือกุมหน้าท้อง กันต์ดนัยลุกยืนคิดจะไปช่วย แต่ก็ยึกๆ ยักๆ อยู่ที่เดิม
ที่ผ่านมาเธอใจร้ายกับเขาก่อน หากเข้าไปช่วยก็คล้ายบอกใบ้อยู่ในทีว่ายังห่วงหาอาวรณ์ เธอเก่งจะตายก็ปล่อยให้ยกให้เดินคนเดียวไปสิ
กระนั้นแม้ทำใจแข็งต่อต้าน แต่ก็ชะเง้อมองตามกระทั่งคนท้องลงบันไดหิ้วถังก้าวห่างจากตัวกระท่อม พอเดินไปไม่กี่ก้าวนายต้องรีบวิ่งมาช่วยถือของและเอาไปเก็บให้
“ทำไมเจนต้องโกรธเกลียดขนาดนี้ด้วยนะ ที่ผ่านมาเราหรือเปล่าที่ต้องโกรธน่ะ แถมยังเรียกแทนตัวฉันๆ คุณๆ ห่างเหินสุดๆ”
กันต์ดนัยเท้าเอวฮึดฮัดยืนมองส่งกระทั่งแผ่นหลังร่างบางหายเข้าไปในเรือนต้อนรับ เมื่อนั้นเขาจึงปิดประตูบ้านพัก เปลื้องผ้าช่วงบนแล้วไปนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างที่ซึ่งเจนนินทร์เปิดเครื่องปรับอากาศไว้แล้ว ด้วยสมองที่ไหลวนด้วยเรื่องราวหลากหลาย ประกอบกับร่างกายสั่งสมความเพลียมายาวนานกันต์ดนัยจึงผล็อยหลับลึก
.........