ผมอาบน้ำแต่งตัวเร็วกว่าทุกวันเพราะนอนไม่หลับ เรียกได้ว่าไม่ได้นอนเลยก็ว่าได้
เมื่อคืนเอาแต่คิดเรื่องท่านคิงส์จนไม่เป็นอันนอน พอแต่งตัวเสร็จแม่บ้านก็มาตามผมลงไปกินข้าวด้านล่าง
ผมไม่รอช้ารีบเดินตามแม่บ้านลงไปอย่างว่าง่าย โชคดีที่คฤหาสน์แห่งนี้มีแต่คนใจดีทั้งนั้น พวกเขาเอ็นดูและเมตตาผมเป็นอย่างมาก
ผมเดินลงมาห้องอาหารก่อนที่จะเจอผู้ชายร่างสูงแต่งตัวดูดีหน้าตาหล่อตี๋นั่งจิบกาแฟอยู่ก่อนแล้ว
ผู้ชายตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผมนิ่งก่อนจะขมวดคิ้วแทบจะชนกันด้วยความสงสัย
“สวัสดีครับ”
ผมรีบยกมือไหว้สวัสดีตามมารยาท
“สวัสดีครับ นี่ใช่น้องภีมรึเปล่า” เขาเอ่ยถาม
“ใช่ครับ”
เขารู้จักชื่อผมได้ยังไงกัน ทั้งที่เขาเป็นใครผมยังไม่รู้เลย
“มานั่งกินข้าวด้วยกันมา”
เขากวักมือเรียกเข้าไปนั่งข้าง ๆ ก่อนที่แม่บ้านจะวางข้าวต้มลงบนโต๊ะให้ผม
ผมจึงเดินตามไปนั่งอย่างว่าง่าย
“พี่ชื่อสายฟ้านะ เป็นเพื่อนไอ้คิงส์”
ท่าทางน่าจะเป็นเพื่อนสนิทถึงสามารถเรียกท่านคิงส์ว่าไอ้ได้ แต่น่าแปลกที่เขาดูยิ้มแย้มและเป็นมิตร ต่างกับท่านคิงส์ที่ชอบทำหน้าดุตลอดเวลา
“อยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้มั้ย”
“อยู่ได้ครับ”
ผมคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปาก
“น่ารักจัง ตัวเล็กปุ๊กปิ๊กพูดจาก็น่าฟัง อยู่ม.ไหนแล้ว”
“ม.6 แล้วครับ”
“เท่ากันกับน้องพี่เลย มันก็อยู่ม.6 ทำไมมันไม่หัดทำตัวดี ๆ แบบนี้บ้างว้าา” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะไม่จริงจัง
“ว่าแต่…เราอยู่ได้แน่นะ โดนไอ้คิงส์มันแกล้งอะไรรึเปล่า อย่าไปยอมมันมากนะ มันด่ามาก็ด่ามันกลับเลย ไอ้นี่มันปากดี”
“ใครปากดี”
เสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นจนช้อนผมหล่นจากมือ
“มึงจะทำเสียงดุทำซากอะไรวะ น้องมันกลัวไม่เห็นรึไง”
เขาว่าก่อนจะเลื่อนทิชชู่มาเช็ดน้ำต้มที่แขนออกให้ผม
“มันไม่มีมือมีตีนรึไง มึงถึงต้องไปเช็ดให้”
เขาว่าด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด
“หึ ทำไม หึงหรอ?”
“กูไม่เคยหึงของเล่น”
เขาว่าก่อนเดินมาหย่อนก้นลงข้าง ๆ
ทันทีที่เขานั่งลงผมก็รีบเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ทันที
“จะไปไหน”
“เอ่อ…คือผมกินอิ่มแล้วน่ะครับ มันสายมากแล้วด้วย”
ผมบอกพร้อมผมคล้องกระเป๋าสะพายใส่หลังลวก ๆ
“มึงจะตวาดทำไม น้องมันตกใจหมดแล้ว”
พี่สายฟ้าพูดเสียงดุ
“ไปขึ้นรถอยู่หน้าบ้านนั่นล่ะ ไอ้เฟยจะไปส่ง อยากได้อะไรก็บอกมันแล้วกัน”
“ครับ งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
ผมยกมือสวัสดีก่อนจะรีบจ้ำเท้าออกมาจากบ้าน
เห็นผู้ชายใส่ชุดดำเมื่อวานมายืนรอที่รถอยู่ก่อนแล้ว เขาคงชื่อพี่เฟยตามที่ท่านคิงส์บอก
ผมนั่งรถเข้ามาในโรงเรียนอย่างเกร็ง ๆ เพราะทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่ผมอย่างกับเป็นตัวประหลาด คนเหล่านั้นต่างซุบซิบนินทาจนผมวางตัวไม่ถูก รีบเดินขึ้นห้องเรียนไปแต่ก็ต้องงงงวยเพราะโต๊ะของผมมันหายไปผมพยายามเดินวนหาอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่เจอ
“อ้อม เห็นโต๊ะเรามั้ย”
เมื่อหายังไงก็หาไม่เจอผมจึงเดินไปถามกับเพื่อนที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ
“อ๋อ เห็นคนมายกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ห้ะ!? ยกไปไหน”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อย่าบอกนะ ว่าพวกนั้นมันมาแกล้งผมอีกแล้ว
“วรภพ”
“ครับครู”
ผมรีบตอบรับเมื่อครูประจำชั้นเดินเข้ามาเรียกผมถึงหน้าห้อง
“ตามครูมาค่ะ”
พูดเพียงเท่านั้นครูก็เดินนำผมไป ผมไปรอช้าสับขาเดินตามทันที
ครูพาผมเดินแยกออกมาจากตัวโรงเรียนเข้าไปที่ตึกด้านในที่เป็นเขตหวงห้าม ผมเคยได้ยินมาว่าห้ามเข้าใกล้ตึกนี้เป็นอันขาด ไม่งั้นอาจจะซวยไม่รู้ตัว ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมครูถึงพาผมมาที่นี่
ผมเดินตามครูเข้ามาเรื่อย ๆ ภายในตึกแทบจะไม่ใช่โรงเรียนด้วยซ้ำ ทุกอย่างตกแต่งหรูหราเกินกว่าจะเป็นตึกเรียนแถมยังมีสนามกีฬาด้านในตึกอีก เดินมาเรื่อย ๆ เริ่มเห็นห้องฟิตเนส และห้องอาหาร แถมมีลานจอดรถด้านใน
“ถึงแล้วค่ะ”
และแล้วครูก็พาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง มีป้ายเขียนไว้ด้านหน้าเด่นชัดว่า
‘ห้อง King’
“พาผมมาที่นี่ทำไมหรอครับ”
“มีคำสั่งจากท่านผอ. ว่าให้ย้ายตัวนักเรียนมาเรียนที่ตึกคิงส์ค่ะ”
“ห้ะ!? ทำไมหรอครับ”
“เอ่อ… ครูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
จบประโยคครูนภาก็เดินออกไปทันทีไม่เว้นจังหวะให้ผมได้ถามอะไรต่อ
ตึกคิงส์งั้นหรอ ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ผมยืนทำใจอยู่หน้าห้องนานสองนาน ห้องใหม่กับเพื่อนใหม่ ยิ่งเป็นตึก vip. โคตร ๆ แบบนี้ ผมเตรียมตัวโดนเหยียดจนจมดินได้เลย
ผมเป็นคนพูดน้อย เข้ากับคนยาก การมีเพื่อนใหม่ซักคนถือว่ายากสำหรับคนอย่างผมพอสมควร
ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับพ่นลมออกมาสุดแรง ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตู
แกร๊ก!!
ผมค่อย ๆ เปิดประตูออก เผยให้เห็นด้านในห้องที่ตกแต่งหรูหรา มีกระดานอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์การเรียนที่แปลกตา มันดูล้ำสมัยมากกว่าที่เคยเจอ ไหนจะโต๊ะเรียนแบบเก้าอี้นวม โต๊ะเกม โต๊ะอาหาร รวมไปถึงเตียงนอนก็ยังมีแถมยังมีห้องน้ำในตัวอีก
ห้องกว้างใหญ่มาก แทบจะมีแค่ห้องเดียวกว้างทั้งชั้น แต่น่าแปลกที่มีนักเรียนเพียงสามคนเท่านั้น
คนหนึ่งคาบขนมปังในปาก พร้อมกับยกขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะอาหาร
คนหนึ่งนอนเล่นมือถือที่เตียงนอน
ส่วนอีกคนนั่งเลือกตัวละครเกมอยู่ที่หน้าจอคอม
ทันทีที่ห้องเปิดออกทั้งสามคนก็ทันมาจ้องหน้าผมนิ่ง
“สะ สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้ตามมารยาท
“ใครวะ!?”
คนที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงเอ่ยถาม
“ชื่อภีม เด็กของพี่คิงส์”
คนที่เลือกตัวละครเกมหันตอบแทน
“เชี่ยย!! จริงปะเนี่ย”
คนคาบขนมปังอ้าปากพูดจนขนมปังร่วงจากปาก ก่อนจะวางขาลงจากโต๊ะแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้ามาสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“พี่คิงส์แม่ง เทสดีว่ะ!”
เขาว่าพร้อมกับจับคางผมเชิดดูหน้าใกล้ ๆ เพราะเขาตัวสูงกว่าผมประมาณหนึ่ง
“กูชื่อโอเล่นะยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนไอ้ที่นอนอยู่บนเตียงน่ะชื่อเฟียสไอ้นี่มันเฟียสสมชื่อ ใครมาหาเรื่องบอกมันได้เดี๋ยวมันเคลียร์ให้”
“มึงโง่เปล่าวะ ไอ้พายุมันก็บอกอยู่ว่าเป็นเด็กของพี่คิงส์ ใครมันจะกล้า ลองดี”
“เออว่ะ”
คนชื่อโอเล่พยักหน้าเห็นด้วย
“ส่วนไอ้ที่เล่นเกมอยู่มันชื่อพายุ นิสัยไม่ค่อยดีหรอก เด็กเปรตดี ๆ นี่เอง ไม่ต้องไปสนใจมันหลอก”
“เอ้า!! ไอ้สัส”
คนชื่อพายุสบถด่าก่อนจะวางมือลงจากเมาส์แล้วหันมาทางผม
“กูชื่อพายุนะ เป็นน้องพี่สายฟ้า เคยเจอพี่สายฟ้าแล้วใช่มั้ย”
“ครับ เจอเมื่อเช้านี้เองครับ”
ไม่น่าล่ะผมถึงคุ้น ๆ หน้าเขา พี่น้องคู่นี้หน้าคล้ายกันอย่างกับแกะ ติดที่พี่สายฟ้าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเท่านั้น
“มาเหนื่อย ๆ กินข้าวกินปลาก่อนมา”
พูดจบคนชื่อโอเล่ก็คล้องคอผมเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารอย่างสนิทสนมทั้งที่เราเพิ่งเจอกันเมื่อกี้
“เห้ย ๆ ไอ้เหี้ยโอ มึงปล่อยแขนออกจากคอมันเลย เดี๋ยวพี่คิงส์เจอเข้ามึงได้ตายคาตีนกูช่วยไม่ได้นะเว้ย”
พายุรีบร้องปราม
“โทษทีว่ะ กูลืมไป”
เขาหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะยื่นแซนด์วิชให้ผมกิน
“แล้วนี่…ครูยังไม่มาหรอครับ”
“ตอนเช้าไม่มีเรียนหรอก ใครเขาเรียนตอนเช้ากัน เรียนแค่บ่ายโมงถึงบ่ายสามก็พอ เรียนทั้งวันปวดหัวตายห่า”
พายุตอบกลับมาก่อนที่จะวางมือจากเกมแล้วมานั่งกินขนมปังที่โต๊ะด้วยคน ตามมาด้วยคนชื่อเฟียส
“ว่าแต่มึงเถอะ เป็นเมียพี่คิงส์นานแล้วหรอ”
พรวดดด!!
ทันทีที่จบประโยคเศษขนมปังก็พุ่งออกใส่หน้าพายุจนเต็มหน้า
“เชี่ยไรของมึงเนี่ย!!”
“ขอโทษครับ ๆ”
ผมรีบหยิบทิชชูไปเช็ดออกให้เขาลวก ๆ
“ฮ่า ฮ่า โชคดีที่เป็นเด็กพี่คิงส์ ถ้าเกิดเป็นกูมีหวังโดนตบหัวทิ่ม”
โอเล่หัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“ว่าไง เป็นผัวเมียกันนานแล้วหรอ”
“เอ่อ… ไม่ได้เป็นผัวเมียครับ ผมเป็นแค่เด็กขายตัวของท่านคิงส์ เพิ่งมีอะไรกันวันก่อนนี้ครับ”
ผมตอบอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
“หืออ!?”
ทุกคนเบิกตากว้างพร้อมกับขยับเก้าอี้เข้ามาจ้องหน้าผมนิ่ง จนผมรู้สึกเกร็งไปหมด
“อย่างพี่คิงส์เนี่ยนะ จะเอาเด็กขายตัวมาอยู่ถึงในบ้าน แถมเอามาเรียนอยู่ตึกคิงส์อีก ปกติพี่คิงส์นี่กินไม่ซ้ำไม่ใช่หรอวะ”
คนชื่อเฟียสเอ่ยถามอย่างสงสัย
“แล้วพี่คิงส์บอกนายว่ายังไงบ้าง”
พายุเอ่ยถาม
“ท่านบอกว่าให้ผมมาเป็นนายบำเรอ เขาเบื่อเมื่อไหร่ก็จะเอาไปส่งบ้านครับ”
ทุกคนมองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้าเหมือนกับรับรู้อะไรบางอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
“กูจะเล่าอะไรให้ฟัง เมื่อก่อนนะพี่คิงส์เขาเคยมีแฟน เขาโคตรรักแฟนเลยนะ ประเคนให้ทุกอย่าง แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งเว้ยแฟนพี่เขาแม่งนอกใจ จากนั้นพี่คิงส์ก็ไม่เคยไว้ใจใครอีกเลย”
พายุว่าด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“แล้วแฟนพี่คิงส์เขาไปไหนแล้วหรอครับ”
“โดนพี่คิงส์ยิงตายห่าไปละ กูจำได้เลยคืนนั้น กูน่าจะอยู่ ม.4 นี่ล่ะมั้ง ยิงเน้น ๆ ที่หัวหนึ่งนัด กูว่าโหดแล้ว นี่เล่นยิงซ้ำจนหมดแม็ก เลือดท่วมพื้นเลยมึงเอ้ย พอกลับมาบ้านกูแม่งแดกข้าวไม่ลงเลยว่ะ นี่ภาพยังติดตากูอยู่ เลยนะ พูดแล้วก็ขนลุก”
พายุลูบแขนประกอบคำพูด
เขาพูดซะเป็นภาพจนผมลอบกลืนน้ำลาย
“ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยหรอครับ”
“หึ คนอย่างพี่คิงส์เด็ดขาดเสมอแหละ มึงก็ระวังตัวให้ดี ขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก”
ผมไม่ได้คิดจะไปเอาใครอยู่แล้วล่ะครับ ท่านมีบุญคุณกับผมมาก ผมไม่มีทางทำอย่างนั้นกับท่านแน่นอน
“กูถามมั่งดิ มึงเคยเห็นขนาดของพี่คิงส์แล้วใช่มั้ยวะ ใหญ่มั้ย?”
คนชื่อเฟียสเอ่ยถามพร้อมกับใจจดใจจ่อฟังคำตอบจากปากผม
“ขะ ขนาดของอะไรหรอครับ”
“ขนาดของค*ยไง”
ผมตลึงจนตาค้างเมื่อต้องฟังคำหยาบโลดโผนแบบนี้
ผมเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาที่ใบหน้า
“ฮ่า ๆ เขินหรอ ไม่ต้องตอบก็ได้แต่ทำขนาดให้ดูก็พอ”
พายุทำมือเป็นครึ่งวงกลมประกบเข้าหากัน
“เท่านี้ป่ะ?”
“เอ่อ…”
ผมไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ส่ายหน้าพัลวันก่อนจะจับมือพายุเลื่อนขยายออกให้วงกลมใหญ่ขึ้น
“ไอ้เชี่ย!!! ไอ้ภีม มึงรอดมาได้ไงวะ โดนไปขนาดนี้ด้านหลังมึงไม่พรุนหมดแล้วหรอ”
เฟียสกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่
“มิน่าล่ะ เด็กพี่คิงส์แต่ละคนถึงมีสภาพสะบักสะบอมทุกครั้งที่ขึ้นสนามรบ” พายุตบเข่าฉาดใหญ่
แปะ!
“โอ๊ยย!! ไอ้เหี้ยโอ มึงตบหัวกูทำไมวะ”
“เด็กเดิกอะไรของมึง เมียเขาก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ เกรงใจกันบ้างดิวะ”
“เออว่ะ โทษทีมึง กูก็ปากพล่อยอย่างงี้ล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็เป็นเด็กอีกคนของท่าน ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นหรอกครับ”
ผมรู้สถานะตัวเองดีว่าอยู่ในตำแหน่งไหน ผมไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงท่านอยู่แล้ว
“ได้ไงวะ มึงเข้ามาเป็นคนในแก๊งของพวกกูแล้ว จะมายอมอะไรง่าย ๆ ได้ยังไง”
“เออ ใช่! มึงไม่ต้องห่วง พวกกูจะช่วยมึงเอง เอาให้พี่คิงส์ผู้ทรงอิทธิพลต้องลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลย”
เฟียสยืนขึ้นทำหน้ามุ่งมั่น
อยู่ ๆ ผมก็กลายเป็นคนในแก๊งของคนกลุ่มนี้เสียแล้ว แต่ผมก็รู้สึกดีไม่น้อย รู้สึกสนุกทั้งวันพวกเราเล่นเกมด้วยกันจนถึงบ่าย ก่อนจะไปเรียนต่ออีกสามชั่วโมง ยอมรับเลยว่าที่นี่สอนเข้าใจกว่าห้องธรรมดาเยอะเลย แถมยังมีอะไรใหม่ๆ ให้เล่นทั้งวัน
เกิดมาผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีเพื่อนจริง ๆ ก็วันนี้ ทุกคนในแก๊งไม่ได้นึกรังเกียจผมสักนิด แถมยังเอ็นดูผมด้วยซ้ำ พวกเขาดูพูดจาหยาบคายก็จริง แต่ก็ดูจริงใจกันทุกคน ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขา
แต่ในทางกลับกันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเมื่อนึกภาพที่ท่านเบื่อแล้วเฉดหัวผมทิ้ง ผมถึงพยายามย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าอย่าหลงในแสงไฟ เพราะหากเชื้อเพลิงหมด เราก็ต้องกลับเข้าสู่ความมืดตามเดิม…