“โอ้โห! น่ากินมากเลยค่ะคุณภีม”
เสียงแม่บ้านเอ่ยชมไม่ขาดปากขณะที่ผมกำลังตักบัวลอยไข่หวานจัดเรียงบนถ้วยขนาดเล็ก
“ไม่นึกว่าผู้ชายตัวเล็ก ๆ แบบคุณภีมจะทำอาหารเป็นด้วย”
“ผมชอบเข้าครัวกับคุณแม่น่ะครับ เลยจำสูตรมา”
ผมยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ
“ผมตักให้แขกเสร็จแล้ว ส่วนในหม้อคุณน้าทานได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณภีม”
แม่บ้านส่งยิ้มละมุนมาให้ผมด้วยความเอ็นดู ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว พูดตามตรงผมชอบที่นี่กว่าอยู่บ้านตัวคนเดียวเสียอีก ผู้คนที่นี่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังให้เกียรติผมมาก ๆ ด้วย ทั้งที่ผมก็เป็นเพียงแค่เด็กขายตัวเท่านั้น
“ของหวานมาแล้วครับ”
ผมบรรจงวางของหวานจัดเรียงบนโต๊ะอย่างสวยงาม วันนี้พี่สายฟ้าเข้ามาคุยงานกับพี่คิงส์ที่บ้าน พายุจึงขอติดมาด้วย
“โหหห!! ไอ้ภีม มึงนี่โคตรแม่ศรีเรือนเลย”
พายุรีบวางเกมมือถือในมือลงแล้วเข้ามาคว้าถ้วยของหวานขึ้นไปตักกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ให้ตายเถอะโคตรอร่อย มึงนี่ทำอาหารอร่อยกว่าบนภัตตาคารหรูอีกนะ” พายุพูดสรรเสริญเยินยอจนดูเวอร์เกินไป
“ทำไงกูถึงจะได้กินแบบนี้ทุกวันวะ มึงมาเป็นเมียกูเถอะนะ”
“อะแฮ่ม!”
พี่คิงส์กระแอมเสียงดังขัดจังหวะ เพื่อบ่งบอกว่าเขายังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
“อะไรพี่คิงส์ หึงหรอ”
พายุว่าอย่างล้อ ๆ
“กูจะหึงทำซากอะไร มันก็แค่ของเล่นกูเท่านั้นแหละ กูแค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัว”
เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหยิบถ้วยของหวานมาตักกินเช่นกัน
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เขาย้ำกับผมตลอดว่าผมเป็นแค่ของเล่น แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่หัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน ทำไมนะ ถึงไม่ยอมชินซักที…
“คำก็ของเล่น สองคำก็ของเล่น นี่มึงกลัวน้องเขาลืม หรือมึงพูดเพื่อย้ำ ตัวเองวะ”
พี่สายพูดแทรกขึ้นมาทันควันจนพี่คิงส์ชะงักไปชั่วขณะ
“ติดนิสัยขี้เสือกมาจากไอ้พายุเยอะเกินไปแล้วนะมึง”
พี่คิงส์ต่อว่าไม่จริงจังนัก
“ปากดีไปเถอะ ปากหมา ๆ อย่างงี้กูเห็นโบ้มาหลายรายละ”
พี่สายฟ้าว่าก่อนจะพิงหลังไปที่เก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ เช่นกัน
“วันนี้กูกับพี่สายฟ้ามีออกไปดูงานที่โรงแรม มึงอยากออกไปเปิดหูเปิดตาป่ะ”
“ไม่!!”
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพี่คิงส์ก็ชิ่งตอบไปก่อนผมเสียแล้ว
“โห่ พี่คิงส์ กะจะกักขังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ตลอดเวลาเลยรึไง”
พายุมุ่ยหน้าเมื่อโดนขัดใจ
“กูบอกว่าไม่คือไม่ วันนี้กูจะเข้าสนามยิงปืนว่าจะเอามันไปด้วย”
สนามยิงปืนงั้นหรอ? ไม่เห็นบอกก่อนเลย
“ขอแค่วันเดียวนะพี่คิงส์”
พายุอ้อนวอนสุดฤทธิ์แต่ก็คงไม่เป็นผล เพราะพี่คิงส์จับแขนผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินดุ่ม ๆ มาขึ้นรถ ท่ามกลางสายตามึนงงของพี่สายฟ้า พายุ และบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่บริเวณบ้าน
“ไปไหนครับท่าน”
พี่เฟยเอ่ยถามก่อนจะสตาร์ทรถ
“สนามยิงปืน”
“พี่คิงส์พาผมไปที่สนามยิงปืนทำไมหรอครับ”
ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ไปยิงทิ้งมั้ง อย่าถามมาก”
ผมลอบกลืนน้ำลายก่อนจะนั่งนิ่งเป็นหุ่น เมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนั้น เพราะกลัวว่าถ้าเผลอทำอะไรขัดใจเขาขึ้นมา เขาอาจจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ก็ได้
ไม่ถึงสิบนาที ขบวนรถจำนวนสิบกว่าคันก็มาจอดเรียงรายที่สนามยิงปืนขนาดใหญ่ ที่นี่ไม่มีคนนอกเข้ามาแม้แต่คนเดียว มีเพียงบอดี้การ์ดของพี่คิงส์เท่านั้น พอสำรวจไปรอบ ๆ ก็เห็นป้ายใหญ่ ๆ เขียนว่า King ผมก็กระจ่างทันที นี่คงจะเป็นสนามยิงปืนส่วนตัวสินะ
“ลงมา”
เขาเดินอ้อมลงมาเปิดประตูรถให้ผมก่อนจะเดินนำเข้าไปที่สนามยิงปืน ที่นี่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา ด้านหลังมีตู้เก็บปืนอย่างดี บางรุ่นไม่เคยเห็นมาก่อนดูแล้วก็แปลกตา ผมเดินเข้ามาเรื่อย ๆ จนถึงห้องยิงปืนเก็บเสียงที่จัดเรียงเป็นห้อง ๆ ไว้สำหรับยิงปืน มีหูฟังใหญ่ ๆ ไว้ครอบหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวกับการยิงปืนยังไง
“ต่อไปนี้นายต้องหัดยิงปืนให้แม่น เวลามีใครมารังแกก็ยิงมันซะ เข้าใจมั้ย”
“ถึงกับต้องยิงเลยหรอครับพี่คิงส์”
แค่กลั่นแกล้งกันผมคิดว่าเราพูดจากันดี ๆ ก็น่าจะเคลียร์กันได้ ถ้าถึงขั้นจะต้องยิงกันมันคงดูโหดร้ายเกินไปสำหรับผม
“ทำไม? ไม่กล้ายิงหรอ นายกลัวอะไร”
“ผมกลัวเขาตายครับ”
ผมพูดออกไปตามที่คิด
“หึ ยิงไม่ตายแล้วจะยิงทำไม”
เขามองหน้าผมดุ ๆ จนผมต้องหลบสายตา นี่ผมทำเขาอารมณ์เสียรึยังนะ เขาจะยิงผมทิ้งหรือเปล่า
“มาเลือกปืนทางนี้ ชอบกระบอกไหนนายก็เลือกเอา”
ผมโล่งใจไม่น้อยที่เขาไม่ได้อารมณ์เสีย รู้ได้ยังไงน่ะหรอครับ ก็ฟังจากสรรพนามเรียกยังไงล่ะ ถ้าอารมณ์ปกติเขาจะเรียกผมว่านาย ถ้าอารมณ์เสียเมื่อไหร่ เขาก็จะเรียกว่ามึง ส่วนอารมณ์ที่….กำลังเสียวก็จะเรียกว่าภีมอย่างเช่น
‘อะ อ้าาา~ ภีม อย่างงั้นแหละ อื้ออ~ เก่งมาก’
บ้าจริง! นี่ผมคิดทะลึ่งอะไรอยู่เนี่ย>///<
“เป็นอะไร ทำไมหน้าแดง ๆ”
“ปะ เปล่าครับ”
ผมพยายามรวบรวมสมาธิให้มาจดจ่อกับปืนตรงหน้า ไม่ว่อกแว่กให้เสียสมาธิ ปืนพวกนี้มีทั้งกระบอกสั้นกระบอกยาววางเรียงจนละลานตา เลือกไม่ถูกเลยแฮะ
“ว่าไง ชอบกระบอกไหน”
เขาเร่งคำตอบจนผมเริ่มลนลาน
“เอ่ออ… ผมเลือกไม่เป็นน่ะครับ พี่คิงส์คิดว่าปืนกระบอกไหนเหมาะกับผมหรอครับ”
“หึ เหมาะกับนายมันก็มีอยู่กระบอกเดียวนั่นแหละ”
เขาว่าก่อนจะจับมือผมขึ้นมา
หมับ!!
“กระบอกนี้”
“พะ พี่คิงส์”
ผมรีบชักมือกลับเมื่อเขาดึงมือผมเข้าไปจับที่เป้ากางเกงเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ผมหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาหนักยิ่งกว่าเดิม และที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่ผมคนเดียวด้วยล่ะ แต่บอดี้การ์ดที่ยืนเรียงอยู่ด้านหลังก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน ทุกคนต่างยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะทำทีเป็นมองนกมองฟ้าไม่ได้สนใจในเหตุการณ์เมื่อสักครู่
“คนเยอะแยะครับพี่คิงส์ อายเขา” ผมพูดกระซิบแผ่วเบาด้วยความเขินอายแต่พี่คิงส์กลับยิ้มออกมาราวกับไม่รู้สึกเขินอายอะไร
“พวกแกออกไปได้แล้วไป แล้วห้ามเขามาข้างในจนกว่าฉันจะเรียก”
เขาหันไปออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดเสียงดุ
“ครับท่าน”
บอดี้การ์ดนับสิบคนที่ติดตามมาก้มหัวให้ทีหนึ่งก่อนจะรีบเรียงกันออกจากห้องยิงปืนไป ทิ้งผมให้อยู่ในห้องกับพี่คิงส์แค่สองคน
“อย่างนาย เพิ่งหัดยิงครั้งแรกเอากระบอกนี้ละกัน”
เขาหยิบปืนยื่นมาตรงหน้า ผมก็ไม่รอช้ารีบหยิบปืนมาถือไว้ในมือ
แต่ทำไมเขาจับเหมือนเบาจัง พอถือจริง ๆ แล้วมันหนักชะมัดเลย
ผมถือปืนเดินตามเขาไปที่ช่องยิงปืนที่มีรูปคนยืนเป็นเป้าอยู่ด้านหน้า
“มองดูมือฉันนะ จับอย่างนี้”
ผมลองหยิบปืนขึ้นมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ จนเขาถอนหายใจเสียงดังอย่างละเหี่ยใจ
“จับดี ๆ”
เขาพูดเสียงดุจนผมใจกระตุกวูบ
“เอ่อ…มันหนักน่ะครับ”
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มกลัวว่าจะทำให้เขาหงุดหงิด
พี่คิงส์วางปืนลงที่โต๊ะด้านหน้าแล้วหยิบหูฟังมาใส่ให้ผมก่อนที่จะหยิบขึ้นไปสวมใส่ให้ตัวเองเช่นกัน
เขาเดินอ้อมมาซ้อนผมจากทางด้านหลังแล้วเอื้อมมือมาประคองมือผมให้จับปืนถนัดขึ้น
ยิ่งเขาอยู่ใกล้ผมในระยะประชิดแบบนี้มันยิ่งส่งผลให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมพยายามเพ่งเล็งที่มือตัวเอง แต่สมองมันกลับจินตนาการถึงแผ่นอกแกร่งที่แนบอยู่ด้านหลังจนทำให้เสียสมาธิอยู่เรื่อย
“มองดูเป้าตรงหน้า เล็งไปที่หัว จับปืนให้นิ่ง ๆ จากนั้นก็…”
ปัง!!
ผมเซไปชนแผงอกของเขาอย่างจังด้วยแรงของปืนที่ยิงออกไปเมื่อสักครู่ กระสุนเจาะตรงกลางหัวรูปคนที่ตั้งอยู่ด้านหน้าจนทะลุไปด้านหลัง ถ้าเป็นคนจริง ๆ ก็เตรียมสวดอภิธรรมได้เลยล่ะครับ
“อย่าเพิ่งดีใจไป นายยิงได้เพราะฉันช่วยจับ ทีนี้ลองยิงเอง”
เขาว่าก่อนจะปล่อยมือออกจากข้อมือเล็กของผม
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเริ่มทำตามที่เขาบอก มองดูเป้าตรงหน้า เล็งไปที่หัว จับปืนให้นิ่ง แล้วก็….
ปัง!!
ทันทีที่ลูกปืนวิ่งออกจากปลายกระบอกมันก็ตรงไปยังป้ายเจาะลึกลงไปจนทะลุทันที แต่ผิดเป้าไปนิดหน่อย แทนที่ลูกกระสุนจะไปเจาะตรงกลางหัวกลับกลายเป็นว่ามันไปเจาะที่เป้าตรงกางเกงแทน คงเป็นเพราะมันหนักเกินไป เลยยิงต่ำกว่าที่คิด
“หึ ตอนยิงนายแอบจินตนาการเป็นหน้าฉันอยู่หรือเปล่า”
“เปล่านะครับ”
ผมรีบแก้ตัวพัลวันกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“ถือว่าไม่เลว อย่างน้อยก็ยิงเข้าเป้า งั้นเรามาเล่นเกมกัน”
“อะไรนะครับ”
ผมฟังไม่ถนัดเพราะใส่หูฟังไว้อยู่จนเขาต้องยื่นมือเข้ามาถอดหูฟังออกให้ผม
“ฉันบอกว่า มาเล่นเกมกัน ฉันจะให้นายยิงปืน 5 นัด ถ้านายยิงพลาด 1 ลูก นายจะต้องให้ฉันเอา 1 รอบ”
“ห้ะ!?”
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรเขาก็จับผมหันหน้าเข้าหาเป้าแล้วใส่ที่ครอบหูให้ผมทันที
ผมมีสิทธิ์ปฏิเสธเกมของเขาได้มั้ยล่ะครับ อยากไม่อยากก็ต้องเล่นสินะในเมื่อขัดคำสั่งไม่ได้อยู่แล้ว
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ ก่อนจะพ่นลมออกสุดแรงแล้วหยิบปืนขึ้นมาจ่อยิงที่เป้าตรงหน้า
เอาวะ แค่นี้เอง สู้สิวะไอ้ภีม!!
1…2…3
ปัง!!
หลังจากยิงนัดแรกออกไปผมก็พยายามมองหารอยทะลุบนเป้า แต่ก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอย
บ้าจริง! นี่ไม่เข้าเป้าตั้งแต่นัดแรกเลยหรอ ผมเริ่มใจเสียขึ้นมาต่างจากพี่คิงส์ที่เหยียดยิ้มออกมาอย่างพอใจ นี่เขาลืมจุดประสงค์ไปหรือเปล่า? เขาพาผมมาหัดยิงให้แม่นไม่ใช่หรอ
ปัง!!
สวรรค์มาโปรดแท้ ๆ ภีมเอ้ย ผมคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ เริ่มมีความหวังขึ้นมา เพราะลูกสองเจาะต้นแขนไปอย่างเฉียดฉิว
ผมรวบรวมสมาธิอีกครั้งก่อนจะเล็งไปที่หัวของเป้าหมาย เสร็จแล้วก็ไม่รอช้ารัวปืนใส่รูปตรงหน้าทันที
ปัง ปัง ปัง!!!
สิ้นเสียงปืน ผมก็แทบสิ้นใจ เมื่อสามนัดที่ยิงรัวออกไปไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย
ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนที่จะหันหน้าไปหาพี่คิงส์หวังจะต่อรองเผื่อเขาจะเห็นใจขึ้นมาบ้าง
“พี่คิงส์ครับ ผมขอยิงใหม่ได้มั้ยครับ”
ผมทำตาปริบ ๆ อ้อนวอน กลัวว่าเขาจะหงุดหงิดขึ้นมา แต่เปล่าเลย พี่คิงส์ไม่มีความหงุดหงิดบนใบหน้าเหมือนตอนแรก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์
“ยิงไปก็ไม่เข้าเป้าเหมือนเดิมนั่นแหละ นายนี่น้าา~ สอนไม่เคยจำ เมื่อกี้นายยิงพลาดไปสี่นัด ต้องโดนไปสี่น้ำ”
เขาว่าก่อนจะขยับตัวเข้ามาจับที่เอวบางของผม
“พะ พี่คิงส์จะทำอะไรครับ”
“นายความจำเสื่อมรึไง ก็เพิ่งพูดไปหยก ๆ”
“ตรงนี้เลยหรอครับ”
ผมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นี่มันสนามยิงปืนนะ
“ใช่ ทำไม?”
“ผมว่ามันดูไม่เหมาะสมนะครับ บอดี้การ์ดก็ยืนเต็มข้างนอกเดี๋ยวคนอื่น ได้ยิน”
“หึ ภีมก็อย่างครางเสียงดังสิ”
เขาว่าก่อนจะเลื่อนมือเขามาบดขยี้ที่ปลายยอดอกผมอย่างรู้จุดอ่อน
“อ๊ะ! แต่ว่า…”
“อย่ามาถ่วงเวลา โดนช้าโดนเร็วสุดท้ายนายก็โดนฉันเอาอยู่ดี”
พี่คิงส์อุ้มผมขึ้นไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะถลกเสื้อผมขึ้นแล้วละเลงลิ้นร้อนลงบนปลายยอดอกอย่างเอาแต่ใจ
“ฮึก พี่คิงส์ อ้าา~”
ผมกอดรวบคอเขาไว้แน่นด้วยความเสียวซ่าน
“อ้าขาออกหน่อยครับ”
เขาพูดเสียงหวานก่อนโน้มหน้าเข้ามาบดจูบแล้วลิ้มเลียลิ้นหวานของผมอย่างโหยหา ผมที่เริ่มเคลิ้มตามเขาก็ยกขาแยกออกอย่างว่าง่ายอย่างคนคุมสติไม่อยู่ เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำตาม รู้ตัวอีกทีกางเกงผมกับเขาก็ถูกถอดออกไปพ้นตัวเสียแล้ว
“อ้าาา~ อย่างงั้นแหละ”
เขาบีบเคล้นก้นงอนผมอย่างมันส์ขณะที่ผมก็รูดรั้งแก่นกายให้เขาจนมันขยายใหญ่โตเต็มไม้เต็มมือ
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้วพี่คิงส์ไม่รอช้าจับผมหันหลังแล้วเสียบแท่งร้อนเข้าไปในกายผมทันที
สวบ!!!
“ฮึก อ๊ะ อ้าาา~ พี่คิงส์ อ่าา~ เสียว”
ผมครางกระเส่ามือก็ยึดขอบโต๊ะไว้ไม่ให้เซล้มไปด้านหน้าตามแรงกระแทก
“อ้าาา~ ภีมรู้มั้ย พี่ชอบชื่อตัวเองที่สุดเลย ตอนที่เราครางมันออกมา”
เขาว่าพร้อมกับกระแทกเข้ามาเน้น ๆ จนผมเริ่มยั้งแรงไว้ไม่อยู่
“ฮึก พะ พี่คิงส์ครับ เบา ๆ ครับ”
“ว่าไงนะ เบาไปหรอ?”
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!
เขาโหมกระหน่ำแทงเข้ามาจนขาผมแทบทรุด สาบานเถอะว่าเขาได้ยินแบบนั้นจริง ๆ
“อ๊ะ อ๊ะ อ้าาา~ พี่คิงส์ มันแรงไปแล้วครับ”
พร้อมเริ่มหอบหายใจถี่ ๆ รู้สึกหายใจไม่ทัน
“อ้าา~ ตัวนายที่มันกระแทกมันส์ชะมัด”
เขาว่าพร้อมกับโลมเลียที่ใบหูก่อนจะลากลิ้นยาวมาที่ต้นคอขาวแล้วขบกัดอย่างเอาแต่ใจ
“อ๊ะ! เจ็บครับ”
ผมรีบร้องปรามเมื่อเขาเริ่มขบกัดแรงขึ้น ๆ คงเริ่มควบคุมแรงไม่อยู่
พี่คิงส์เอื้อมมือมาจับมือผมเข้าไปรูดรั้งแก่นกายตัวเองจนผมเริ่มบิดเร้าด้วยความเสียว ก่อนที่เขาจะปล่อยมือให้ผมรู้รั้งแก่นกายเอง ส่วนมือเขาก็เข้ามาขยำอกของผมอย่างมันส์มือ
“ชอบมั้ย?”
พี่คิงส์กระซิบถามเสียงหวานที่ข้างหู
“ชะ ชอบครับ”
“อ้าา~ ฉันก็ชอบ ชอบมากจนแทบจะคลั่ง”
“ผม อ๊ะ อ้าา~ ผมจะไม่ไหวแล้วครับ”
ผมเริ่มควบคุมมือเรียวไม่ได้รีบรูดสาวแก่นกายตัวเองพร้อมกับแอ่นก้นให้คนด้านหลังได้กระแทกถนัดยิ่งขึ้น
“ซี๊ดดด~ โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ”
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!
“อ๊ะ อ๊ะ อ้าาา~ พี่คิงส์ ฮึก เสียว อื้ออ อ้าาา~ ไม่ไหวแล้ว”
ผมพูดออกไม่ได้ศัพท์ ภาพในหัวเริ่มพร่าเบลอ รู้สึกเสียวซ่านจนถึงขีดสุด
“ภีม อ้าา~ เสียว จะเสร็จแล้ว อ๊ะ อ้าา~ อีกนิด”
พี่คิงส์กระแทกเข้ามาแรง ๆ จนขาผมทรุดลงพื้นแต่เขาก็รวบเอวผมเข้ามากระแทกต่อเน้น ๆ อีกห้าหกทีก่อนจะตัวงอแล้วกระตุกเกร็งพ่นน้ำเข้ามาในตัวของผม
“หึ หึ ถึงกับทรุดเลยหรอ นี่เพิ่งน้ำเดียวเองนะ เหลืออีกตั้งสาม”
“ผมไม่ไหวแล้วครับ เราค่อยมาต่อกันตอนเย็นได้มั้ยครับ”
ผมรีบต่อรอง ขณะที่ยังหายใจหอบ
“หึ หึ ถือว่าสงสารแล้วกันนะ ไว้ฉันจะเช็กบิลทีเดียวสามนัดรวด”
เขาว่าก่อนจะกดจูบผม ผมไม่รอช้ารีบจูบตอบเขาทันที พี่คิงส์เริ่มบดจูบผมแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาหยอกเย้าในโพลงปากผม เราเริ่มบดจูบกันเนิ่นนาน จนผมเริ่มรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาที่บริเวณท้องน้อย
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว…จะเอาตอนนี้”
สิ้นประโยคพี่คิงส์ก็จับผมกดลงบนโต๊ะทันที
ให้ตายเถอะครับ! ผมไม่น่าไปจูบตอบเขาแบบนั้นเลย เกือบจะได้พักอยู่แล้วเชียว