“ดื่มอะไรมั้ย?”
“ไม่เป็นไรครับ”
“นี่...” น้ำเสียงของหญิงสาวเซ็กซี่พอๆกับดวงตาเลยล่ะ ดวงตาแบบนี้เคยทำเขาฝันหวานมาแล้ว “อย่าเย็นชานักเลยน่า”
เขาตวัดสายตาเคืองขุ่นมอง พร้อมถอนหายใจเบาๆเพื่อให้รู้ว่าเขารำคาญ “ที่ผมมาถึงที่นี่ เพราะผมอยากจะขอร้องคุณจริง ๆ อย่างน้อยก็จนกว่า...”
“ฉันยังไม่เคยมีอะไรกับพ่อเธอเลยนะ” เธอพูดแทรกขึ้นมาเพราะรู้ว่าเขาจะพูดถึงแม่ตัวเอง ซึ่งเธอไม่อยากฟัง ความจริงข้อนี้ทำเขาอึ้งตะลึงไปเหมือนกัน คงคิดไม่ถึงว่าพ่อตัวเองจะปล่อยผู้หญิงสวยๆอย่างเธอไว้นานถึงสามเดือน โดยไม่ทำอะไรเลย
สำคัญกว่านั้น เธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาเป็นเด็กๆ ถึงไม่เจนจัด แต่ก็น่าจะเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
“ผมไมได้อยากรู้เรื่องนี้” แต่หน้าแดงก่ำ...แดงเพราะร้อน...หรือก่ำเพราะอารมณ์กันแน่
“ไม่อยากรู้จริง ๆ หรือว่าทำไม”
เธอยิ้มกริ่ม ทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินไปหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงมุมห้องรับแขก จัดการเทน้ำสีแดงเข้มลงในแก้วทรงสูงสองใบ
ขวัญชีวาเดินกลับมานั่งใกล้เด็กหนุ่มที่เพิ่งหย่อนก้นนั่งบนโซฟายาว ยื่นแก้วหนึ่งให้เขา แต่เขาปฏิเสธ
“ผมไม่มีอะไรต้องฉลองครับ”
“โอเค” เธอตามใจเขา ไม่จำเป็นต้องคะยั้นคะยอ วางแก้วนั้นลงบนโต๊ะตรงหน้า หากเขาอยากดื่มเมื่อไหร่ก็แค่ยื่นมือไปหยิบ
“ที่ฉันยังไม่ยอมมีอะไรกับพ่อเธอ ก็เพราะฉันยังติดค้างใครบางคนอยู่น่ะสิ”
ใครบางคนที่ว่านั่นหมายถึงเขาอย่างแน่นอน สายตาของเธอบ่งบอกอย่างนั้น มันทำให้เขาใจเต้นรัวเร็วและขนลุกขนชันไปหมด
“เรากำลังตกลงเรื่อง...” เขาพูดไม่ทันขาดคำ กลับโดนเธอจูบปากซะงั้น “อะ!”
เขาตกใจชะงัก อึ้งเล็กน้อย ยอมรับว่าแอบรู้สึกดี แต่จะปล่อยให้เธอจูบไม่ได้ มันไม่สมควร เขาไม่ควรทับรอยพ่อของเขา เลยผละออกแล้วมองหน้าเธอดุๆ ทำเหมือนเธอเป็นเด็กเลวที่ควรโดนตี
เธอยิ้มขำ มองเขาตาพราว ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยที่จูบว่าที่ลูกเลี้ยงของตัวเอง
“เธอไง ฉันยังติดค้างเธออยู่ และฉันก็ยังอยากจะใช้หนี้นั้นให้หมด ด้วยการ...” ด้วยการยื่นใบหน้าเข้าหาเขาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล แต่ก่อนที่สองปากจะประกบกันเพียงเฉียดฉิว เด็กหนุ่มขยับใบหน้าหนี ส่งสายตาดุยิ่งกว่าเดิม ดุยิ่งกว่าพ่อเขาเสียอีก
“น้าขวัญอย่าทำแบบนี้เลยครับ”
เธอยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สมกับเป็นยัยแม่มดตัวแสบ “ยอมเรียกน้าแล้วเหรอ”
เขาหันใบหน้ากลับมามองเธอ ราวกับมองเด็กน้อยที่เขาต้องดุต้องด่า เธออายุมากกว่า แต่ชอบทำตัวเป็นเด็กๆ เวลาอยู่กับเขา
“แล้วก็อย่ายั่วโมโหผมด้วย!”
“ยั่วโมโห?”
หรือยั่วอารมณ์กันแน่ เธออยากพิสูจน์เลยขยับใบหน้าเข้าใกล้เขาในระยะอันตราย จนเขาได้กลิ่นลิปสติกจากริมฝีปากสวย จนลมหายใจอุ่นๆประสานกัน มันทำให้หัวใจเขาเต้นระส่ำ ท้องไส้ปั่นป่วน หายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งเมื่อเธอยื่นมือขึ้นจับใบหน้าเขาแล้วลูบไล้อย่างอ่อนโยน แผ่วเบา โหยหา เลือดลมก็ยิ่งสูบฉีด อะดรีนาลินหลั่งพลุ่งพล่านอย่างห้ามไม่ไหว
“ยะ อย่าครับ...” อย่ากระตุ้น อย่ากระตุก ไม่งั้นเขาจะต้านไม่ไหว
“ทำไมล่ะ...” เธอกระซิบเสียงแหบพร่า “ในเมื่อเธอต้องการมัน”
“น้าขวัญ!” เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดตรงและจู่โจมเร็วขนาดนี้ เธอลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังคบหากับพ่อของเขาอยู่ กำลังจะแต่งงานกันแล้วด้วย
“น้ารู้นะว่าเธอมาที่นี่ทำไม เธอหึงน้าใช่มั้ยล่ะ”
เขาทำหน้าแทบไม่ถูก เพราะนั่นคือความจริง เขาอยากจะมาจับตัวเธอไป แล้วเอาเธอไปซ่อนที่ไหนสักแห่ง ที่พ่อของเขาไม่สามารถตามหาพบ เขาอยากจะทำแบบนั้นใจจะขาด
หากพอคิดแบบนั้นแล้ว เขาก็นึกโกรธตัวเองขึ้นมา เพราะมันดูเหมือนว่าเขาทำไปเพราะความหึงหวงจริง ๆ แต่ไม่ได้ทำเพื่อมารดาผู้น่าสงสารของเขาเลย
“ผมไม่ได้หึง! อย่าสำคัญตัวขนาดนั้น!” เขาตอกใส่หน้าเธอด้วยสีหน้ารังเกียจ ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยาม แต่เธอก็ยังยิ้มขำ นั่นเพราะรู้ดีว่าปากเขาไม่ตรงกับใจ
“โอเค ไม่หึงก็ดีแล้ว” เธอจิบไวน์ต่ออย่างมีความสุข เขารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เธอกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของเขาและคนในครอบครัวเขา
“แต่น้าเสียใจด้วยนะ ที่ไม่สามารถทำตามคำขอของเธอได้...ยังไงน้าก็จะแต่งงานกับพ่อของเธอ”
“ผมก็ไม่ได้ห้ามนี่ ผมแค่ขอเวลา...”