วันแรกก็โดนซะแล้ว

1315 คำ
ตอนที่ 5 “ผมอยากให้คุณรับสิ่งตอบแทนจากผม ถือว่าเป็นสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังดี” ลูเซียโนเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย หลังจากที่ปล่อยให้น้องสะใภ้และบุตรสาวเดินเข้าไปในคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเขากับชัชชนน์ที่ยืนเผชิญหน้ากันภายใต้แสงแห่งรุ่งอรุณที่สาดส่องลงมาบนลานกว้างหน้าคฤหาสน์หรู หัวใจของเจ้ามาเฟียผู้มากประสบการณ์เต้นไม่เป็นจังหวะ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เขารู้สึกถึงสายตาที่บุตรสาวมองชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อครู่ มันไม่ใช่แค่ความขอบคุณ แต่มันมีความรู้สึกอื่นที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ซึ่งคนเป็นพ่ออย่างเขานั้นอ่านออกได้เป็นอย่างดี คำพูดที่เคยชักชวนหนุ่มไทยคนนี้มาทำงานในบริษัทเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรง ความหวงแหนลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูเซียโนไม่ต้องการให้หนุ่มแปลกหน้าคนนี้เข้ามาใกล้ชิดกับบุตรสาวมากเกินไป แม้ว่าเขาจะเคยช่วยเหลือลูกสาวเอาไว้ก็ตาม สัญชาตญาณของคนเป็นพ่อมันร่ำร้องเตือนภัย ราวกับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล “ที่ผมทำไปทั้งหมด ผมไมได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เลยครับ” ชัชชนน์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “และผมก็ยินดีที่ได้ช่วยเหลือคุณญาดา อย่างน้อยๆ ก็เป็นคนไทยด้วยกันครับ” ชัชชนน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาคมกริบสบตาลูเซียโนอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีร่องรอยของการเสแสร้งหรือหวังผลตอบแทนใดๆ ลูเซียโน จ้องลึกลงไปในดวงตาของชายหนุ่ม ราวกับต้องการเจาะทะลุเข้าไปอ่านความคิดที่ซ่อนลึกอยู่ภายใต้ใบหน้าสงบนิ่งนั้น ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แสดงความเคารพในการตัดสินใจของเขาอย่างเคารพ “ผมชอบความตรงไปตรงมาของคุณนะ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก รอยยิ้มที่ไม่ได้มีให้ใครง่ายๆ ในใจของมาเฟียผู้มาประสบการณ์นั้นมีความรู้สึกหลากหลายที่ประดังเข้ามา เพียงแค่ได้เห็นแววตาเป็นประกายของบุตรสาวในวันนี้ เขาก็พอจะล่วงรู้ถึงความรู้สึกพิเศษที่ลูกสาวมีต่อชายหนุ่มตรงหน้า แต่ในฐานะมาเฟียที่รักษาคำพูดยิ่งชีพ เมื่อเอ่ยข้อเสนอไปแล้ว เขาก็จะไม่คืนคำ แม้ในใจจะเริ่มกังวลถึงความใกล้ชิดของคนทั้งคู่ก็ตาม ลูเซียโนคิดว่าอย่างน้อยที่สุด การดึงชัชชนน์เข้ามาทำงานในบริษัท ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้จับตาดูพฤติกรรมของหนุ่มไทยคนนี้ได้อย่างใกล้ชิด ไม่ให้คลาดสายตา ราวกับเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่ออย่างระมัดระวัง ลูเซียโน นั้นเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวาง เขามีทั้งธุรกิจที่ถูกกฎหมายและธุรกิจสีเทาที่อยู่ในเงามืด แต่สำหรับชัชชนน์แล้ว เขาตั้งใจจะมอบหมายงานในส่วนของธุรกิจที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นั่นก็คือบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ของเขา ลูเซียโนต้องการดูความสามารถและลักษณะนิสัยของชัชชนน์อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะไว้วางใจให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซับซ้อนและอันตรายกว่านั้นถ้าเป็นไปได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้น “ถ้างั้นอาทิตย์หน้านี้..คุณมาเริ่มงานในบริษัทผมได้เลย ตามนามบัตรที่ลูกสาวผมเคยให้คุณเอาไว้” คำเชิญชวนของลูเซียโน ราวกับเสียงระฆังที่ดังก้องกังวานในหูของชัชชนน์ เป้าหมายที่เขาเดินทางข้ามทวีปมาก็เพื่อสิ่งนี้ โอกาสทองที่เปิดอยู่ตรงหน้ามันยากที่จะปฏิเสธได้ลงคอ แต่ถึงกระนั้นชัชชนน์ก็เก็บซ่อนความรู้สึกยินดีลึก ๆ ไว้ภายใต้ใบหน้าคมคาย ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพและหนักแน่น ราวกับวีรบุรุษที่พร้อมจะรับภารกิจสำคัญ “ผมขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจครับท่าน...ผมยินดีที่จะมาร่วมงานกับท่านครับ” ในใจของชัชชนน์นั้น ความยินดีไม่ได้มาจากโอกาสในการทำงาน แต่เป็นการเปิดประตูบานสำคัญสู่เป้าหมายที่แท้จริงของเขา ดวงตาคมกริบนั้นฉายแววความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ราวกับเปลวเพลิงที่พร้อมจะโหมกระหน่ำ หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ชัชชนน์ในชุดสูทเรียบหรูดูภูมิฐาน ก้าวเข้ามาในสถานที่ทำงานใหม่เป็นวันแรก บรรยากาศโดยรอบดูทันสมัยและเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว เสียงโทรศัพท์ดังเป็นระยะๆ และพนักงานที่เดินขวักไขว่บ่งบอกถึงความวุ่นวายในการทำงาน ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึงแผนกที่เขาได้รับมอบหมายคือหัวหน้าวิศวกร เมญาดาในชุดกระโปรงผ้าไหมสีชมพูหวานก็เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส “ยินดีต้อนรับค่ะ...คุณชัช” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความยินดีอย่างแท้จริง “มีอะไรให้ญาดาช่วยก็บอกได้เลยนะคะ” “ขอบคุณมากครับ...คุณญาดา” ชัชชนน์ตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นกว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ชวินหนุ่มไทยหน้าตาดี ผิวขาวสะอาด ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับขึ้นอย่างลวกๆ ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อเห็นเมญาดากำลังพูดคุยอยู่กับชัชชนน์อย่างสนิทสนม “น้องญาดาครับ พี่มีเอกสารสำคัญที่ต้องให้น้องเซ็นอนุมัติด่วน” ชวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งกระด้าง ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ชัชชนน์อย่างไม่เป็นมิตร “อ๋อ ได้ค่ะพี่วิน รอสักครู่นะคะ” เมญาดาหันไปตอบชวินด้วยท่าทีสุภาพ แต่ก็แฝงความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหาชัชชนน์ “คุณชัชคะ นี่พี่วินค่ะ เป็นลูกชายของน้าชล” “สวัสดีครับ” ชัชชนน์ทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาคมกริบก็จับสังเกตปฏิกิริยาของชวินอย่างละเอียด “หวัดดี!!” ชวินตอบรับสั้นๆ โดยไม่สบตาชัชชนน์โดยตรง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เมญาดาอย่างเปิดเผย ตลอดทั้งวัน ชวินพยายามเข้ามาขัดจังหวะทุกครั้งที่เมญาดาเข้ามาพูดคุยหรือให้ความช่วยเหลือชัชชนน์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกเมญาดาไปประชุมด่วน หรือการมอบหมายงานให้เธอทำอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้องการกีดกันไม่ให้ทั้งสองได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน ซึ่งนั่นส่วนใหญ่ก็มาจากคำแนะนำของชลธิชาแม่บุญธรรมของเขา ในช่วงพักกลางวัน เมญาดาชวนชัชชนน์ไปทานอาหารที่โรงอาหารของบริษัท แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไปด้วยกัน ชวินก็เดินเข้ามาขวางทางเสียก่อน “น้องญาดาครับ ท่านประธานฝากบอกว่าวันนี้เราต้องออกไปทานข้าวกับลูกค้าคนสำคัญด้วยกันน่ะครับ” ชวินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ แต่ดวงตากลับจ้องมองชัชชนน์อย่างท้าทาย เมญาดามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “เอ่อ...คุณชัชคะ งั้นเอาไว้โอกาสหน้านะคะ” ชัชชนน์มองหน้าเมญาดาด้วยความเข้าใจ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ “ไม่เป็นไรครับคุณญาดา ผมทานคนเดียวได้” ในใจของเขารู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรที่ชวินแสดงออกมาอย่างชัดเจน และเริ่มเข้าใจถึงความรู้สึกอึดอัดที่เมญาดาแสดงออกมาเมื่อต้องอยู่ใกล้ชวิน บรรยากาศในที่ทำงานวันแรกของชัชชนน์จึงเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่แฝงอยู่ภายใต้ความสุภาพ เมญาดาพยายามแสดงความเป็นมิตรและให้กำลังใจเขาอย่างเต็มที่ ในขณะที่ชวินก็คอยกันท่าและแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเมญาดาอย่างชัดเจน ทำให้ชัชชนน์เริ่มตระหนักว่าการเข้ามาทำงานที่นี่ อาจไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด และเขาอาจต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งหัวใจที่น่าจับตามองอย่างชวินก็เป็นได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม