บทที่1

1151 คำ
จือลู่เป็นบล็อกเกอร์สาวชื่อดังที่มีคนติดตามเธอมากมายในโซเซียล เพราะเทคนิคการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์และคนที่แต่งหน้าไม่เป็นสามารถแต่งตามได้อย่างง่าย อีกอย่างเครื่องสำอางที่นางใช้ก็หาซื้อได้ง่ายราคาจับต้องได้ เธอมีเพื่อนสนิทชื่อเสี่ยวหลัน นางเป็นคนที่แนะนำให้เสี่ยวหลันได้รู้จักกับคนรัก และตอนนี้เสี่ยวหลันก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์แล้ว เธอจึงให้จือลู่มาแต่งหน้าวันพรีเวดดิ้งให้ "ฮัลโหล" จือลู่งัวเงียตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ "ลู่ลู่ เธอถึงไหนแล้ว อย่าบอกนะว่าเพิ่งตื่น" เสียงตวาดอย่างโมโหดังทะลุออกมาจากโทรศัพท์ จือลู่ที่หรี่ตามองเวลาที่โทรศัพท์ก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นอน "หลันหลัน ฉันถึงทันเวลาแน่เธอไม่ต้องห่วง" วันนี้เธอมีนัดแต่งหน้าให้เพื่อนสนิทที่ต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วเธอยังต้องรีบกลับมาแต่งหน้าให้ลูกค้าในตอนเย็นอีกด้วย จือลู่แทบจะโยนโทรศัพท์ในมือทิ้งแล้ววิ่งอย่างเร็วเพื่อไปอาบน้ำ ก่อนจะรีบร้อนออกจากบ้าน ยังดีที่เครื่องมือแต่งหน้าทั้งหมดเพียงยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นรถก็ออกเดินทางได้เลย กว่าจือลู่จะแต่งหน้าให้เพื่อนสนิทเสร็จเธอยังต้องอยู่ช่วยเปลี่ยนชุด และแต่งหน้าเพิ่มให้ว่าที่เจ้าสาวอีกสองรอบถึงจะกลับไปงานในตอนเย็นได้ จะทิ้งเพื่อนกลางคั่นก็ไม่ได้ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของเธอและเป็นเธอที่แนะนำให้ทั้งสองคนรักกัน เวลาที่กระชั้นชิดทำให้ลู่จือขับรถด้วยความเร็วเพราะกลัวจะไปงานในตอนเย็นไม่ทัน เจ้าของงานช่วงเย็นโทรมาหาเธอ "โอ๊ยใครโทรมาตอนนี้เนี้ย" จือลู่คว้านหาโทรศัพท์ที่อยู่อีกเบาะหนึ่ง เมื่อสายตาของเธอหลุดโฟกัสจากถนนไป ทำให้จือลู่ไม่อาจควบคุมรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วได้ รถของเธอจึงตกลงไปชนกับต้นไม้ข้างทางอย่างแรง ความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายทำให้จือลู่รู้ว่าเธอจึงมีชีวิตอยู่ แต่เสียงพูดคุยรอบด้านที่เธอได้ยิน แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด เธอจึงคิดว่าเป็นรถที่ตามหลังมาแล้วหยุดช่วยเธอ จากนั้นจือลู่ก็หมดสติไป เมื่อเธอฟื้นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ภายให้ห้องเล็กๆที่มืดสนิท จือลู่ไม่อาจขยับตัวลุกขึ้นได้ เธอใช้มือคลำไปรอบข้างเพื่อหาโทรศัพท์จะนำมาเปิดแฟลชโทรศัพท์ "โรงพยาบาลทำไมถึงไม่เปิดไฟ" จือลู่บ่นพึมพำ แต่เสียงที่ออกมาแม้จะเบามากก็ทำให้เธอชะงัก ไม่ มันไม่ใช่เสียงเธอ มันเป็นเสียงของเด็กน้อยคนหนึ่ง จือลู่รวบรวมกำลังที่มีเพียงน้อยนิด คลำไปตามใบหน้าและตัว แสงของดวงจันทร์ที่ส่องมาตามช่องไม้ก็ทำให้นางที่เพิ่งปรับสายตาได้รู้ว่า ห้องที่เธออยู่มิใช่โรงพยาบาลอย่างที่เธอเข้าใจ เมื่อยกมือขึ้นเพื่อให้แสงจากข้างนอกส่องมาโดน มือข้างเธอเป็นมือเล็กที่ดูเหมือนจะยังโตไม่เต็มที่ แขนที่เล็กลีบเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ผมยาวที่แห้งกระด้างเหมือนขนไม้กวาด จือลู่นอนนิ่งคิดอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอไปแต่งหน้าแล้วรีบขับรถไปงานที่สองต่อ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงได้รูปร่างน่าเกลียดเช่นนี้ ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมหลั่งไหลเข้ามา เธอจึงได้รู้ว่าเธออยู่ในร่างของ จางจือลู่ หญิงสาววัยสิบสี่ปี ที่กำลังจะถูกท่านลุงกับท่านป้าสะใภ้จับให้แต่งงานกับชายวัยกลางคนที่เป็นพ่อหม้าย จางจือลู่ บิดามารดาของนางเสียชีวิตทั้งคู่ ต้องอาศัยอยู่กับน้องชายวัยสิบสองหนาวเพียงลำพัง แต่ท่านลุงท่านป้าสะใภ้ที่เพิ่งจะรับพวกนางมาอยู่ด้วยหลังจากบิดามารดาเสียชีวิตก็คิดจะขายนางออกไปเพื่อลดค่าใช้จ่าย และยังจะนำเงินที่ขายนางมาแต่งลูกสะใภ้ให้บุตรชายของตน "นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ" จือลู่พึมพำออกมา ความจริงนางอยากจะตะโกนออกมา แต่ร่างกายของร่างช่างน่าสงสารนัก คอที่แห้งผากจากการขาดน้ำทำให้เธอไม่อาจจะเปร่งเสียงดังออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือหรือตะโกนความอัดอั้นตันใจออกมาได้ เธอตื่นออกมาไม่นานก็ต้องหมดสติไม่อีกครั้ง เสียงด่าของสตรีดังขึ้นอยู่ด้านนอก จือลู่พยายามลืมตาขึ้นเพื่อมองหาต้นเสียง เธอจึงได้รู้ว่าภายในห้องที่เธอนอนอยู่เป็นห้องเก็บฝืน และตอนนี้เธอนอนอยู่บนพื้นโดยไม่มีสิ่งใดรองหรือผ้าห่มคลุมตัวนาง "นังเด็กสารเลว ตายแล้วหรือยัง "เสียงสตรีด่าทออย่างหยาบคายอยู่ภายนอกห้อง ทั้งยังทุบประตูที่แสนบอบบางจนแทบจะพังลงมา จือลู่จึงแกล้งหลับตาลง เธออยากจะรู้ว่าสตรีนางนั้นจะทำสิ่งใดกับเธอ เมื่อสตรีคนนั้นพังประตูเข้ามาได้ จือลู่เผยอตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูว่าเป็นใคร นางคือ กงซื่อ ป้าสะใภ้ใหญ่ของนางเดิม เมื่อนางกงซื่อเดินเข้ามายังเห็นว่าจือลู่ยังนอนอยู่จึงหยิบไม้ที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาเขี่ยนาง หากเพียงแค่เขี่ยจือลู่จะไม่คิดอันใด แต่นางดันตีลงมาที่ขาของจือลู่ด้วย จือลู่ต้องกัดฟันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา "มันตายแล้วหรือยัง ข้าจะได้ห่อเสื่อไปทิ้งที่บนเขา มิเช่นนั้นหากใครมารู้เจ้ากับข้าต้องถูกทางการจับตัวไปแน่" เสียงบุรุษดังขึ้นด้านหลังของกงซื่อ จือลู่คิดว่าคงเป็นท่านลุงใหญ่ของเจ้าของร่างเดิมแน่ "จะตายได้อย่างไร พ่อหม้ายจงจะมารับตัวนางพรุ่งนี้แล้ว" เสียงแหลมของกงซื่อดังขึ้น "เหอะ แล้วเจ้าจะตีนางจนมีสภาพเช่นนี้เพื่ออันใด" "แล้วมิใช่นังเด็กบ้านี่หรือ หากนางยอมแต่งออกไปดีดี ข้าจะตีนางเพื่ออันใด" กงซื่อหันไปตวาดจางต้าอู๋ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันจนเป็นที่น่าลำคาญของจือลู่ด้านนอกก็มีเสียงของชาวบ้านดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูเรือนตระกูลจาง จางหนิงเฉิงก็วิ่งเข้ามาด้านในเพื่อดูพี่สาวของเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม