จือลู่ที่นอนคิดทั้งคืนว่าจะหาเงินได้อย่างไรก็คิดจนนอนหลับไป เพราะนางไม่รู้จะทำยังไงให้ได้เงิน หากจะขึ้นเขาหาของป่าก็คงต้องรักษาตัวให้หายเสียก่อน
จือลู่รักษาตัวอยู่เกือบสิบวัน ถึงจะลุกขึ้นมาเดินอย่างปกติได้ ในช่วงแรกนางก็ลุกขึ้นมาช่วยทำงานบ้านได้แล้ว เพียงแต่ยังคงเจ็บตัวอยู่จึงไม่อาจช่วยหนิงเฉิงได้มากนัก เงินที่ได้มาจากต้าอู๋ก็มีเพียงห้าตำลึงเท่านั้น ถึงจะพอให้ทั้งคู่กินใช้ไปได้หลายเดือน แต่ก็ไม่อาจจะนอนอยู่เฉยๆได้แล้ว
นางคิดจะขึ้นเขาหาของป่าจึงได้ลุกขึ้นเตรียมตัวแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จือลู่เดินสะดุดกล่องอะไรไม่รู้ที่อยู่ข้างเตียงจนนางเกือบล้มลง
"โอ๊ย" เสียงร้องของนางทำให้หนิงเฉิงที่เพิ่งตื่นก็รีบร้อนมาที่ห้องของนางอย่างรวดเร็ว
"พี่หญิงท่านเป็นอันใด" หนิงเฉิงจุดเทียนแล้วรีบเข้ามาภายในห้อง
สองพี่น้องยืนนิ่งมองกล่องรูปร่างแปลกๆที่อยู่ข้างเตียงของจือลู่ แต่จือลู่ย่อมรู้ดีว่ากล่องที่นางเห็นคือกล่องเครื่องสำอางของนาง เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำตามนางมาได้อย่างไร
สองพี่น้องนั่งลงที่ข้างกล่องใบใหญ่ จือลู่เปิดกล่องออกดูก็พบว่าของทั้งหมดของนางยังอยู่ภายในกล่องอย่างดี ของกินเล่นที่นางมักจะซื้อแล้วโยนไว้ภายในกล่องเครื่องสำอางก็ยังคงมีอยู่
หนิงเฉิงมองของต่างๆอย่างแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าภายในกล่องที่เห็นคือสิ่งใด จือลู่ส่งแฮมเบอร์เกอร์ที่นางชอบซื้อระหว่างทางติดไว้ เพราะกินสะดวกส่งให้หนิงเฉิง เมื่อหยิบออกไปหนึ่งอย่าง ภายในกล่องก็ปรากฏของสิ่งเดิมขึ้นมาทดแทน
จือลู่หันไปสบตาของน้องชายอย่างตกใจ เพราะนางไม่คิดว่าจะเป็นเช่นที่เห็น ของกินไม่ได้มีเพียงแฮมเบอร์เกอร์เท่านั้น เพราะนางต้องวิ่งงานถึงสองงานในวันที่เกิดอุบัติเหตุจึงมีอาหารสำเร็จรูปอยู่หลายอย่าง ที่สามารถกินได้เลยหรือนำไปอุ่นก็กินได้ทันที
"กินก่อนเดี๋ยวค่อยคุย" จือลู่บอกน้องชายเมื่อเห็นสายตาของน้องชายมองมาที่นางเหมือนอยากจะถามสิ่งใด
จือสู่หยิบซอสออกมาเทราดไปที่แฮมเบอร์เกอร์และกินเป็นตัวอย่างให้น้องชายดู หนิงเฉิงบอกพี่สาวอย่างอึ้งๆ เพราะจือลู่กำลังอ้าปากกว้างกัดลงไปที่ของกินคำโต หนิงเฉิงจึงลองทำตาม
คำแรกที่เข้าปาก รสชาติของเนื้อที่ไม่ได้ลิ้มลองมานาน ความกรอบของผัก ที่มีความเผ็ดเปรี้ยวของซอสที่ใส่ลงไป เพียงไม่นานสองพี่น้องก็กินหมดลงอย่างรวดเร็ว
จือลู่ส่งน้ำเปล่าให้หนิงเฉิงหนึ่งขวดและเปิดฝาน้ำให้เขาด้วย ทุกการกระทำของจือลู่ทำให้หนิงเฉิงอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เหมือนสิ่งที่พี่สาวเขาทำเป็นสิ่งที่นางทำเป็นประจำ
"พี่หญิงท่านจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือยัง" หนิงเฉิงที่ดื่มน้ำลงได้ครึ่งขวด ก็จ้องมองขวดน้ำอย่างสงสัย จึงได้เอ่ยถามพี่สาวขึ้น
"เจ้าฟังแล้วอย่าตกใจเล่า" จือลู่เอ่ยเตือนน้องชายไว้ก่อน
จือลู่แต่งเรื่องแล้วเล่าให้หนิงเฉิงฟังว่า ช่วงที่นางโดนทุบตีนั้นวิญญาณของนางหลุดไปอีกมิติหนึ่ง นางได้ใช้ชีวิตร่ำเรียนจนอายุได้ยี่สิบหกหนาวและเกิดอุบัติเหตุขึ้น จือลู่บอกว่านางได้ทำอาชีพที่เรียกว่าช่างแต่งหน้า ที่หนิงเฉิงเห็นคือเครื่องมือที่นางใช้แต่งหน้าให้ลูกค้าที่มาจ้างงาน
"พี่หญิง" หนิงเฉิงจับมือพี่สาวแล้วร่ำไห้ออกมา จือลู่กล่าวขอโทษอยู่ภายในใจที่ต้องโกหกเขา
นางไม่อาจจะบอกความจริงได้ว่านางไม่ใช่พี่สาวของเขา นางเป็นเพียงวิญญาณที่มาอาศัยร่างของพี่สาวหนิงเฉิงและนางได้ตายไปแล้ว หากนางพูดออกไปเช่นนี้นางคงได้โดนเผาทั้งเป็น
"พี่ไม่เป็นอันใดแล้วเจ้าอย่าได้ร้องไห้อีกเลย" จือลู่ลูบหลังปลอบหนิงเฉิง
"วันนี้ขึ้นเขากันดีหรือไม่" นางเปลี่ยนไปเรื่องขึ้นเขาหาของป่าแทนเพื่อให้หนิงเฉิงลืมเรื่องที่นางวิญญาณหลุดออกจากร่าง
"ได้ท่านพี่ ท่านเก็บกล่องของท่านให้ดี อย่าให้ผู้ใดพบเห็นเข้า" หนิงเฉิงพูดกับจือลู่อย่างจริงจัง
"ได้ได้ ข้าจะเก็บประเดี๋ยวนี้" แต่ก่อนที่นางจะเก็บ นางนำของกินและน้ำออกมาอีกเพื่อนำไปเป็นเสบียงช่วงขึ้นเขา
หนิงเฉิงที่รอบคอบกว่าจือลู่ก็นำของออกจากถุงและใส่ลงไปในห่อผ้าแทน ถุงขยะและขวดน้ำ จือลู่ลองใส่กลับเข้าไปในกล่องปรากฏว่าของที่เป็นขยะจะหายไป และเปลี่ยนเป็นของชิ้นใหม่ขึ้นมาแทน นางจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของกินอีก แต่จะให้กินเพียงของไม่กี่อย่าง คงไม่นานได้เบื่อแน่ และนางก็ไม่คิดจะหวังพึ่งเพียงของกินในกล่องเท่านั้น
สองพี่น้องแบกตะกร้าขึ้นหลังในตะกร้านอกจากของกินแล้วยังมีมีดพร้าและของที่ไว้ขุดหาผักป่าได้อีกด้วย ทั้งคู่มุ่งหน้าขึ้นเขา ก็พบเจอชาวบ้านที่ออกมาทำไร่และหาของป่าเช่นเดียวกับทั้งคู่
"ลู่เออร์หายดีแล้วหรือ" เมื่อเห็นว่านางจะขึ้นเขาพร้อมหนิงเฉิงทุกคนต่างก็สอบถามทั้งคู่อย่างเป็นห่วงแล้วยังกำชับให้หนิงเฉิงดูแลพี่สาวที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บให้ดีด้วย ทั้งคู่กล่าวขอบคุณไปตลอดทาง
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน จือลู่มองดูก็ไม่พบผักป่าหรือสิ่งใดให้นางเก็บได้ นางจึงชวนหนิงเฉิงแยกไปอีกทางที่ไม่มีชาวบ้านเดินเข้าไปมากนัก
"ท่านพี่ ฟากนั้นไม่มีใครไปกันนักขอรับ" หนิงเฉิงเอ่ยเตือนอย่างกังวลใจ เพราะพรานป่ามักจะบอกว่าด้านนั้นมีเสือ มีหมีป่า จึงไม่มีใครกล้าเข้าไป
"เข้าไปไม่ลึกนัก หากเดินไปทางที่ชาวบ้านคนอื่นเดินเจ้าก็ไม่พบของมีค่าหรือของที่กินได้แล้ว" จือลู่กล่าวแย้งและแยกตัวเดินนำไปอีกทาง